ผู้ว่าฯสั่งทำวิจัย สรรพคุณ'ผ่าด้าม'


เพิ่มเพื่อน    

    ทั้งหนุ่มทั้งแก่แห่ไปทึ้งลูกต้นผ่าด้าม หลังเชื่อกันว่าช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ขนาดไวอะกร้าเรียกพี่ บางรายถึงขั้นจะให้ลูกน้องใช้แบ็กโฮขุดต้องห้ามกันวุ่นวาย ผู้ว่าฯ สุโขทัยเรียกร้องเร่งจดสิทธิบัตร เตรียมให้วิทยาลัยเกษตรหาทางเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและทดสอบวิจัย นักวิชาการแนะปรึกษาแพทย์แผนไทยถึงผลดีผลเสีย
    กรณีนายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์และนักวิจัยท้องถิ่น เปิดเผยถึงสรรพคุณของเมล็ด “ต้นผ่าด้าม” หรือ “ต้นคำมอกหลวง” ที่สามารถช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้น “ไวอะกร้า” ยังต้องเรียกพี่ รวมทั้งมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ซึ่งชาวบ้านหมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ได้มีการอนุรักษ์เอาไว้ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของคนโบราณเมืองบางขลังเมื่อกว่า 800 ปีก่อน จนกลายเป็นข่าวดัง ทำให้มีคนจำนวนมากแห่กันมาเขย่าต้น เก็บเมล็ดไปกินจนเกลี้ยง ขณะที่เศรษฐีบางคนถึงขั้นจะให้ลูกน้องมาขุดย้ายต้นไปปลูกในที่ส่วนตัว จนผู้ใหญ่บ้านต้องออกมาขอร้อง เนื่องจากในพื้นที่ราบของหมู่บ้านเหลือต้นผ่าด้ามต้นนี้เพียงต้นเดียว จะรักษาไว้ให้ลูกหลานเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และส่งเสริมให้เป็นจุดท่องเที่ยวของหมู่บ้าน
    ล่าสุด วันที่ 23 เมษายนนี้ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เมล็ดผลของต้นผ่าด้าม ต้นไม้ประจำถิ่นของจังหวัดสุโขทัย ชาวสุโขทัยใช้กันมานาน เพิ่งเปิดเผยสู่สาธารณะว่าเป็นยาโด๊ปดีที่สุดในโลกครับ ต้องรีบจด GI รีบวิจัย และจดสิทธิบัตร ครับ”
    พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยยังได้มีการไลฟ์สด พูดถึงเรื่องต้นผ่าด้าม โดยระบุว่า จะให้ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัยดำเนินการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และทำการเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อทดสอบวิจัย ก่อนจะส่งเสริมให้ประชาชนปลูก และผลิตเป็นอุตสาหกรรมจำหน่ายทั่วโลก 
    นายกอย  มีเกิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง เปิดเผยว่า หลังจากข่าวต้นผ่าด้ามแพร่ออกไป ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นก็มีผู้คนจำนวนมาก ทั้งในจังหวัด ต่างจังหวัด แห่กันมาเก็บลูกผ่าด้ามไปกินจนเกลี้ยงต้น รวมทั้งมีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามอีกเป็นร้อยสายต่อวัน ซึ่งตนก็ยินดี แต่ที่เป็นห่วงก็คือ บางคนมาแล้วใช้ไม้ฟาดต้นเพื่อให้ผลร่วงลงมา บ้างก็ปีนต้นขึ้นไปหักกิ่ง จนทำให้ต้นไม้มีสภาพทรุดโทรม และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ มีเศรษฐีรายหนึ่งส่งลูกน้องมาดู แล้วคิดจะใช้แบ็กโฮขุดเอาต้นผ่าด้ามต้นนี้ย้ายไปปลูกในที่ส่วนตัว จึงอยากวิงวอนอย่าคิดทำเลย เพราะในพื้นที่ราบของหมู่บ้าน เหลือต้นผ่าด้ามต้นนี้เพียงต้นเดียว จะรักษาไว้ให้ลูกหลานเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และส่งเสริมให้เป็นจุดท่องเที่ยวของหมู่บ้านด้วย
