การตัดสิน..ที่อึดอัดใจ


เพิ่มเพื่อน    

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย ..เป็นเรื่องธรรมชาติปกติที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอะเจอ ไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้ หรืออนาคตข้างหน้า เพราะความไม่จีรังของชีวิตคือสิ่งที่จีรังที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีมีเงินล้านก็ไม่มีใครหนีพ้น
    พร่ำเตือนและบอกตัวเองอย่างนี้เมื่อถึงเวลาตื่นขึ้นมาอีกวันทุกครั้ง แต่เมื่อถึงคราวต้องตัดสินใจอันเกี่ยวเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชะตากรรมหรือการมีชีวิตอยู่ของบุพการี สิ่งที่ท่องจำอยู่ทุกครั้งเมื่อลืมตาตื่นนอน ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล  
    เพราะความคิดและความผูกพัน มันปะปนกัน สับสนไปกับความกังวล ความกลัวค่ะ
    วันนี้...จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่อยากจะตอกย้ำเตือนมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าทั้งหลายว่า เราสมควรจะต้องเขียนหรือร่างโรดแมปพินัยกรรมชีวิตของตัวเองไว้แต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยปละละเลย คิดว่าอายุยังไม่ถึงวัยควรแก่การต้องมาวางแผนการตาย และอย่านึกหลงงมงายไปเลยว่า ...การเขียนพินัยกรรมชีวิตหรือบอกกล่าวเล่าสิบลูกหลานเกี่ยวกับวาระการเจ็บ แก่ และตายของตัวเองนั้น เป็นการแช่ง ทำให้อายุตัวเองสั้น 
    เพราะมันคือความอึดอัดใจ ไม่สบายใจและลำบากใจเป็นอย่างยิ่งของลูกหลาน เมื่อวันหนึ่งต้องมาชี้ทางเดินให้กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เมื่อท่านเจ็บป่วย ว่าท่านควรจะเลือกทางไหน 
    หากวันนี้ที่เรามีสติสัมปชัญญะเต็มร้อย สรุปไว้เป็นแนวทางกับลูกหลานว่า ถ้าล้มป่วยต้องหามส่งโรงพยาบาล อยากให้รักษาถึงขั้นไหน อย่างไร และแบบไหนที่รับไม่ได้ ไม่ยอมอีกต่อไป ..เมื่อถึงภาวะนั้นจริงๆ ลูกหลานก็จะไม่รู้สึกผิดจนกลายเป็นการโทษตัวเอง หรือโทษกันไปโทษกันมา ว่าเป็นต้นเหตุให้สถานการณ์ของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายเลวร้ายลง...จริงๆ นะคะ
    บุพการีหากบอกกล่าวไว้เป็นแนวทางสักนิด ก็จะไม่กลายเป็นความผิดของลูกหลานว่ามากำหนดชะตาชีวิตของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้อย่างไร ใครอนุญาตว่าการผ่าตัดดีกว่า และใครอนุมัติว่าการปล่อยให้อยู่กับเครื่องช่วยหายใจนั้นดีกว่า 
    ไม่ใช่เป็นการมโนหรือมองโลกในแง่ร้ายค่ะ แต่เชื่อว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์กับกรณีแบบนี้ ซึ่งเชื่ออีกเหมือนกันว่า พ่อแม่ ปู่ย่าตายายที่ล้มเจ็บป่วยจนไม่อาจสื่อสารได้นั้น ก็ไม่ปรารถนาที่จะทำให้ลูกหลานเดือดร้อน หากการรักษาพยาบาลแบบไม่รู้จบนั้น ไม่ได้ให้คำตอบเลยว่าคุณภาพชีวิตของตัวเองจะดีขึ้น
    มีคำกล่าวว่า คนตายขายคนเป็น สำหรับวัฒนธรรมการทำพิธีศพแบบไทย วันนี้อยากจะสะกิดว่า คนป่วยขายคนไม่ป่วย หรือทำให้คนดีกลุ้มใจและเครียดกว่าคนนอนแบบนั้น น่าจะไม่ใช่คุณภาพชีวิตที่ดี และบุพการีทั้งหลายก็คงไม่แฮปปี้..จริงไหม
    ดังนั้น มีเวลาวันไหนก็ลองทำเรื่องแสนยากเย็นเข็ญใจให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกหลานจะดีกว่าค่ะ.                                    
"ป้าเอง" 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"