ประธานชวน หย่าศึก 'เต้-สิระ'


เพิ่มเพื่อน    

21 ส.ค.63 - ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าทางขึ้นลิฟท์ อาคารรัฐสภาฝั่งสุริยัน เป็นจังหวะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ามาหลังจากไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เสร็จ

ขณะเดียวกันนายมงคลกิตติ์เดินปรี่เข้ามาหานายสิระด้วยสีหน้าจะเอาเรื่อง นายสิระจึงบอกให้สื่อถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นนายมงคลลกิตติ์เข้ามาจับแขน นายสิระสะบัด แล้วพูดว่า “เห้ย อย่ามาจับตัวผม ไม่ได้ คุณเป็นนักเลง” นายมงคลกิตติ์จึงพูดสวนไปว่า “พี่สิระด่าผม” พร้อมชี้หน้า

นายสิระ กล่าวว่า “ผมด่าตรงไหน นี่มันสภานะครับ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ” แล้วตะโกนเรียกตำรวจสภาว่ามาจับอันธพาล ซึ่งนายมงคลกิตติ์ยืนประกบข้างและท้าให้ตำรวจสภาจับ นายสิระ จึงบอกว่า “นี่แหละครับผู้แทนผู้ทรงเกียรติมาหาเรื่อง ที่นี่สภา”

ขณะที่นายมงคลกิตติ์พูดแทรกว่า “ทำไมตอนพูดถึงไม่คิด” นายสิระตอบว่า “คิดแล้ว” นายมงคลกิตติ์ถามกลับว่า “ใครเป็นคนเริ่ม?” นายสิระ ตอบว่า “ไม่ต้องมาพูดกับผม” พร้อมกล่าวด้วยว่าให้จับภาพไว้ใครหาเรื่องใคร ประชาชนเห็นหรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสภาฯ เหตุการณ์ครั้งนี้ประธานสภาต้องรับผิดชอบ ตนใช้วาจาสุภาพมาตลอด ไม่ได้เป็นนักเลง ทุกวันทำแต่ความดี ทำงานให้ประชาชน ผดุงความยุติธรรม ผลงานก็มีให้เห็นออกไปชัดเจนมากกว่าคณะกรรมาธิการชุดอื่นด้วยซ้ำ และตนตั้งใจจะมาเป็น ส.ส. ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนักเลงในสภาหรือก่อกวนใคร

นายมงคลกิตติ์ที่ยืนมองอยู่ด้านหลังนายสิระ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนหลังนายสิระเดินแยกไปขึ้นลิฟท์ว่า นายสิระเป็นคนเริ่มก่อน แทนที่จะมีสำนึกขอโทษก็ไม่มี ตนเป็นลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ คนเราทำอะไรผิดต้องมีสำนึก เป็นลูกผู้ชายทำผิดต้องรู้จักขอโทษ วันนี้มาในฐานะผู้แทนประชาชนเหมือนกัน ที่เดินไปหาก็ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากจะถามว่าที่พูดไปได้คิดหรือเปล่า มันกระทบคนอื่น สร้างความเสียหาย ไม่ใช่ถือดีมาจากไหน ด่าคนอื่นไปทั่ว ตนเองก็เคยถูกนายสิระตำหนิมาหลายครั้ง การเป็นผู้ชายแล้วด่าคนอื่นลับหลังไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย แล้วเกิดอะไรขึ้นก็มัวแต่ฟ้องครูเหมือนเด็กๆ

จากนั้น เวลาประมาณ 12.00น. นายสิระเข้าพบนายชวน ที่ห้องทำงานประธานสภาฯ เพื่ออธิบายถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และขอให้สอบจริยธรรมนายมงคลกิตติ์  เมื่อนายสิระออกจากห้องนายมงคลกิตติ์ก็เข้าห้องนายชวนต่อทันที โดยทั้งคู่ได้มองหน้ากันแต่ไม่ได้มีการทักทาย หรือพูดคุยใดๆ 

ต่อมา นายชวน เปิดเผยภายหลังจากที่คู่กรณีเข้าพบ ว่า บอกตรงๆว่าภาพพจน์ของส.ส.ได้รับผลกระทบ แต่ต้องแยกระหว่างคนหมู่มากกับคน 2 คนออกจากกัน อย่าเหมาว่าทุกคนในสภาจะมีสภาพแบบนี้  ตนตั้งใจว่าจะให้ทั้ง2คนได้พบกันและคุยกัน เพราะว่าถ้าไม่คุยกันจะยิ่งขัดแย้ง แต่นายสิระยืนยันว่าจะเรื่องส่งกรรมการจริยธรรม  พอดีกับสัปดาห์ที่แล้ว เรากำลังประชุมกรรมการจริยธรรม เพื่อมอบให้นายนิกร จำนง  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ไปร่างระเบียบ  วิธีปฏิบัติก็จะเป็นหนึ่งในเรื่องที่รวมเอาไว้เพื่อเสนอคณะกรรมการจริยธรรมต่อไป 

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความรุนแรงขอร้องว่าอย่าให้เกิดขึ้น  การขัดแย้งเรื่องวาจาไม่เป็นไรค่อยว่ากัน แต่เรื่องความรุนแรงอย่าให้เกิดขึ้น  ตนพยายามที่จะเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกัน แต่ทั้งคู่ไม่ยอมมาคุยกัน  โดยคนที่ยืนกรานว่าจะไม่ขอคุยคือนายสิระ  ซึ่งทางฝ่ายของนายมงคลกิตต์เองก็ไม่ต้องการเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากมีการต่อยหรือตีกันในสภาฯจริงๆจะมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง  นายชวน กล่าวย้ำว่า  “บอกแล้วว่ายังไงก็อย่าให้เกิดขึ้น ผมคิดว่าดีที่สุดคือเอาคำพูดของแต่ละฝ่ายมารวบรวม เรียบเรียงว่าเริ่มต้นอย่างไร ใครเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นมาก่อน และเรื่องตามมาอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะเอาให้ฟันร่วงหมดเลย เขาก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ทำ”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"