สอนม็อบหัดมีสมบัติผู้ดี


เพิ่มเพื่อน    

  ยิ่งกว่าเรดการ์ด! "รุ้ง" กู่ไม่กลับแล้ว โพสต์แจกกล้วยให้ "ชวน" และ ส.ว. หลังสภาตั้ง กมธ.ศึกษาร่าง รธน.ก่อนรับหลักการ โฆษกเดือด ชี้เตี้ยต่ำหยาบคาย แนะกลับไปถามพ่อแม่ดูว่าควรพูดออกมาหรือไม่ ขณะที่อดีตรองอธิการบดี มธ.ระบุเป็นเรื่องน่าเศร้า "บิ๊กตู่" ถามถ้าไม่มีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สถาบันจะอยู่กันอย่างไร จะให้คนทุกวัยแตกแยกกันหรือ "จักรทิพย์" ห่วงนักศึกษาเป็นตัวประกันม็อบ "เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน"

    ตลอดวันศุกร์ที่ผ่านมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากกรณี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำนักศึกษา แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Panusaya Sithijirawattanakul หลังรัฐสภาโหวตตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาก่อนรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ถึงชวน หลีกภัย และ ส.ว.ทุกคนนะคะ “ค-ย” ค่ะ
    นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงหยาบคายจนเจ้าหน้าที่อาจต้องใช้ความรุนแรง แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้เตือนสติว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคือประชาชนและลูกหลานของพวกเรา ดังนั้นขอให้ใช้วิธีละมุนละม่อมจากเบาไปหาหนัก แต่จากการชุมนุมที่เกิดขึ้นตนขอตำหนิการกระทำและคำพูดต่างๆ ของม็อบ ที่ใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อนายชวน ทั้งที่นายชวนได้แสดงความเป็นห่วง จึงหวังว่าจะสำนึกในการกระทำดังกล่าว รวมถึงตำหนิเรื่องการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการชุมนุมมีการใช้ถ้อยคำหยาบคายไม่สุภาพเกี่ยวกับนายชวน  
    “ผมคิดว่าคงไม่สามารถไปพูดอะไรกับคนเหล่านั้นได้ เพราะพวกเขาก็เป็นแบบนั้น สามารถที่จะเขียนอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหยาบคายขนาดไหน แต่ขอเตือนว่าสักวันหนึ่งพวกคุณก็อาจจะโดนแบบนี้บ้าง ถ้าพวกเราปล่อยให้สังคมยังเป็นอยู่แบบนี้”
    นพ.สุกิจชี้แจงว่า นายชวนได้ดำเนินการประชุมร่วมรัฐสภาด้วยความเป็นกลาง ยึดหลักรัฐธรรมนูญและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด รวมถึงหลักจริยธรรมด้วย มติทุกอย่างของที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ก็เป็นความคิดของที่ประชุม ไม่ใช่ความคิดของนายชวน ท่านเพียงแต่ควบคุมการประชุมให้ราบรื่นเท่านั้น ซึ่งบางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาด  
    “กลุ่มผู้ชุมนุมจะพอใจหรือไม่พอใจอย่างไรก็ไปพูดกับ ส.ส. และ ส.ว.ของพวกคุณ อย่ามากล่าวหาท่านชวน เพราะท่านปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ” นพ.สุกิจกล่าว
    ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น.ส.ปนัสยาทวีตถ้อยคำที่หยาบคายด่านายชวน หากใครได้อ่านก็ไม่สามารถรับได้ และคิดว่าคนที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่แต่กลับใช้ถ้อยคำที่ต่ำเตี้ย หยาบคาย ใช้คำที่มีความหมายถึงอวัยวะเพศของผู้ชายพาดพิงนายชวน และมีการแชร์ข้อความนี้เป็นจำนวนมาก
    "ถ้าไม่มีใครบอก น.ส.ปนัสยาว่าถ้อยคำดังกล่าวเตี้ยต่ำหยาบคายเพียงใด ขอให้กลับไปถามพ่อแม่ของ น.ส.ปนัสยาดูว่าคำพูดเช่นนั้นควรพูดออกมาหรือไม่" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว  
"รุ้ง"ไม่แคร์ ต้องสุภาพด้วยหรือ
     รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยว่า รู้สึกอึ้งและหดหู่เมื่อเห็นโพสต์ของ น.ส.ปนัสยาถึงนายชวนและ ส.ว.ทั้งหมด คุณชวน หลีกภัย เป็นนักการเมือง และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีประวัติการทำงานที่ใสสะอาด ปราศจากความด่างพร้อยทั้งปวง ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และเป็นศิษย์เก่าอาวุโสของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    การทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาของคุณชวน ได้รับการยอมรับว่าทำได้อย่างดีเยี่ยม ทันเกม แม่นกฎ แม่นระเบียบ ควบคุมการประชุมได้อย่างแทบไม่มีที่ติ อีกทั้งยังมีมุกที่เฉียบคม ทำให้ที่ประชุมที่กำลังตึงเครียดผ่อนคลายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่สำคัญคือคุณชวนมีความเป็นกลางสูงมาก
