นักเขียนซีไรต์เล่าประสบการณ์ยุค6ตุลาฯ19เตือนสติเยาวชนพ่อแม่ดีชั่วอย่างไรเขาเป็นผู้ให้ชีวิตเรา


เพิ่มเพื่อน    



21 ส.ค.63 - ชาติ กอบจิตติ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ เจ้าของผลงาน คำพิพากษา และ พันธุ์หมาบ้า เขียนข้ออความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  เรื่อง ข้าพเจ้าเคยขู่พ่อ : บันทึกไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์ มีเนื้อหาดังนี้
....
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ข้าพเจ้าเลือกหนทางปลอดภัยในการรักษาชีวิตของตัวเอง คือกลับไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าได้ทยอยขนหนังสือมาบ้านก่อนแล้ว เก็บสมบัติส่วนตัวแล้วจึงลาเจ้าของห้องเช่าที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่บ้าน  พวกเราคนรุ่นหลังคงไม่เข้าใจหรอกว่า สถานการณ์การกวาดล้าง หลัง 6 ตุลาคม 2519 นั้นเป็นอย่างไร หนีหัวซุกหัวซุนกันอย่างไร
...
บ้านของเรา เป็นร้านขายของชำ แม่ขายข้าวแกง พ่อขายกาแฟ กลับถึงบ้านโดยปลอดภัยแล้ว ข้าพเจ้าก็เผาหนังสือต้องห้ามที่มีอยู่ ใช้เตาไฟของแม่ที่ทำอาหารขาย เป็นไฟที่เผาหนังสือ เราสองคนแม่ลูกช่วยกันเผา ฉีกหนังสือโยนใส่เตา แม่ไม่เข้าใจหรอกว่า เผาหนังสือทำไม แต่เมื่อเห็นลูกเผา แม่ก็ช่วยลูกเผาเท่านั้นเอง แม่ถามข้าพเจ้าว่า เอ็งเผาทำไม ข้าพเจ้าตอบว่า ตอนนี้ถ้าใครมีหนังสือพวกนี้ครอบครองไว้ จะโดนจับข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์  แม่ถามว่า "แล้วเอ็งซื้อมาอ่านทำไม"
...
ช่วงกลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ นั้น ข้าพเจ้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต อยู่บ้านกินนอน ช่วยงานที่บ้านเล็กน้อย วันหนึ่ง พ่อถามข้าพเจ้าว่า เอ็งไม่คิดออกไปหางานหาการทำบ้างเหรอ เรียนมาก็สูง ข้าพเจ้าว่า คนเราเกิดมาก็ตาย ชีวิตเป็นเรื่องไร้สาระ เกิดมาเพื่อตาย ระหว่างทาง ไม่ต้องไปสร้างสะสมอะไรให้ชีวิต สุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้ พ่อข้าพเจ้าหัวเราะ แล้วว่า ข้าไม่รู้ว่าเอ็งคิดอย่างนี้ ถ้าข้ารู้ ข้าไม่ส่งให้เอ็งเรียนเสียเงินเสียทองหรอก ข้าจะให้เอ็งบวชเณรแต่เด็ก
...
ข้าพเจ้ารู้สึกเสียหน้า ที่แสดงปรัชญาชีวิตแล้ว ก็ยังถูกพ่อโต้กลับได้  ทั้งๆ ที่พ่อข้าพเจ้าเรียนแค่ปอสี่ ข้าพเจ้าจึงเปลี่ยนกลยุทธใหม่ว่า จะไปหางานทำทำไม อีกสามปีคอมมิวนิสต์ก็เข้าเข้าประเทศแล้ว เราจะปกครองระบอบใหม่ ตอนนั้นรัฐจะมาจัดสรรให้เองใครควรทำงานอะไร เราจะเท่าเทียมกัน ศาสนาจะไม่มีพ่อก็จะไม่มีที่ทำบุญด้วยในตอนนั้น คนแก่ที่ไม่มีประโยชน์ เขาเอาไปเข้าค่ายทำลาย พ่อกลัวไหมคอมมิวนิสต์  ข้าพเจ้าขู่ พ่อว่า ข้าไม่กลัว ข้าเป็นคนทำงาน ทุกสังคมต้องการคนทำงาน "ไม่ว่าจะปกครองแบบไหนต้องมีคนทำงาน"
...
ข้าพเจ้ายอมแพ้เหตุผลของพ่อ วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าจึงไปซื้อหนังมาทำกระเป๋าขาย จนถึงทุกวันนี้ข้าพเจ้ายังเป็นคนชอบทำงาน เพราะพ่อสอนไว้ในวันนั้น
...
พ่อของข้าพเจ้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ทุกครั้งที่ระลึกถึงข้าพเจ้าน้ำตารื้นทุกครั้ง
...
ในวันนี้ ตามข่าวบ้านเมืองอยู่ เห็นมีเด็กๆ บางคนกำลังไล่พ่อแม่ ให้ไปอยู่อีกรุ่นหนึ่ง เข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะข้าพเจ้าเคยเป็นมาก่อน  อาศัยว่าข้าพเจ้าในตอนนี้มีอายุมาจวนเจียนแล้ว จึงอยากติงด้วยมิตรภาพว่า
...
พ่อแม่ของเรา ดีชั่วอย่างไร เขาก็ทำให้เราเกิดมา เป็นผู้ให้ชีวิตเรา เราจะมีปัญหาส่วนตัวกับใคร หรือปัญหาส่วนรวมกับสังคมก็ว่ากันไป แต่พ่อแม่ของเรา ยกเว้นไว้เถอะ จะเป็นกุศลกับตัวเรา

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"