
“ธปท.” ชี้ไร้เงาขุนคลังฉุดเศรษฐกิจไทยสะดุด แนะรัฐบาลเร่งอัดเงินฟื้นฟูเยียวยา ต้องเร็วและเยอะ ประเมินติดลบถึงต้นปี 64 ก่อนผงกหัวฟื้นเป็นบวกในไตรมาส 2 พิษโควิดกระทบฐานะการคลังภาครัฐบาลขาดดุล 6.14 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้จะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2/2564 เนื่องจากไตรมาส 2/2563 เศรษฐกิจหดตัวลงไปแรงมาก ส่งผลให้ฐานต่ำ โอกาสที่เศรษฐกิจจะเติบโตเป็นบวกจึงมีโอกาสสูงมาก ขณะที่การเติบโตไตรมาสต่อไตรมาสจากนี้จะขยายตัวเป็นบวก แต่ยังเป็นการขยายตัวที่ติดลบ โดยคาดว่าจะขยายตัวติดลบไปจนถึงไตรมาส 1/2564 แต่ถ้ามีการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง เศรษฐกิจจะติดลบต่ออีก
“ไตรมาส 3-4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะยังขยายตัวติดลบอยู่ แต่น้อยกว่าไตรมาส 2/2563 โดย ธปท.ประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เฉลี่ยไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวติดลบประมาณ 8.5% ก็จะยังติดลบอยู่ไปจนถึงไตรมาส 1 ของปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบอยู่ที่ 7.8%” นายดอนระบุ
สำหรับเม็ดเงินเพื่อการฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังเหลืออยู่ หากออกได้เร็วและเยอะจะมีผลในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปีหน้าขึ้นอยู่กับรัฐบาล รวมถึงกรณีที่ยังไม่มี รมว.การคลังคนใหม่ ทำให้หลายโครงการต้องหยุดไปเลย ซึ่งมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
นายดอนกล่าวว่า แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ หรือ special tourist visa (STV) เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่เกิน 1,200 คนต่อเดือน จากปกติอยู่ที่ 3 ล้านคนต่อเดือน จึงถือว่าเป็นการใช้จ่ายน้อยมาก
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค.2563 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ตามมูลค่าการส่งออกสินค้า ที่ยังหดตัวที่ระดับ 8.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินค้าในหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวสูงขึ้น ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวน้อยลงต่อเนื่องในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว ขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัว 19.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการลงทุนภาคเอกชน หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นสำคัญ จากการนำเข้าสินค้าทุนและยอดจดทะเบียนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัว และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับดีขึ้น แม้ยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว สอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อที่ทยอยปรับดีขึ้น ทั้งการจ้างงาน รายได้ของครัวเรือน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ขณะที่ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ระดับ 100% จากระยะเดียวกันของปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน ขยายตัวสูงขึ้น ตามรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางที่ยังคงขยายตัวสูง ขณะที่รายจ่ายประจำของรัฐวิสาหกิจและรัฐบาลกลางยังหดตัว หากเร่งในส่วนนี้ให้ดีขึ้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อย จากราคาอาหารสดและราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อย ส่วนอัตราการว่างงานปรับลดลงเล็กน้อย สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกิดดุลจากการส่งออกทองคำเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิเล็กน้อยจากด้านหนี้สิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังได้ออกรายงานฐานะการคลังภาครัฐบาล ตามระบบสถิติเพื่อการศึกษาวิเคราะห์นโยบายการคลัง (สศค. หรือ GFS) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.2562-มิ.ย.2563) ภาครัฐบาล (รัฐบาล กองทุนนอกงบประมาณ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) มีรายได้ 2,342,103 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 269,155 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.3 โดยเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และความจำเป็นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายการคลังผ่านมาตรการทางภาษีเพื่อบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีต่างๆ ออกไปเป็นภายในเดือน ก.ค.-ก.ย.2563 และการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
สำหรับด้านรายจ่ายมีจำนวนทั้งสิ้น 2,956,492 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 299,908 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.3 จากรายได้และรายจ่ายดังกล่าว ส่งผลให้ดุลการคลังภาครัฐบาลขาดดุล 614,389 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.9 ของจีดีพี และดุลการคลังเบื้องต้นของภาครัฐบาลขาดดุล 471,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.0 ของจีดีพี.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |