ก.อ.เมินตั้งอนุฯสอบดุลพินิจเนตร


เพิ่มเพื่อน    

  ตร.จ่อออกหมายจับ "บอส" ข้อหาเสพโคเคน "วิชา" เรียก "พล.ต.อ.สมยศ" แจงปมเปลี่ยนความเร็วเฟอร์รารี หลัง "ธนสิทธิ์" รับโดนกดดัน พร้อมประสาน ยธ.สอบเส้นทางการเงินทุกคนที่เกี่ยวข้อง "เพิ่มพูน" อ้างไร้ข้อมูลผิดปกติเลยไม่แย้งอัยการ "เนตร" รอด! มติ ก.อ.ไม่ตั้งอนุ กก.สอบการใช้ดุลพินิจ มีแค่ 5 เสียงโหวตหนุน

    ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน โดยเชิญ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐ.) มาชี้แจงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถเฟอร์รารีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับชนในที่เกิดเหตุ และในช่วงบ่าย เชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงกรณีการใช้ดุลพินิจไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการไม่ฟ้องนายวรยุทธ
    จากนั้นเวลา 16.00 น. นายวิชาเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ถือเป็นพยานที่มีน้ำหนัก ทำให้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ จาก 177 เป็น 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ยืนยันว่าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพียงครั้งเดียว คือ วันที่ 26 ก.พ.2559 และยืนยันว่าไม่ได้เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 มี.ค. ตามที่ถูกกล่าวอ้าง รวมถึงไม่ทราบว่านายสายประสิทธิ เกิดนิยม เข้ามาได้อย่างไร ทราบเพียงเป็นผู้ทำข้อมูลในคดีเสี่ยชูวงษ์ จึงทำให้เชื่อถือในข้อมูล แต่เมื่อกลับมาทบทวนและเชื่อว่าไม่ถูกต้อง จึงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลกลับไปอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก. (สอบสวน) สน.ทองหล่อ อ้างว่าทำคดีอื่นซับซ้อน ทำให้เกิดความสับสน จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ พ.ต.อ.ธนะสิทธิยอมรับว่ากังวลเรื่องของความปลอดภัย โดยอ้างว่ามีบุคคลติดตาม และยอมรับต่อคณะกรรมการว่าถูกกดดัน
    เมื่อถามว่า ถูกกดดันจากใคร นายวิชาระบุว่า ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่บอกว่าคนที่พานายสายประสิทธิ์มาคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นคณะกรรมการฯ จะเชิญมาให้ข้อมูลชี้แจงในวันพฤหัสบดีที่ 20 ส.ค. ในเวลา 13:30 น. รวมถึงเชิญอัยการสูงสุดมาด้วย อย่างไรก็ตามคงไม่ต้องเชิญ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจในขณะนั้น เพราะมีการชี้แจงว่าใช้เพียงห้องทำงานของ พล.ต.อ.มนูเท่านั้น ทั้งนี้จะตรวจสอบว่าในการทำสำนวนมีใครที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ
    นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบตำรวจจะเชิญผู้บังคับการกองต่างประเทศที่รับผิดชอบการออกหมายแดง หรืออินเตอร์โพล และการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ข้อมูล วันที่ 20 ส.ค.นี้เช่นเดียวกัน รวมถึงเชิญตำรวจที่เชียงใหม่มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง รวมถึงการชันสูตรพลิกศพ
ให้ ยธ.สอบเส้นทางการเงิน
    ส่วนการเข้าให้ข้อเท็จจริงของ พล.ต.ท.เพิ่มพูนนั้น ได้มีการชี้แจงเรื่องการมอบอำนาจว่าเป็นไปตามระบบ คำสั่งเป็นเด็ดขาดไม่รับคืน และที่ไม่เห็นแย้งอัยการเพราะไม่มีข้อมูลใดผิดปกติ แต่ยอมรับว่าเพิ่งทราบว่ามีการกดดัน พ.ต.อ.ธนสิทธิ์จากสื่อ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่ามีการกดดันและทำสำนวนอันเป็นเท็จ คงไม่ยอม ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะต้องนำไปพิจารณากระบวนการทำงานของตำรวจต่อไป นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จากข้อมูลของคณะทำงานทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เห็นได้ชัดแล้วหรือไม่ว่าเป็นกระบวนการเอื้อในทางคดีให้กับนายวรยุทธ นายวิชากล่าวว่า อย่างที่สื่อมวลชนบอก เราก็รู้กันดีอยู่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ใช่แค่คดีรถชนกันตาย แต่จริงๆ แล้วไม่ปกติ สมแล้วที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ ส่วนที่วิจารณ์ในโซเชียลว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้เป็นกระบวนการสอบเพื่อช่วยกันนั้น ถ้าช่วยกัน ตนจะออกมาเปิดเผยข้อมูลพิรุธและบอกว่าผิดปกติทำไม
    ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ในการประชุม กมธ. วันที่ 19 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณาเรื่องคดีของนายวรยุทธ โดยจะเชิญ พล.ต.อ.สมยศ เข้าชี้แจง รวมถึงเชิญนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. อดีตเลขานุการ กมธ.การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย ส่วน พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร พยานคดี ซึ่งไม่ได้ติดต่อเข้าชี้แจง ทาง กมธ.จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.เรียก ให้ พล.อ.ท.จักรกฤชมาชี้แจง