    เช้านี้น่าเศร้าที่มีนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นหลานคนหนึ่ง โพสต์ข้อความถึงคุณชวนด้วยคำหยาบคายเช่นนี้ เพียงเพราะมติที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสภาออกมาไม่ถูกใจพวกเขา
    "หวังว่าผู้ที่กด like กด share จำนวนมาก จะไม่ใช่คนจริงทั้งหมด เพราะหากคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมของคุณรุ้งครั้งนี้ เราจะฝากบ้านเมืองให้อยู่ในมือพวกเขาในอนาคตได้หรือ" รศ.หริรักษ์กล่าว
    แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม แต่ น.ส.ปนัสยาไม่ได้แคร์แต่อย่างใด และได้โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า "ต้องสุภาพกับคนที่ไม่แคร์เสียงของประชาชนด้วยหรอคะ"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐสภากำลังเร่งทำความสะอาดบริเวณกำแพงและรั้วรัฐสภา หลังคณะประชาชนปลดแอกและกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยที่เดินทางมาชุมนุมหน้ารัฐสภานำบล็อกซึ่งเป็นรูปหมุดคณะราษฎร 2563 ไปพ่นสีสเปรย์ลงบนกำแพงรั้วหน้ารัฐสภาและแปะสติกเกอร์ลงที่รั้ว รวมถึงถนนทางเข้ารัฐสภา โดยเจ้าหน้าที่นำมีดมาแกะสติกเกอร์ดังกล่าวออกและเก็บริบบิ้นสีขาวที่ผูกติดอยู่ตามจุดต่างๆ ออก อีกทั้งเตรียมน้ำยามาล้างสีสเปรย์ที่ถูกพ่นลงบนกำแพงด้วย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอก ที่นัดชุมนุมและเชิญให้หยุดงานในวันที่ 14 ต.ค. ว่าคงไม่ต้องกำชับอะไร เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์คิดและทำอะไรก็ได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ต้องเคารพกฎหมาย ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ก็มีปัญหามากมาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม โรคระบาด จึงอยากถามว่า สมควรทำหรือไม่ ทำเพื่ออะไร เพื่อใคร ใครได้รับประโยชน์ ก็ฝากให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันคิดด้วย
    นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ประเทศไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และการทำความดีของทุกคน จะช่วยเป็นกุศลให้กับบ้านเมืองสงบสุข เมื่อวานนี้ได้ไปพบประชาชนที่ จ.เชียงราย ก็พบว่าประชาชนให้ความร่วมมือดีกับรัฐบาล ปัญหาที่พวกเขาสนใจกว่าในกรุงเทพฯ ก็คือเรื่องปากท้องของเขา อาชีพ รายได้ ซึ่งรัฐบาลก็ทำเต็มที่ในการดูแล ก็อยากฝากให้ทุกคนดูแลบ้านเมืองด้วย
แล้วใครจะเอาอยู่
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าลืมว่าความมั่นคงของประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเวลานี้ ประชาชนอีกกว่า 60 ล้านคนจะว่าอย่างไร เขาเดือดร้อนและยากลำบากอยู่ในขณะนี้ เราต้องให้ความสนใจกับทุกด้าน และสร้างการเรียนรู้กับประชาชนให้บ้านเมืองสงบ มีความสามัคคี เราจะแบ่งแยกกันไม่ได้ เพราะอันตรายต่อประเทศชาติในเรื่องความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ รวมทั้งมีการบิดเบือนจากโลกโซเชียล ขอประชาชนเลือกที่จะเสพ จะเชื่อ ตัดสินใจให้ถูกต้องบนพื้นฐานภูมิคุ้มกันที่ดี อย่าเชื่อมากจนเกินไป และควรตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ก่อน
    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ผรุสวาท ว่าเกิดขึ้นจากอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในฐานะที่เราเป็นคนไทยด้วยกัน
    “ถ้าไม่มีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สถาบัน จะอยู่กันอย่างไร ในประเทศไทย ผมไม่รู้ หรือใครเห็นด้วยก็แล้วแต่ แต่ผมคิดว่าเราคงอยู่กันอย่างนั้นไม่ได้ วันหน้าหากเกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วใครจะเอาอยู่ ถ้าสู้กันไปกันมาอยู่แบบนี้ ไม่มีคนร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ก็ฝากคนไทยทั้งประเทศ 60 กว่าล้านคนช่วยกันดูแลด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
