‘นิพนธ์’ร่ายยาวโต้‘ปปช.’ วิษณุยันทำหน้าที่รมต.ได้


เพิ่มเพื่อน    

 

ป.ป.ช.จ่อรับรองมติชี้มูลความผิด "นิพนธ์" สัปดาห์หน้า ก่อนส่งอัยการยื่นศาลอาญาคดีทุจริต เจ้าตัวแจงยิบรักษาประโยชน์รัฐ เผยสัญญาเซ็นก่อนเป็นนายก อบจ.สงขลา เบรกจ่าย 50 ล้านให้เอกชนเหตุมีร้องเรียนทุจริต ก่อนที่ คกก.สอบสรุปผลฮั้วประมูลทำให้จัดซื้อเป็นโมฆะ "วิษณุ" ชี้ยังทำหน้าที่ รมต.ได้จนกว่าศาลสั่ง

     ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กรณีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ มิได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ที่ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2556 ว่าคดีดังกล่าวกระบวนการพิจารณาชี้มูลฯ ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามขั้นตอน จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาว่าจะรับรองมติที่มีไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงจะแถลงรายละเอียดทั้งหมดต่อสาธารณชน
    นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน? ป.ป.ช. กล่าวยอมรับว่า ก่อนหน้านี้คดีดังกล่าวได้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่แล้ว แต่ที่ยังไม่ยืนยันมติชี้มูลความผิด เพราะขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหากมีการชี้มูลความผิดจริง จะต้องส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
    ส่วนปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นที่ว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในตำแหน่งหนึ่ง และปัจจุบันเข้ารับตำแหน่งใหม่ จะส่งผลให้ต้องพ้นจากการดำรงตำแหน่งหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องที่ต้องตีความ โดยหากอัยการสูงสุดยื่นฟ้องไปยังศาล ศาลจะพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใด ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าหากชี้มูลนายนิพนธ์จริง นายนิพนธ์จะต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่?
    ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2556 ก่อนที่จะรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา มีการประกาศจัดหารถซ่อมทาง วงเงิน 52 ล้านบาท และในการประมูลดังกล่าวมีผู้ยื่นประมูล 2 ราย ได้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด (ยื่นประมูล 50,850,000 บาท) และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด( ยื่นประมูล 50,900,000 บาท) ผลปรากฏว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยราคาที่ต่ำกว่า 50,000 บาท โดยในขณะนั้นได้รับข้อมูลร้องเรียนว่าทั้ง 2 บริษัทมีการทุจริต และต่อมายังตรวจสอบได้ว่าบริษัททั้งสองมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นประมูลงานอีกด้วย  
    ต่อมาวันที่ 31 พ.ค.2556 นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้น ได้ลงนามในสัญญาซื้อรถซ่อมทางอเนกประสงค์กับบริษัท พลวิศว์ฯ โดยกำหนดส่งมอบรถภายใน 180 วัน และวันที่ 7 มิ.ย.2556 หลังจากลงนามสัญญาซื้อรถซ่อมทางอเนกประสงค์ได้เพียง 7 วัน นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้นประกาศลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นวันที่ 4 ส.ค.2556 มีการจัดการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาขึ้นใหม่ ซึ่งตนได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 28 ส.ค.2556   
        จากนั้นวันที่ 8 ต.ค.2556 บริษัท พลวิศว์ฯ ส่งมอบรถซ่อมทางอเนกประสงค์ โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ อบจ.สงขลา ทำการทดสอบและตรวจรับรถซ่อมทางอเนกประสงค์ในวันที่ 9 ต.ค.2556 และใช้ระยะเวลากว่า 90 วัน กองช่างจึงได้รายงานผลการทดสอบในวันที่ 9 ม.ค.2557   
    อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 พ.ย.2556 ระหว่างที่ผลการทดสอบตรวจรับรถยังไม่เสร็จสิ้น บริษัท ไทยวินเนอร์ ทรัค จำกัด ได้มีการร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 15 และ ป.ป.ช. ทำให้ตนที่เพิ่งรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลาคนใหม่ และไม่ทราบถึงรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมทางอเนกประสงค์ดังกล่าวมาก่อน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการจัดซื้อรถดังกล่าวที่ผ่านมานั้นถูกต้องตามระเบียบและตามข้อร้องเรียนหรือไม่ เพื่อไม่ให้ทางราชการเสียหาย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง อบจ.สงขลาได้มีการจัดซื้อรถดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 1 คัน และครั้งนี้เป็นการจัดซื้ออีกเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี อีกจำนวน 2 คัน รวมเป็น 4 คัน   
    ต่อมาวันที่ 7 ม.ค.2557 รองผู้ว่าฯ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าฯสงขลา ได้มีหนังสือถึงตนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ตนจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งผู้ว่าฯและตามที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายร้องเรียนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ จากนั้นในวันที่ 5 มิ.ย.2557 ผู้ว่าฯ สงขลามีหนังสือถึง อบจ.สงขลา ขอให้จ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ แต่ตนพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควรรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการชำระเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ และหากอนุมัติให้จ่ายเงินไป แล้วภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าการจัดซื้อไม่ชอบและการประมูลจัดซื้อตกเป็นโมฆะ จะทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ยากที่จะเรียกเงินคืน เพราะบริษัท พลวิศว์ฯ มีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
    อีกทั้งหากอนุมัติให้จ่ายเงินไป ตนอาจถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ การจ่ายเงินควรดำเนินการภายหลังผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการประมูลจัดซื้อได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เสียก่อน  
    วันที่ 25 ก.ค.57 คณะกรรมการตรวจสอบฯ รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงว่าการประมูลซื้อไม่เป็นไปตามคุณลักษณะเฉพาะตามที่ อบจ.สงขลากำหนด มีความเห็นว่าการประกวดราคาและการจัดซื้อรถมีเจตนาไม่สุจริต เป็นการสมยอมกันในการเสนอราคา ทำให้การแข่งขันกันอย่างไม่เป็นธรรม ผลก็คือการประกวดราคาและการจัดซื้อรถจึงตกเป็นโมฆะ และ อบจ.สงขลาได้นำผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานให้ศาลปกครองพิจารณาแล้ว และส่งให้จังหวัดสงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 15 และ ป.ป.ช.ทราบแล้ว
    นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานจากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ออสเตรเลีย หลักฐานจากนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย เป็นต้น ที่รับรองไว้แล้วว่าบริษัทคู่เทียบเอกชนในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าวไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง และจากกรณีปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว อบจ.สงขลาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสงขลาไว้แล้ว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว หลังจากนั้นกติกาเป็นอย่างไรต่อก็ไปสู้ในศาล อะไรก็ว่ากันไป และนายนิพนธ์ได้ชี้แจงออกมาแล้วเป็นเรื่องของศาล ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่นั้น หากชี้ชัดว่าผิดก็กระทบ กติกาอยู่กับรัฐบาลมาตั้งนานแล้วว่ากรณีจะพ้นหน้าที่ หรือจะต้องถูกออกมีกรณีไหนบ้าง เมื่อมีคำตัดสินที่ชัดเจนจากกระบวนยุติธรรมคือศาล ส่วน ป.ป.ช.เป็นเรื่องของการชี้มูลและส่งฟ้องศาล กระบวนการเป็นอย่างนี้
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ป.ป.ช.ชี้มูลใครก็ตามก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีการส่งเรื่องไปถึงศาล และศาลอาจจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ก็ได้ แต่หากศาลประทับรับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"