เข้าสู่วาระราหู-ศรีจร-นิจ-เริ่มค้นทรัพย์ดวงเมืองรอบนี้


เพิ่มเพื่อน    

      ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และผลของดาวจรสำคัญที่ทำมุมกับชะตาเมืองระหว่าง 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564

      พระราหู (8) จร-เดินอยู่ในราศีพฤษภ ระหว่าง 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564

      พฤหัสบดีจร (5) เดินถอยหลังในราศีธนู-เริ่มวกกลับเดินหน้า 22 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-เดินเข้าราศีมังกร 13 พฤศจิกายน 2563

      พระเสาร์จร (7) เดินถอยหลังในราศีธนู-วกกลับเดินหน้าวันที่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-เดินเข้าราศีมังกร 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป

      พระอังคาร (3) กาลกิณีจรของเมือง เดินผิดปกติข้ามราศีระหว่างเมษกับมีน แล้วจะข้ามไปพฤษภตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

      พระมฤตยูจร (0) เดินอยู่ในราศีเมษ จะเริ่มเดินผิดปกติตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-สิ้นปี 2563

 

      ในที่สุดท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ก็มาถึงวันที่ผู้เขียนเคยเพียรบอกมาก่อนว่าขอให้คนไทยช่วยจับมือกันพาประเทศชาติและดวงเมืองฟันฝ่าตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อที่อย่างต่ำไปให้ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2564 ถ้าจะให้ดีขอให้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เพื่อที่หลังจากนั้น ไม่ว่าการเมือง-บ้านเมืองจะวุ่นวายขายกระจาดขนาดไหน แต่จะเป็น จุดเริ่มต้นเห็นลางของปีทองด้านเศรษฐกิจ แล้วจะเป็นต่อไปอีกหลายปีจนกว่าคนไทยจะเริ่มประมาทแล้วหัวทิ่มเอง

        หลายท่านอ่านบทสรุปนี้แล้วอาจจะบอกว่า ไม่เข้าใจ-ขัดแย้งกันเอง-ไม่สมเหตุสมผล ผู้เขียนก็ขอยกตัวอย่างคือ บางคนในบ้านวุ่นวายแตกแยก ระส่ำระสาย แต่เจ้าชะตากลับหาเงินได้โดดเด่น-ร่ำรวยมั่งคั่ง เป็นต้น

      ทีนี้มาดูกันว่าด้วยหลักอะไรที่ใช้ทำนาย ซึ่งผลก็มาจากการย้ายราศีของดาวใหญ่ที่จะเกิดใกล้ๆ กันตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป พร้อมกับการ เดินผิดปกติ-หยุดเดินผิดปกติ ของดาวสำคัญหลายดวงที่จะ เกิดซ้ำซ้อนกัน ที่จะให้ผลทั้ง ร้าย-ดี ดังต่อไปนี้

        1.เกณฑ์ทุกขลาภ-ลาภทุกข์ จากพระราหู (8) ศรีจรเข้าไปเดินในราศีพฤษภ (ภพที่สอง-กฎุมภะ) ได้มาตรฐานนิจ (ต่ำต้อย) ค้นทรัพย์ และเกิดปรากฏการณ์ จันทร์ล่าราหู ในดวงเมือง (ดวงเมืองแตก) เริ่มตั้งแต่ 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 โดย ต้นตอทุกข์ๆ-ยากๆ มาจากเรื่องเศรษฐกิจ (พระราหูจรเดินอยู่ในราศีพฤษภ-ดินแดนของการทำมาหาได้-เศรษฐกิจของประเทศ)

      อันที่จริงเกณฑ์นี้เริ่มก่อตัวนานแล้ว เมื่อพระจันทร์ (๒) คือประชาชนเดือดร้อนเพราะพิษโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทมาช่วย เรียกได้ว่า ประชาชนได้ค้นเงินในกระเป๋ารัฐบาลจนเกือบเต็มเพดานหนี้

      จริงอยู่ การช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าระหว่าง 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 อะไรจะเกิดกับรัฐบาลบ้าง เพราะอาจมีเรื่องไม่คาดฝันใหญ่โตเกิดขึ้นอันมีสาเหตุทางเศรษฐกิจเป็นต้นเหตุ เหมือนสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัดสินใจ-จำเป็นต้องลดค่าเงินบาทเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2527 จนเกิดการขู่รัฐบาลของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ.ขณะนั้น ในชื่อ-คืนวันลอยกระทง-จนกระแสตีกลับรัฐบาลผ่านพ้นได้ แล้วหลังจากนั้นเศรษฐกิจของประเทศก็เริ่มสู่ขาขึ้นเพราะการการส่งออก และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ

      แม้ผู้เขียนจะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับ รัฐบาล และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป แต่ คาดว่าคงถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลือง เหมือนตอนรัฐบาลป๋าเปรมโดนขู่ให้กลับมาใช้เงินบาทค่าเดิม เช่นตอนนี้ที่เห็นๆ คือ คุณปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลาออกไปแล้ว (แต่ปู่สมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ลาออกเพราะป๋าสนับสนุน) แล้วเสียงประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนว่าไม่ต้องการให้นักการเมืองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่คนในพรรคพลังประชารัฐกลับมีอิทธิฤทธิ์จะเอาตำแหน่ง นี่ก็อาจจะเพียงแค่จุดเริ่มต้นบีบ-คลาย-คลาย-บีบ

      แต่ด้านที่ต้องอ่านให้ดีคือ พระราหูที่ค้นทรัพย์ดวงเมืองนี้อยู่ในระหว่างเป็นศรี หรือสิริมงคลจรของเมือง จึงหากรัฐบาลหรือเมือง ฟันฝ่าเรื่องไม่คาดฝัน-แรงบีบที่ทั้งเป็นอยู่และกำลังจะเกิดขึ้น ไปได้ ถึงวันเกิดเมือง วันที่ 21 เมษายน 2564 จะเริ่มเห็นลางฟื้นทางเศรษฐกิจ เงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาช่วย เริ่มสู่ปีทองทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าการเมืองจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม