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องและตำรวจไม่แย้งคดีนายวรยุทธ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการฯ ได้เสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจิยดา ผบ.ตร. ขอขยายเวลาการตรวจสอบอีก 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 18 ส.ค.นี้ เนื่องจากมีเรื่องต้องตรวจสอบเยอะ ทำไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องวินัย ว่าใครผิดอะไรบ้าง เพราะบางคนทำผิดหลายอย่าง บางคนก็ทำผิดอย่างเดียว ซึ่งพบว่ามีความซ้ำซ้อน อย่างบางคนถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังมาทำผิดซ้ำอีก และช่วงนั้นที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว เมื่อคณะกรรมการฯ มาตรวจสอบก็พบความผิดที่ยังไม่ส่งไปอีก จึงต้องรวบรวมให้ครบถ้วน ส่วนใครจะมีความผิดข้อหาอะไรบ้าง ทาง ผบ.ตร.จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอีกครั้ง รวมถึงการทำเรื่องส่งเอกสารไปที่อัยการสูงสุดที่ต้องใช้เวลาด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม 2 กรณี คือ การตรวจวัดความเร็วรถ และการแจ้งข้อหาเพิ่มกรณีพบสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคนในร่างกายนายวรยุทธนั้น ล่าสุดกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) มีการประชุมของคณะพนักงานสอบสวน บก.น.5 และพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อพิจารณาเตรียมการออกหมายจับนายบอส ข้อหา “เสพสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคนขณะขับรถ”
กอ.ไม่ตั้ง กก.สอบ "เนตร"
     ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และอดีตอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 82/2563 ว่า มีการเสนอชื่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ เพื่อตรวจสอบดุลพินิจของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด โดยได้ทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุม อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 248 และระเบียบพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 30 (10) พร้อมร่างคำสั่งจัดตั้งผู้ที่เป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบ ผลการโหวตเสียงส่วนใหญ่ที่ประชุมไม่เห็นชอบ จึงตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวไม่ได้
    โดยเหตุผลในที่ประชุม ก.อ. บางส่วนบอกให้มีการชะลอการตั้งอนุกรรมการดังกล่าวไว้ก่อน บางคนไม่มีการอภิปรายแต่โหวตไม่เห็นชอบ ผู้ที่เห็นชอบมีอยู่ 5 เสียง ส่วนที่เหลือก็มีไม่ออกเสียงและไม่เห็นชอบ ทั้งนี้ตามขั้นตอนในการโหวตดังกล่าว นายเนตรต้องเดินออกจากที่ประชุม ส่วนเรื่องที่นายเนตรยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นรองอัยการสูงสุด ยังไม่มีรายงานเข้าสู่ที่ประชุม ก.อ. และการที่นายเนตรมาประชุมในวันนี้แสดงว่าอัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่ได้อนุญาตให้ลาออก
    ประธาน ก.อ.กล่าวว่า ได้เสนอหลักเกณฑ์การสอบสวนชั้นต้นและการสอบสวนวินัยข้าราชการอัยการสูงสุด หลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบ โดยขั้นตอนต้องไปประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อถามว่าการประกาศราชกิจจาฯ จะช้าจนไม่สามารถดำเนินการทางวินัยนายเนตรหรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า น่าจะประกาศเร็ว จากนั้นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้น และถ้าตั้งแล้วพบว่าผิดวินัยจะไปสอบว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ หากคณะกรรมการสอบเห็นว่านายเนตรไม่ผิดเลยก็สอบไม่ได้
    เมื่อถามย้ำว่า หากอนุญาตให้นายเนตรลาออก ก่อนมีประกาศราชกิจจาฯ จะสอบวินัยไม่ได้ใช่หรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า ต้องคิดในแง่หลักธรรมชาติว่าจะต้องรอให้หลักเกณฑ์ประกาศราชกิจจาฯ ก่อน เพราะขณะนี้อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานตรวจสอบอยู่คณะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อ ก.อ.ไม่มีอนุกรรมการตรวจสอบ ในส่วนของ อสส.ก็ยังดำเนินการได้ แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คณะทำงานได้เสนอในวันนี้ อสส.อาจนำไปพิจารณาเพิ่มเติม
    ส่วนจะมีการเสนอตั้งอนุกรรมการตรวจสอบอีกหรือไม่นั้น  นายอรรถพลกล่าวว่า มติในวันนี้ถือว่าจบแล้ว เมื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นต้องเคารพ หลักเกณฑ์กำหนดให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้นหรือสอบสวนวินัย โดยปกติกรรมการที่มาตรวจสอบจะต้องเป็นข้าราชการอัยการ ในวันนี้เป็นเพียงคณะอนุกรรมการที่เราเสนอจากอดีตรองอัยการสูงสุด หากระเบียบที่กำลังเตรียมจะประกาศราชกิจจาฯ ออกมาแล้ว ก็จะให้มีการตั้งสอบชั้นต้น เว้นแต่คณะกรรมการที่ อสส. ตั้งในปัจจุบันจะมีความเห็นว่าการกระทำของนายเนตรไม่มีความผิดเลย ถึงตอนนั้นต้องไปดูอีกว่าเราจะตรวจสอบได้อย่างไร
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการที่มีความเห็นให้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบ 5 คน ประกอบด้วย นายอรรถพล นายชาติพงษ์ จิระพันธุ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร นายไพรัตน วรปาณิก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักคดีอาญาธนบุรี และนายชาตรี สุวรรณิน ผู้ตรวจการอัยการ ทั้งนี้ระหว่างพิจารณาประเด็นนี้ นายเนตรต้องออกจากที่ประชุม ส่วนอีก 9 คนที่เหลือจะเป็นผู้ที่ไม่ออกเสียงและไม่เห็นชอบในการตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าว ได้แก่ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด, นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด, นายสาวิตร บุญประสิทธิ์ รองอัยการสูงสุด, นายสุริยะ แบ่งส่วน รองอัยการสูงสุด, ร.ท.ไชยา เปรมประเสริฐ รองอัยการสูงสุด ส่วน ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ มีนางพิมพร โอวาสิทธิ์, นายประสาน หัตถกรรม, นายกิตติ ไกรสิงห์, นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"