    ด้านชาวบ้านในพื้นที่กล่าวยืนยันว่า ต้นผ่าด้ามถูกนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยเมืองโบราณบางขลัง เมื่อครั้งเป็นค่ายทหารสู้ศึกกับขอม โดยจะใช้ยางเหนียวที่ปลายยอดของใบ ขยี้จนเป็นก้อน ยัดใส่ในร่องด้ามหอก ด้ามดาบ ช่วยยึดแน่นไม่ให้หลุดเวลาฟันสู้รบกัน สำหรับเนื้อในเมล็ดแก่ก็เอามากินบำรุงกำลังร่างกาย และสัตว์ป่าเองก็ชอบกินในช่วงฤดูผสมพันธุ์ด้วย ส่วนเปลือกเอาไปปิ้งไฟ แล้วต้มเป็นน้ำชากินได้ แก้โรคปวดหัวและความดัน
    ขณะที่นายสุวิทย์ ทองสงค์ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองบางขลัง กล่าวว่า ในส่วนของต้นผ่าด้าม ถ้ามีผลวิจัยออกมายืนยันชัดเจนว่ากินแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ก็อยากจะส่งเสริมให้ชาวบ้านทำการเพาะขยายพันธุ์ต้นกล้า เพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ต่อไปด้วย เพราะส่วนตัวได้ทดลองกินเนื้อในเมล็ดแก่แล้วก็รู้สึกชุ่มคอ กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น รวมทั้งช่วยให้โล่งจมูกจากอาการภูมิแพ้ที่เป็นอยู่อีกด้วย
    ส่วนนางสาวฤดีดาว พรพฤฒิพงศ์ นักวิชาการสาธารณสุข กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัยได้มีการลงพื้นที่เก็บตัวอย่างมาตรวจสอบแล้ว พบว่า “ต้นผ่าด้าม” ก็คือ “ต้นคำมอกหลวง” จากการวิจัยของประเทศจีน พบสารสำคัญในผลของต้นผ่าด้ามอยู่ในกลุ่มเทอร์พีนอยด์ และสเตอรอยด์ ประเภทโมโนเทอร์พีน มีดอกสีขาวนวลก่อนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม กลิ่นหอม ออกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เป็นไม้ทนแล้ง ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ดและทาบกิ่ง ประโยชน์จากแก่นเนื้อไม้ใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคเบาหวาน แก้บิดและถ่ายเป็นมูกเลือด ส่วนเมล็ดนำมาต้มเคี่ยวกับน้ำใช้ผสมเป็นยาฆ่าเหา ไม่ได้มีฤทธิ์ใช้อย่างอื่น และยางเหนียวที่ยอดใช้ยึดด้ามมีดให้ติดแน่น
    “กล่าวโดยสรุปคือ ต้นผ่าด้ามกินได้เฉพาะเนื้อในเมล็ดแก่เท่านั้น แต่อย่ากินนานเกิน 7 วัน และควรปรึกษาแพทย์แผนไทย เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจเกิดอาการแพ้ได้ ต้องระมัดระวังในการใช้ด้วย”
    รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ลูกผ่าด้ามกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก และได้กลายเป็นของฝากอันทรงคุณค่าไปแล้ว ที่ผ่านมามีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่น นายตำรวจ เจ้าของบริษัทใหญ่ แม้กระทั่งประชาชนทั่วไป และคนแก่วัย 70 ปี พากันสอบถามคนในพื้นที่กันมากมายว่ายังพอมีเหลือบ้างไหม จนชาวบ้านต้องเดินลุยป่าขึ้นเขาไปค้นหาต้นผ่าด้าม เพื่อหวังเก็บเมล็ดมาขายเป็นรายได้เสริม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"