'บิ๊กตู่-ฝ่ายความมั่นคง'ถือคติน้ำเชี่ยวไม่ขวางเด็กชุมนุม จับตาฮ่องกงโมเดล!


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กตู่" จับเข่าคุยฝ่ายความมั่นคง ไม่ขวางม็อบนักศึกษา 19 กันยายนนี้ ถือคติน้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง แต่เฝ้าระวังเกรงปลุกระดมฮ่องกงโมเดล ใช้ความรุนแรงจนนำไปสู่การทำลายหรือเผาสถานที่ต่างๆ ขณะที่ประธาน กมธ.วิสามัญรับฟังความเห็นเผย มีทั้งฝ่ายบังคับให้ชู 3 นิ้วกับฝ่ายบังคับไม่ให้ชู ชี้พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นรากฐานของระบอบเผด็จการ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นกรรมการ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกสถานการณ์การชุมนุมและ ทำกิจกรรมของนักเรียนมัธยมในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งต่อต้านระบบอำนาจนิยมในโรงเรียนและครอบครัว ว่านายกฯ แสดงความเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกที่ผูกพันของคนในครอบครัวที่เป็นรากฐานของสังคมไทย รวมถึงการปลุกระดมด้วยการสร้างความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง รวมทั้งอยากให้เหล่าทัพไปดูเรื่องแนวทางในการสร้างเด็กยุคใหม่ โดยมองภาพในระยะยาว
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ฝ่ายความมั่นคงยังคงติดตามการจัดกิจกรรมของนิสิตนักศึกษาที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนการชุมนุมใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่จะไม่มีการห้ามหรือขัดขวางการจัดกิจกรรมแต่อย่างใด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง แค่เฝ้าระวังอย่าให้มีการทำผิดกฎหมายจากการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง ทำลายหรือเผาสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ไปสู่ฮ่องกงโมเดล โดยกำชับให้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใช้ความอดทน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม 
    แหล่งข่าวเชื่อว่าการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาจะไม่รุนแรง  เพราะรัฐบาล โดยกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะเร่งชี้แจง ทำความเข้าใจ กับครอบครัว สถาบันการศึกษา รวมทั้งค้นหาต้นตอการเผยแพร่ข้อมูล ชักชวนให้ไปเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของม็อบคอซอง และให้ข้อมูลอีกด้านเพื่อให้เด็กได้พิจารณา อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่านักเรียนที่ออกมาชุมนุมนั้นเป็นนักเรียนหญิงถึง 95 เปอร์เซ็นต์
    ทั้งนี้ ยังเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนจากต่างจังหวัดที่จะเข้ามาผนึกกำลังกับกลุ่มประชาชนปลดแอก โดยเฉพาะกลุ่มพีมูฟ ที่เรียกร้องกดดันให้รัฐแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร แรงงาน กลุ่มเปราะบางทางสังคม ฯลฯ ที่ขณะนี้ถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ซึ่งหากมีการเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็อาจมีการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ
    นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญรับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องหลายๆ เหตุการณ์ในโรงเรียน โดยเฉพาะการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนักเรียนและนักศึกษา โดยข้อมูลจากผู้มาชี้แจงต่อ กมธ.พบว่าบางรายมีการปิดกั้นการแสดงออก เช่น มีครูขู่นักเรียนว่าถ้าชู 3 นิ้ว หรือชุมนุมทางการเมือง จะโดนหักคะแนนความประพฤติ หรือมีการลงโทษในรูปแบบอื่นๆ 
รากฐานเผด็จการ
    ส่วนอาจารย์บางคนในมหาวิทยาลัยบางแห่งก็รู้สึกอึดอัด เพราะถูกผู้มีอำนาจในมหาวิทยาลัยข่มขู่ว่าหากเข้าไปร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือให้การสนับสนุนนักศึกษา จะมีผลต่อความก้าวหน้า คือจะไม่ได้รับพิจารณาเลื่อนขั้น เป็นต้น
