'ภูมิวัฒน์' แฉซ้ำรับเงินต่างชาติไม่ใช่เรื่องแปลกในกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องปชต.


เพิ่มเพื่อน    

18 ส.ค.63 - นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มนวชีวิน ที่ออกมาแฉถูกปิดปากห้ามขึ้นเวทีม็อบประชาชนปลดแอก ถูกใช้เป็นบันไดให้คนบางกลุ่มรับเงินสถานทูต รับงานเอ็นจีโอต่างประเทศ เปิดใจในช่วงต่อต้านรัฐประหารแรกๆ ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ นอกจากใช้ให้แบกของเท่านั้น หลังจากนั้นปรากฏว่านายภูมิวัฒน์ ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนจะกลับมาเปิดใช้งานเฟซบุ๊กอีกครั้ง พร้อมกับโพสต์ข้อความชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า จากการที่มีกระแสข่าวและข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวผม จึงจะขอใช้โพสต์นี้เพื่อชี้แจงเป็นครั้งสุดท้าย ในกรณีที่ผมได้โพสต์ในลักษณะของการเปิดเผยความในใจออกมา

ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างถึงที่สุด หากสิ่งที่ผมได้เผยแพร่ออกไปนั้นได้ส่งผลในทางลบกับขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ผมยังคงยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น เจาะจงเพียงแค่เฉพาะกลุ่ม เฉพาะแค่ส่วนเล็กๆ ภายในองคาพยพที่ใหญ่กว่านั้นมากๆ ผมยังคงต้องการแสดงเจตจำนงว่า ในเนื้อหาทั้งหมดที่ผมเคยได้กล่าวถึง มันเป็นเรื่องของคนไม่กี่คน พวกคนไม่กี่จำพวก ที่อิงแอบกับขบวนการทางประชาธิปไตย และยังคงยืนหยัดในหลักการณ์อย่างเหนียวแน่นว่าการต่อสู้ของประชาชน จะชนะได้ด้วยอาศัยแรงของมวลชน จะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ด้วยประชาชนที่ต่อต้านกับความอยุติธรรมในบ้านเมือง

ผมพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้มาเสมอ ทั้งการพูดคุยในทางตรงและทางอ้อม รวมถึงเป็นสิ่งที่ผมพูดถึงบ่อยๆ ผ่านทางหน้าเฟสบุ๊คส่วนตัว ไม่ใช่สิ่งที่ผมเพิ่งเอาออกมาพูดถึง ไม่ใช่สิ่งที่ผมอาศัยจังหวะเพื่อการบ่อนทำลายผู้ใด แต่คือความปราถนาดีที่พยายามอย่างยิ่งในการที่จะสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเสมอมา และมันก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่หลายๆ คนในแวดวงที่ได้เลือนหายไปจากวงการนี้เคยกล่าวถึง เคยพยายามตักเตือนและแสดงความหวังดีมาตลอด ทำให้สิ่งที่ผมพูด ไม่ใช่เพียงแต่ผมคนเดียวที่พูดถึงความไม่ชอบมาพากลเหล่านี้

ผมยังคงยืนยัน ว่าจุดยืนของผม เป็นเพียงการที่จะแสดงความเป็นกัลยาณมิตร อย่างที่ท่าน ส.ศิวรักษ์ มักพร่ำสอนในวัยเยาว์ ว่ากัลยาณมิตร ต้องเป็นผู้กล้าที่จะพูด ในสิ่งที่มิตรไม่อยากฟัง

และขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้

- ชี้แจงเรื่องการรับเงินต่างชาติและ NGOs เรื่องราวเหล่านี้เป็นความจริง และไม่ใช่เรื่องผิดแปลกที่ได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้ ผมมองว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องที่ต้องจริงใจและไม่ปกปิดเอาไว้ อย่างที่ผมได้ย้ำว่า นี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มเล็กๆ เพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ผมยังยืนยันว่าแทบทั้งหมด จนส่วนใหญ่ ไม่ได้รับเงินจากไหน ไม่ได้รับงานจากไหน พวกเขายังล้วนใช้แหล่งเงินทุนของพวกเขาเอง ใช้เงินที่ได้รับจากการเปิดบริจาคในทางสาธารณะ มาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย

การรับเงินทุนขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรข้ามชาตินั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดกฏหมาย ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องปกปิด ในแง่ของการเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาสังคมผ่านประเด็นต่างๆ อย่างที่คนทั่วไป หรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ ยังสามารถเขียนโปรเจคต์เพื่อรับเงินทุนจากต่างชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นด้านศิลปวัฒนธรรม ความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิสตรี สิทธิในการทำแท้ง สิทธิเยาวชน สิ่งแวดล้อม การแสดง ภาพยนต์ สื่อสารมวลชน การพัฒนาชุมชน กฏหมาย สิทธิสัตว์ ฯลฯ การผลักดันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน โดยมีแหล่งที่มาเงินทุนจากภายนอกจึงไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย แต่เป็นเรื่องที่ต้องเปิดเผย จริงใจ และชี้แจงในที่แจ้ง

- ชี้แจงเรื่องการถูกกล่าวหาว่าขายข่าวและเป็นสาย ผมมักพูดเสมอ ว่าผมถูกกีดกันออกจากขบวน และไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการใดๆ มาเสมอ ในกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ เองก็มีการสื่อสารแค่ภายในองค์กร และผมไม่ได้ไปยุ่งเลยกับกิจการภายในของกลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในการที่ผมจะขายข่าว หรือเป็นสาย เพราะผมไม่สามารถรับข่าวใดๆ ของกลุ่มอื่น เครือข่ายอื่นได้

ถ้าจะบอกว่าผมขายข่าว จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ และสำหรับผม นี่เป็นเพียงหนึ่งในข้อกล่าวหาที่มักถูกใช้สำหรับการโจมตีเมื่อมีคนพยายามพูดถึงสิ่งเดียวกันกับที่ผมกำลังพูดเสมอมา หลายๆ คนก็เคยโดนกล่าวหาแบบเดียวกัน และนี่เป็นเพียงอีกครั้งหนึ่ง ที่สิ่งนี้เกิดขึ้น เพียงแต่เกิดขึ้นกับผม

ถ้าจะเป็นสาย ผมคงพยายามอยู่คลุกคลี เออออกับทุกอย่าง เชื่อฟัง ว่านอนสอนง่าย ให้สามารถรับข่าวสารต่างๆ ได้ง่ายๆ ไม่มีความจำเป็นใดเลยที่ต้องสร้างการกระทบกระทั่ง จนทำให้ถูกกีดกันออกมาดั่งตอนนี้ ผมว่า ก็คงไม่มีเหตุอันสมควรใดๆ ที่ผู้มีอำนาจจะเลี้ยงดูปูเสื่อแหล่งข่าว ที่ไม่สามารถหาข่าวได้เลย

- ชี้แจงความสัมพันธ์กับขบวน ผมได้ยืนยันไปแล้วว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการใดๆ นอกจากขบวนการที่ผมมีส่วนร่วมก่อตั้งขึ้นมาเองดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะแทรกซึมที่ใด และไม่มีสิ่งอื่นนอกเหนือจากความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ

- ชี้แจงความสัมพันธ์กับกลุ่มนวชีวิน ผมเป็นเพียงหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง นวชีวินมีคนสังกัดอยู่ถึง 60 กว่าคน และผมเองมีตำแหน่งเพียงแค่ผู้ประสานงานเครือข่าย ไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่ได้มีอำนาจในการชี้นำภายในแนวร่วม เว้นแต่การร่วมออกแบบเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเชิงประเด็น

สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพียงโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัว จากปัญหาที่มีความขัดแย้งกับกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ได้เป็นข้อบาดหมางของแนวร่วม และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวร่วมท่านอื่นแต่อย่างใด

สถานะของผมตอนนี้เอง ก็ได้ประกาศลาออกจากแนวร่วมนวชีวิน และยุติบทบาทการทำงานทั้งหมด รวมทั้งส่งต่อภาระงานที่ยังค้างอยู่ไว้กับคณะทำงานเป็นที่เรียบร้อย เพราะฉะนั้น ผมจึงใคร่ขอให้ทบทวนพิจารณา ว่าแนวร่วมนวชีวินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ ถ้าจะโจมตี ขอให้โจมตีเพียงที่ผม อย่าได้เกินเลยจนไปลดทอนกำลังใจของสมาชิกภายในเครือข่ายท่านอื่นที่ตั้งใจอย่างยิ่งในการทำงานเลย

- แนวทางที่จะดำเนินการต่อไป ภายหลังจากที่ผมตื่นนอนในวันนี้ มีหลายสายโทรมาเตือนผมว่ามีการพยายามสืบหาที่อยู่ปัจจุบัน ตอนนี้ผมจึงกำลังเดินทางไปในสถานที่ปลอดภัย และกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัว และใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ในการรับจ้าง หาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกับสามัญชนคนธรรมดาหลายๆ คนในประเทศนี้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากต่อไป

ผู้เผด็จการทั้งหลายทั้งมวลจงพินาศ ประชาธิปไตย ประชาชน จงเจริญ

ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"