วิชาจัดหนักสนช. ต้นตออุ้มคดีบอส ล่าตัวทนายธนิต!


เพิ่มเพื่อน    


    หนาวแน่! วิชาลั่นเจอเค้าลางชัดคนทำผิดคดีบอส  อยู่วิทยา จากชั้นกระบวนการกรรมาธิการ สนช. พร้อมประกาศต้องการพบตัวด่วนทนายธนิต หลังหายตัวเข้ากลีบเมฆ ด้าน "สมศักดิ์ บุญทอง" โพสต์สบายใจดีหลังลาออก ปธ.คณะทำงานสอบดุลพินิจ "เนตร"  
    เมื่อวันอาทิตย์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อประเมินและประมวลข้อกฎหมาย หลังรับฟังคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วหลายฝ่าย
    ภายหลังการประชุมประมาณ 4 ชั่วโมง นายวิชากล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลว่ายังขาดอะไรอยู่บ้าง ซึ่งพบว่ายังมีพยานอีกบางปาก ซึ่งสัปดาห์หน้าทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุคคลทั่วไปจะเข้าให้การเพิ่ม แต่ความจริงแล้วเราอยากได้ทนายที่ทำคดีนี้มาให้ถ้อยคำ แต่ปรากฏว่ายังไม่สามารถติดต่อได้ เลยไม่รู้ไปอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด คือนายธนิต บัวเขียว ที่เป็นคนที่นำผู้เกี่ยวข้องไปร้องขอความเป็นธรรมกับ สนช. ถ้าใครรู้เบาะแส ช่วยประกาศข่าวไปด้วยว่าท่านอยู่ที่ไหน ทางเราอยากพบตัวด่วน
    "แต่ถึงอย่างไรถ้านายธนิตไม่มา เราก็มีข้อมูลในสำนวนอยู่แล้ว ว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ตั้งแต่การร้องต่อคณะกรรมาธิการฯ และนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนำมาซึ่งการสอบพยานเพิ่มเติมของอัยการกระทั่งมีการสั่งไม่ฟ้องในที่สุด มาจากกระบวนการชั้นกรรมาธิการ ซึ่งข้อมูลของเราชัดเจนอยู่แล้ว" 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้นเหตุในการยกฟ้องคดีบอสมาจากชั้นกรรมาธิการของ สนช.ใช่หรือไม่ นายวิชาตอบว่า ก็มีส่วน มีพฤติการณ์ที่เห็นชัดเจน เพราะเราได้เอกสารมาทั้งหมดแล้ว ส่วนจะเอาผิดผู้ดำเนินการได้หรือไม่ ต้องดูรายละเอียด ซึ่งตนเองได้แจ้งให้ทางเลขาฯ ให้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่การทำงานอะไรต่ออะไรด้วย เพราะเขาทำในนามของ สนช. บางคนทำนอกเหนือหน้าที่ เราก็ต้องดูพฤติกรรมตรงนี้อีก เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร
    เมื่อถามว่า เหตุใดคณะกรรมาธิการฯ ถึงมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ เขาตอบว่า ไม่เชิงว่ามีอิทธิพลอะไร แต่เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะเป็นระดับขององค์กรและตัวบุคคล สุดแล้วแต่ว่าคนที่รับฟังหรือคนที่ไปร้องขอความเป็นธรรมจะเลือกเชื่อไหม แต่อย่างไรก็ตามเราเห็นตรงกันว่าในทางที่ถูกต้องการร้องขอความเป็นธรรมน่าจะมาจากตัวผู้เสียหาย จำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหาหรือตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเองเป็นผู้ร้องเอง
    นายวิชากล่าวต่อว่า ภาพรวมการทำงานทั้งหมดของคณะกรรมการฯ ก็เกือบจะสมบูรณ์แล้ว สัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ที่จะต้องยกร่างฉบับสมบูรณ์ พูดทั้งเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  ส่วนในวันนี้ที่มีการคุยกันยาว ก็เป็นการกำหนดประเด็นว่าควรจะมีประเด็นไหนบ้างเพิ่มเติม
    เมื่อถามว่าจะมีการขยายเวลาหรือไม่ นายวิชาตอบว่า การขยายเวลามีการพูดกันอยู่ และทราบมาว่าทางรองวิษณุ เครืองาม ที่กำลังพิจารณาเรื่องร่าง พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญาอยู่ ท่านบอกว่าต้องรอคณะกรรมการชุดเรา เพราะฉะนั้นถ้ารอคณะกรรมการชุดเรา อาจจะต้องมีการขยายเวลา เฉพาะประเด็นที่จะมีการปฏิรูปหรือสนับสนุน หรือเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา น่าจะขยายเพิ่มไปอีกประมาณสัก 2 สัปดาห์ สัปดาห์หน้าคงชัดเจน สำหรับการสรุปรวม ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในตัวเนื้อของสำนวนน่าจะจบภายใน 30 วัน
    ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เห็นเค้าลางของคนผิดแล้วใช่ไหม นายวิชาตอบว่าก็ชัดขึ้น แต่จะชัดแค่ไหนเราจะให้การบ้านแต่ละคนไปช่วยกันคิด ส่วนใครจะผิดยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด อย่างที่บอก ต้องไปศึกษาให้ดีว่าเป็นความผิดขององค์กรหรือความผิดของบุคคล
    วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบความเห็นและดุลพินิจของนายเนตร นาคสุข รอง อสส. ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา  ผู้ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1446/2563 แต่งตั้งลงวันที่ 10 ส.ค.2563 แต่ได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2563 โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หลังจากลาออกจากประธานคณะทำงานตรวจสอบนายเนตร เพื่อเปิดโอกาสให้อัยการสูงสุดได้ตั้งกรรมการชุดใหม่ตามระเบียบใหม่ 18 ส.ค. ได้บรรยายให้อัยการผู้ช่วย ชุดสนามจิ๋ว 110 คน ในหัวข้อการดำรงตนและจิตสำนึกของการเป็นข้าราชการอัยการครับ สบายใจดีครับ สนามจิ๋วคือผู้ที่จบเนติบัณฑิตไทย และจบปริญญาโททางกฎหมายจากต่างประเทศสองใบ หรือจบดอกเตอร์ครับ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 นายสมศักดิ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออก และมีข้อเสนอแนะในการตั้งกรรมการชุดใหม่ไว้ 4 ข้อดังนี้ (1) ผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการตามระเบียบใหม่ ซึ่งได้แก่ อสส. น่าจะหาคนที่เป็นกลางมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับของสังคม มิใช่คนใกล้ชิด อสส.และประธาน ก.อ. เป็นกรรมการตรวจสอบ (2) ให้กรรมการตรวจสอบมีอำนาจตรวจสอบในทุกประเด็น ไม่ใช่มีข้อจำกัดสอบได้เฉพาะบางประเด็น ต้องให้เกียรติกรรมการ
     (3) ผู้มีอำนาจหรือเคยมีอำนาจในสำนักงานอัยการสูงสุดเลิกออกความเห็นชี้นำกรรมการ ไม่มีกรรมการคนไหนอยากทำงานท่ามกลางความขัดแย้ง มีข้อจำกัด และมีข้อชี้นำจากผู้มีอำนาจ  และ (4) ศรัทธาของประชาชนจะกลับคืนมาได้ความสามัคคีของผู้มีอำนาจต้องเกิดขึ้นก่อน จริงใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่เอาปัญหามาเป็นเกมในการแย่งชิงอำนาจ ร่วมกันแก้ปัญหาเถอะครับ
    ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ได้โพสต์ถึงปัญหาในการลาออกไว้ 3 ข้อดังนี้ (1) คณะทำงานที่เป็นบุคคลภายนอกไม่สามารถมาร่วมงานได้เนื่องจากผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาต จึงเหลือคณะทำงานที่เป็นอดีตอัยการเพียงสามคน ซึ่งได้หารือกันแล้วเห็นควรเลื่อนการประชุมไปก่อน (2) ทราบว่า อสส.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาก่อนหน้านี้สองชุด มีรองอัยการสูงสุดเป็นประธาน พิจารณาในประเด็นเรื่องอำนาจสั่งคดีของนายเนตร และคณะทำงานทั้งสองชุดใด้ทำความเห็นเสนอ อสส.เรียบร้อยแล้ว เลขาฯ คณะทำงานชุดของผมได้นำเอกสารมามอบให้ และแจ้งว่าคณะทำงานชุดของผมไม่ต้องพิจารณาในประเด็นดังกล่าวอีก
     และ (3) ทราบว่าวันที่ 18 ส.ค. คือวันรุ่งขึ้นจะมีการประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) จะมีการพิจารณาระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสอบสวนทางวินัยอัยการระดับรองอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุด และทราบว่าประธาน ก.อ.จะเสนอ ก.อ. ขอตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นสอบนายเนตรอีก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"