      2.พระอังคาร (3) ดาวประจำชีพเมืองกำลังเป็นกาลกิณีจร เกณฑ์ร้ายจากพระอังคารในเมืองคือ อาวุธ-อุบัติเหตุ-ระเบิด-ควัน-เลือด-ยาพิษ-อากาศ-การใช้กำลังประหัตประหารกันด้วยอุบาย ยังรอเกิดอยู่ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น เหตุการณ์สังหารหมู่ 30 ศพที่โคราช, ไฟป่าแรงเฉียดโรงเรียนเตรียมทหารที่นครนายกฯ, สนามมวยลุมพินีใส่กรรมคนไทยเป็นจุดแพร่ระบาดของโควิด-19, ผู้อำนวยการโรงเรียนปล้นร้านทอง ยิงเด็กสองขวบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตาย ฯลฯ

      3.ปรากฏการณ์ตรึงกำลังกันระหว่างหัวหน้าดาวดี หรือพฤหัสบดี กับหัวหน้าดาวร้ายที่ทำเอาคนไทยอึดอัดทั่วเมืองเหมือนคนท้องอืด ที่เป็นมาตั้งแต่ประมาณกลางกรกฎาคม 2563 นั้น ปรากฏการณ์นี้ต้องทนไปให้ถึงประมาณ 13 พฤศจิกายน 2563 ก็จะค่อยๆ ลดลง (พฤหัสบดีจรย้ายจากธนูเข้ามังกร หยุดการตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมือง)

      4.ต่อสู้กันทางอุดมการณ์-ความเชื่อที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นมีนาคม 2562 ที่ต้องสู้กันไปยาวนาน 20 ปี แล้วปรากฏการณ์ไล่ล่ากันระหว่างสองฝ่ายในเมืองอุตลุดที่เป็นมาอย่างดุเดือดตั้งแต่ประมาณกลางกรกฎาคม 2563 ชนิดลูกสาวฝาแฝดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็หนีไม่พ้น ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดจากพระเสาร์จร (7) หัวหน้าดาวร้าย เดินถอยหลังไล่ล่าพฤหัสบดีจร (5) หัวหน้าดาวดีมาตั้งแต่กลางกรกฎาคม 2563 ฝ่ายคนที่อยู่ข้างพระสยามเทวาธิราชจึงถึงคิวพากันโดนมาก

      ครั้นตั้งแต่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไป พระเสาร์จรจะหยุดเดินผิดปกติวกกลับ เดินหน้าไปตามทางของตัวเอง แล้วตั้งแต่ 22 กันยายน 2563 เป็นต้นไป ฝ่ายหัวหน้าดาวดีคือพฤหัสบดีก็จะตามไล่ล่าพระเสาร์จรแทน (พฤหัสบดีจรวกกลับเดินหน้า-ตามหลังพระเสาร์จร) โดยจะเป็นการล่าด้วยตัวบทกฎหมายตามอาการของพฤหัสบดี

      อย่างไรก็ตาม การประลองกำลังระหว่างสองฝ่ายในเมืองรอบนี้ยังจะเกิดเป็นระยะๆ คาดว่าจะค่อยๆ สงบลงประมาณ 9 พฤศจิกายน 2564 (พฤหัสบดีจรหยุดร่วมราศีกับพระเสาร์จร)

      5.ตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป กลับเข้า สู่สภาวะฝ่ายรัฐบาลก็แบกภาระหนัก แต่ ฝ่ายค้านก็ดวงตก (ยาวไปถึง 1 มีนาคม 2566)

      6.เริ่มเปลี่ยนแปลงใหญ่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญตั้งแต่ประมาณกลางพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป (ถึงประมาณพฤศจิกายน 2564)

      7.ปี่กลองเลือกตั้งท้องถิ่นจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 แล้วเริ่มเป็นจริงเป็นจังระหว่างกลางพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป (ยาวไปถึงพฤศจิกายน 2564)

      8.ลางการจากไปของโรคประบาดใหญ่รอบนี้ จะเริ่มปรากฏตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป (คู่โรคระบาดคือพฤหัสบดีจรกับพระราหูจรหยุดเล็งกัน) ต่อไปหากจะมีการระบาดอีกจะไม่ร้ายแรงเหมือนรอบนี้

      โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของการได้วัคซีน หรือวิธีรักษาพยาบาลคือ ประมาณ 22 กันยายน 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7 วัน-พฤหัสบดีจรวกกลับเดินหน้า)

      คาดว่าคนไทยจะได้ใช้ยาหรือวัคซีนครั้งแรกประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

      9.เป็นระยะที่ฝนมาสนั่นหวั่นไหวช่วยเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำ และนอกจากร่องฝนแล้วคาดว่าจะมีพายุเข้า คือ ลูกแรกเริ่มก่อตัวประมาณ 9 ตุลาคม 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7 วัน)

      ลูกที่สองเริ่มก่อตัวประมาณ 5 ธันวาคม 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7 วัน)

      และคาดว่าประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปจะมีพายุลูกหลง หรือถ้าไม่ใช่ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุใหญ่ทางอากาศ หรือแก๊ส ไฟ หรือควัน หรือระเบิดครั้งใหญ่

      สรุปอีกครั้ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นช่วงเข้าที่คับขันของเมืองอีกระยะหนึ่ง แต่สิ่งดีก็มีมาก ช่วยกันฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นอย่างต่ำ แล้วตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นลางดีของเศรษฐกิจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"