    เมื่อถามว่าจะมีการชุมนุมขึ้นอีกหลายครั้ง จะมีการควบคุมได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นสักครั้ง ไม่อยากให้ใครใช้โอกาสนี้ทำให้ประเทศไม่ปลอดภัย ซึ่งในเดือนตุลาคมทุกปีก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่ปลุกระดมกัน ตนคิดว่าประวัติศาสตร์คือประวัติศาสตร์ ในส่วนของประวัติศาสตร์ที่ดีเราก็ออกมาทำ อันไหนที่ไม่ดีเราก็อย่าทำ ประวัติศาสตร์สอนให้เราเรียนรู้เหมือนสงครามโลก
    ถามว่าจะอธิบายอย่างไรว่าการลาออกและการยุบสภาอาจไม่ใช่ทางออก นายกฯ กล่าวว่า สื่อทราบดีอยู่แล้ว จะใช้อำนาจอะไรมากดดันกันแบบนี้ เพราะวันนี้ยังมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกตัวอยู่ จะใช้ความรุนแรงกดดันอย่างนี้หรือ หรือใช้ความแตกแยกของคนทุกวัยหรือไม่ ขอให้มองว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการกระทำแบบนี้ ซึ่งเราก็รู้วัตถุประสงค์ว่าเขาทำเพื่ออะไร ซึ่งฝ่ายกฎหมายก็ลำบากใจ ตนได้คุยแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ไม่วันนี้ก็วันหน้า อายุความก็เยอะแยะไปหมด ดังนั้นตนไม่ต้องการไปปลุกให้คนมาต่อสู้หรือด่าตน บางครั้งตนก็อดทน ซึ่งอดทนเต็มที่แล้ว
เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวก่อนการเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นตอนนี้ ตำรวจเราเคยเจอมาทุกรูปแบบ เราก็ปรับตัวตาม แต่อยากเตือนเรื่องการไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงข้อกฎหมายต่างๆ อยากให้คนที่มาชุมนุมไปย้อนดูเรื่องเก่าๆ อย่าทำด้วยอารมณ์ ซึ่งตนไม่ต้องฝากอะไรถึงผู้ชุมนุม เขารู้อยู่แล้วว่าควรทำตัวอย่างไร บางครั้งเราไม่อนุญาตให้ชุมนุม เขาบอกว่าชุมนุมโดยสงบ แต่เมื่อวานตนไม่เห็นภาพว่าชุมนุมโดยสงบ พูดไปเดี๋ยวจะเป็นประเด็นอีก ตนเชื่อว่าผู้ชุมนุมทราบว่ามาชุมนุมโดยสงบหรือไม่สงบ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมมีการพูดจาจาบจ้วงไม่เหมาะสมกระทบความรู้สึก ตำรวจก็เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกครั้ง ตั้งแต่เริ่มจนจบ
    ถามว่า ผบ.ตร.ผ่านม็อบการเมืองมาหลายครั้ง มองม็อบนี้แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมาอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ม็อบใหม่ๆ มีเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ซักระยะหนึ่งก็แปลงร่างเป็นเรื่องสถาบัน ให้ตนมองและตอบเร็วๆ ใหม่ๆ จะเป็นนักเรียน นักศึกษา หลังๆ เป็นเรื่องอื่นไปแล้ว ส่วนตัวที่ตนอยู่กับม็อบมาหลายสมัยเชื่อว่ามีการแทรกแซงและเบี่ยงประเด็นโดยกลุ่มอื่น สาเหตุที่ทำให้ม็อบเปลี่ยนไปจากเยาวชน เพราะเป็นการชี้นำน้องๆ เหมือนสุภาษิต "เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน" เป็นลักษณะมีผู้ชักจูงอยู่เบื้องหลัง ส่วนใครที่อยู่เบื้องหลังเรากำลังต่อจิ๊กซอว์อยู่ บางเรื่องพูดไม่ได้ก็ขอสงวนไว้
    พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การเมืองตอนนี้ ตนห่วงน้องๆ เพราะม็อบสมัยก่อนจะไม่มีใครเป็นตัวประกัน แต่ที่ผ่านมามีการเอานักศึกษา น้องๆ ชั้นประถม มัธยม มาเป็นตัวประกัน
    ที่ บก.ปอท. นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (มีผล 1 ต.ค.63) เดินทางเข้ายื่นหลักฐานต่อ พล.ต.ต.ไพบูลย์ หุ่นน้อย ผบก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งที่โพสต์และแชร์ข้อมูลในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงานเป็นผู้รับเรื่องไว้ตรวจสอบดำเนินการต่อไป
         นอกจากนี้ ยังได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดแก่แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กประเทศไทย ที่เปิดให้ลูกค้าของเฟซบุ๊กรายนี้ใช้บริการโพสต์ในลักษณะหมิ่นสถาบัน และมิได้ยับยั้งหรือตรวจสอบการกระทำของลูกค้ารายนี้ ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วทำให้เกิดความเสียหายเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14 (2) (3) ซึ่งผู้ให้บริการคือเฟซบุ๊กก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 15 ด้วย จะมาอ้างว่าการให้บริการเป็นสิทธิและเสรีภาพก็จริง แต่จะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพและมากระทำผิดกฎหมายของประเทศไทย ผู้ให้บริการทุกรายทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ต้องพิจารณาและรับผิดชอบในประเด็นที่เกิดความเสียหายในฐานะผู้ให้บริการ.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"