    นายอิสระกล่าวว่า นอกจากนี้ในทางตรงกันข้ามก็มีข้อมูลจากนักเรียนโรงเรียนหนึ่งย่านคลองประปา กทม. ส่งมาหาตนโดยตรง บอกว่ามีครูกดดันให้นักเรียนออกไปแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นว่าขณะนี้ทั้งครูบาอาจารย์ นักศึกษา หรือนักเรียน ต่างถูกบังคับไม่ให้แสดงออก ทั้งการไปห้ามไม่ให้แสดงออก หรือการบังคับให้ต้องร่วมชุมนุม 
    "พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นรากฐานของระบอบเผด็จการที่หลายคนใช้คำว่ารังเกียจ เพราะการขู่เข็ญไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง ถ้าจะหยุดเผด็จการ จะต้องหยุดพฤติกรรมบังคับขู่เข็ญเสียก่อน ถ้าแก้ต้นตอไม่ได้ ก็ไม่มีทางทำลายระบอบเผด็จการที่หลายคนรังเกียจได้" นายอิสระกล่าว
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า "เตือนน้องๆ กลุ่มเยาวชน/นักเรียน-นักศึกษาทั้งหลายครับ การต่อสู้คดีในชั้นศาลต้องใช้เวลา 10 ปีโดยประมาณนะ วันนี้อาจมีคนไปเชียร์ให้กำลังใจล้นหลาม แต่ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้คดีนับ 10 ปี จะมีใครหน้าไหนกันซักกี่คนที่จะเดินทางไปเชียร์ ไปเป็นเพื่อนทุกครั้งเวลาขึ้นศาล ดูกรณีพันธมิตร นปช. และ กปปส. เป็นตัวอย่างซิครับ"
    ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า เด็กมัธยมเข้าแถวชูสามนิ้ว ผูกโบขาวต่อต้านเผด็จการลามไปหลายโรงเรียนทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิด มีผู้วิเคราะห์ไว้หลายสาเหตุ ผมไม่คิดว่าเป็นเหตุการณ์ปกติในสังคมไทยเชื่อมโยงไปกับเหตุการณ์ที่เคยเกิด เช่นกรณีเนติวิทย์เมื่อหลายปีก่อน และสอดรับกับแนวคิดของพรรคก้าวไกลและกลุ่มก้าวหน้าของแกนนำพรรคอนาคตใหม่เดิม เมื่อโยงไปถึงปรากฏการณ์ในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศที่มีกระแสเลือกคนรุ่นใหม่จากพรรคอนาคตใหม่ จึงคิดว่าเป็นเรื่องต่อเนื่อง
    มีผู้วิเคราะห์ว่ามีต่างชาติโดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจหนุนอยู่เบื้องหลัง แม้จะเชื่อว่าถ้ามีเหตุการณ์ลุกลามถึงกับเสียเลือดเนื้อแล้วต่างชาติจะได้ประโยชน์เหมือนใน ตอ.กลาง แต่ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจน นอกจากการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างความโกรธแค้นให้กับคนไทยทั้งประเทศที่จงรักภักดี เสี่ยงต่อเหตุการณ์ซ้ำรอย 6 ต.ค.19
เปลี่ยนกระบวนทัศน์
    ที่น่าเชื่อคือการใช้สื่อ Social media ให้เป็นประโยชน์ ในการปลุกกระแสชุมนุม การนัดหมาย และแสดงสัญลักษณ์ให้พร้อมเพรียงกันเป็นตัวเรียกการชุมนุม
    การแก้ไขกระทรวง ศธ.และรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เด็ก ต้องมีเวทีพูดคุยระหว่างครู ผู้ปกครอง และเด็ก สถาบันครอบครัวกำลังจะล้มเหลวที่สร้างความแปลกแยกทางความคิดระหว่างวัย พ่อแม่และผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนชี้ทางที่ถูกที่ควร เพราะไม่มีเวลาและต้องทำมาหากิน ทำให้มีผู้ไม่หวังดีใช้ช่องทางสอดแทรกได้ง่าย โดยเฉพาะการใช้เงินทุนจากกองทุนและมูลนิธิจาก ตปท.ต้องป้องกันบุคคลภายนอกเข้าไปสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับเด็ก โดยเฉพาะประชาธิปไตยที่เด็กต้องการสิทธิเสรีภาพในบ้าน เท่าเทียมกับพ่อแม่ และเท่าเทียมกับครู
    ข้อสำคัญครูต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการใช้อำนาจ การชุมนุมเพื่อแสดงสัญลักษณ์ ควรปล่อยให้เด็กทำได้ภายในรั้วโรงเรียน เพราะจะปลอดภัยกว่าการนัดไปชุมนุมข้างนอก การเชิญวิทยากรภายนอกที่มีความรู้และทักษะไปบรรยายจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
    ถ้าไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่ม ใช้กลไกสภาในการพูดคุยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ Flash mob ของเด็กก็อาจเบาลงได้ และถึงเวลาที่พ่อแม่และผู้ปกครองต้องปรับตัวเพื่อเอาลูกหลานที่บริสุทธิ์คืนมาแล้วครับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"