ไม่ฆ่าเซลล์มะเร็ง ยาหมอแสง


เพิ่มเพื่อน    

    กรมการแพทย์แผนไทยฯ ใช้เวลา 3 ชม.ประชุมร่วมสมุนไพรนายแสง พบไม่มีผลรักษามะเร็ง แต่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ยังขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ได้ แนะประชาชนโดยเฉพาะช่วงต้นๆ รักษาควบคู่กันไป ด้านนายแสงเผยทดลองในห้องอาจจะมีผลแบบหนึ่ง แต่ถ้าเข้าไปอยู่ในร่างกายคนก็อาจจะมีอีกแบบ ยันขอแจกต่อจนกว่าจะไม่ไหว ไม่แน่อาจขายสูตรให้ต่างชาติ ถ้าหมอไทยบอกรักษาไม่ได้ผล
    เมื่อวันที่ 24 เมษายนนี้ ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการหารือร่วมกันเรื่องประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของนายแสงชัย ต่อการรักษาโรคมะเร็ง โดยมี นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์, นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง และทีมนักวิจัยประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของนายแสงชัย ต่อการรักษาโรคมะเร็ง โดยเริ่มมีการหารือตั้งแต่ 09.00 น. ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ซึ่งไม่ให้สื่อมวลชนหรือผู้ใดเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด 
    ต่อมาเวลา 12.00 น. นพ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกรมได้นำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัยมาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ ไปทดสอบในหลอดทดลองกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือ มะเร็งเต้านม 3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้นพบว่า ตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ ในเรื่องการเดินหน้าวิจัยในสัตว์ทดลองและในคนต่อหรือไม่นั้น ต้องมีการคุยกันพอสมควร เพราะมีหลายมุมมอง เท่าที่คุยกันในวันนี้คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ต้องเรียนว่าการดูแลแบบคู่ขนานทุกระยะ คิดว่าถ้าช่วยกันดูแล ประชาชนน่าจะได้ประโยชน์สูงสุด อยากบอกพี่น้องประชาชนว่าอย่ารักษาข้างใดข้างหนึ่ง โดยเฉพาะระยะต้นๆ ส่วนกลุ่มที่เป็นระยะท้ายๆ การมารับยานายแสงชัยเพื่อประคับประคองนั้นสามารถทำได้ ซึ่งนายแสงชัยก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบสมุนไพรของนายแสงชัยในเรื่องคุณภาพชีวิตนั้น พบว่าไม่มีความเป็นพิษ ดังนั้นการรักษาคู่ขนานน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกับประชาชน ส่วนประเด็นว่าระหว่างนี้จะมีช่องทางในการขึ้นทะเบียนสมุนไพรสูตรของนายแสงชัยเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพใดตามกฎหมาย ซึ่งนายแสงชัยเองก็ได้สอบถามในประเด็นนี้เช่นกัน ก็ขอเรียนว่าคงยังไม่ได้ 
    ด้านนายแสงชัยกล่าวว่า สิ่งที่กรมการแพทย์ฯ นำไปทดลองนั้นเป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง ซึ่งปรากฏว่าไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ไปอยู่ในตัวคนแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเข้าร่างกายแล้วมันก็ไปตามเส้นเลือด ไม่รู้จะรักษามะเร็งได้หรือไม่ ซึ่งกรมการแพทย์ฯ ก็บอกว่าคนที่พอมีฐานะ มีความรู้ กลัวจะเสียโอกาสก็ไปให้แพทย์รักษา อย่าพยายามมากินสมุนไพรตัวนี้เลย ยืนยันว่าถ้าไม่มีการห้ามก็จะยังแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน จริงๆ แล้วถามว่าที่เราทำมากว่า 10 ปีก็ย่ำอยู่กับที่ เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ อธิบดีกรมการแพทย์ มากี่คนแล้ว สถาบันมะเร็งฯ ก็เปลี่ยน ผอ.มาหลายคน แต่ของเรายาเป็นตำนาน ส่วนเรื่องสูตรจะขายให้ต่างชาติหรือไม่นั้นก็ไม่แน่ หากหมอไทยบอกไม่ได้ผล ซึ่งมีหมอจากเยอรมนี รพ.จากอเมริกา เขาก็มาเฝ้าทุกระยะเพื่อติดต่อขอซื้อ แต่ยังไม่อยากขาย โดยจะไปแจกต่อที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 2 พ.ค.นี้  ทั้งนี้ ในการชี้แจงต่อประชาชนนั้น ประชาชนต้องการรู้แค่ว่าตนต้องการจะแจกยาต่อหรือไม่เท่านั้นเอง
    เมื่อถามต่อว่าผลทดลองบอกไม่ได้ผลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นจะปรับกลุ่มการแจกสมุนไพรหรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า ถ้าผู้ป่วยเขาพร้อมจะไปรับ เราก็ให้ หรือถ้าเขาสะดวกก็ไปที่สถาบันมะเร็งฯ ซึ่งรักษาทุกระยะ ไม่มีไล่กลับบ้าน รับได้หมด ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ป่วยที่มารับสมุนไพรนั้นไม่มีการทิ้งการรักษาแผนปัจจุบัน แต่คนป่วยที่หมดทางรักษาแล้วอยู่ในมือเราหลายพันคน ซึ่งสมุนไพรเราเองก็ไม่มีสูตรแยกว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน มะเร็งคือไวรัสชนิดหนึ่ง เราก็ฆ่ามันเท่านั้นเอง ส่วนในเรื่องการขยายผลจริงๆ อยู่ที่ภาครัฐ ตนมีแค่หน้าที่ผลิต ซึ่งก็ทำมาตลอด แต่ก็บอกทุกครั้งว่าให้รักษาควบคู่กันไป ตนบอกตลอดว่าไม่ใช่หมอ แต่เป็นผู้แบ่งปันคนหมดหนทาง ไม่เป็นไร วันนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 4 แสนเม็ดต่อเดือน จะแจกต่อไปจนกว่าจะไม่ไหว สำหรับกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องว่าทำไมต้องมีการลงบันทึกประจำวันนั้น ก็คงต้องไปถามคนที่ตั้งคำถามว่าคนที่ผ่าตัดใน รพ. ทำไมต้องให้ญาติเซ็น คนจะตาย ตายแล้วไม่เดือดร้อน เราให้แค่นี้พอ พอแจ้งความแล้วตำรวจจะรู้ยอดคน จะได้ให้การดูแลได้ ที่มาของยา 6 เม็ด เพราะมันไม่พอเลยแบ่งจาก 10 เม็ดเหลือ 6 เม็ด 
    นายแสงชัยกล่าวต่อว่า ที่รัฐทำคือทดลองในหลอดทดลอง จะเอามาทดลองในคนไม่ได้ เพราะผิดจริยธรรม แต่ตนทำตายไปหลายคนแล้ว เพราะเราทดลองตามผู้ป่วยติดเตียงตามบ้าน ตามวัด ก็ตายประมาณ 300-500 คน ซึ่งผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่มีทางรอด ญาติยอมเราก็ให้กิน อันนั้นคือคิดการใหญ่ใจต้องถึง มัวแต่ไปรอภาคส่วนรัฐที่ต้องรอทดลองในหลอดทดลองแล้ว สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ ตนไม่เอาหรอก จะรักษาคน ไม่ได้รักษาสัตว์ ไม่ได้รักษาสัตว์ทดลอง ก็เลยเอาคนจริง ซึ่งก็ขออนุญาตญาติเขาแล้ว ไม่กังวลว่ามันเป็นการวิจัยในมนุษย์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"