วีรชนกลับชาติขอล้านคนล้มบิ๊กตู่


เพิ่มเพื่อน    

  อุ่นเครื่องชุมนุม 14 ตุลา สภานักศึกษา มธ.มอบรางวัลประชาธิปไตยให้แกนนำม็อบ 3 นิ้ว "อานนท์" ลั่นวีรชนเดือนตุลาไม่ได้ไปไหน แต่จุติกลับชาติมาเกิดในร่างคนรุ่นใหม่ ดวงวิญญาณไม่สูญเปล่า เพราะจะจบที่รุ่นเรา เผยเพดานเรียกร้องรัฐบาลต้องออก ยันปราศรัยถึงสถาบันแน่ ขอล้านคนม้วนเดียวจบ   ด้าน "ไมค์" ฟันธงถ้า "บิ๊กตู่" ไม่ออกจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 ต.ค.2563 ที่สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ "ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน จัดงาน “ครบรอบ 44 ปี 6 ตุลา 2519” ประจำปี 2563 ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักไปด้วยเหล่าอดีตนักศึกษา ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์วิปโยค รวมถึงญาติพี่น้องผู้สูญหายและเสียชีวิต ตลอดจนนักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาชน แกนนำนักศึกษานักกิจกรรมยุคใหม่ และนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านรัฐบาลเข้าร่วม
    ไฮไลต์ของงานอยู่ที่สภานักศึกษา มธ.ที่นำโดย น.ส.ลัลนา สุริโย ประธานสภานักศึกษา มธ. มอบรางวัล “จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย” ปีนี้ให้กับนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ สองนักปราศรัยคนสำคัญของคณะประชาชนปลดแอก
    นายอานนท์กล่าวถึงความรู้สึกหลังรับรางวัลว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ทุกองคาพยพของผู้ที่กระทำต่อนักศึกษาและประชาชนไม่ได้ถูกกล่าวถึง ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ คนที่อยู่เบื้องหลัง เราปิดปากเงียบมา 44 ปี เป็นเรื่องบังเอิญที่ในปีนี้มีคนรุ่นใหม่ที่ออกมาพูดถึงปัญหาแบบเดียวกันในที่สาธารณะอย่างตรงไปตรงมา ผู้เสียชีวิตทุกคนในเหตุการณ์ 6 ตุลา แววตานักสู้คนเหล่านั้นมาปรากฏในแววตาคนรุ่นใหม่ ทั้งเพนกวิน ไมค์ รุ้ง ทัตเทพ และอีกหลายๆ คน
    "ดังนั้นพวกเขาไม่ได้จากไป แต่กลับมาเกิดในร่างคนรุ่นใหม่เพื่อที่จะมายืนยันทวงถามความยุติธรรมให้กับพวกเขา น่าเสียดาย หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์และยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งคนที่มีบทบาทในช่วงนั้น กลับมีความพยายามในการกัดเซาะบั่นทอนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งพยายามต่อสู้ในเรื่องเดียวกันกับผู้เสียชีวิตเมื่อปี 2519"
    นายอานนท์กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นจะไม่มีวันซ้ำรอย วันนี้วิญญาณของวีรชนที่เสียชีวิตได้จุติและมากำเนิดใหม่ในร่างกายของคนรุ่นใหม่แล้ว ในฐานะที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ขอยืนยันว่าคนรุ่นใหม่ที่ตื่นขึ้นมาต่อสู้ในประเด็นที่แหลมคม และหลายคนไม่อยากพูดถึง พวกเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในสังคม เพื่อตอบคำถามดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตว่าการสูญเสียของท่านจะไม่สูญเปล่า และการต่อสู้ของท่านจะจบในรุ่นเรา
    จากนั้นนายอานนท์ให้สัมภาษณ์ว่า รางวัลนี้เหมือนเป็นการส่งไม้ต่อจากคนรุ่นเก่าให้กับคนรุ่นใหม่ ถ้าจะพูดแบบหนังจีนคือล้างแค้น 10 ปีไม่สาย และสิ่งที่ชนชั้นนำต้องหวาดกลัวคือ วันนี้เรามีกำลังคนมากขึ้นและเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่เขามีคนลดลง
    เขากล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค. จะเป็นการชุมนุมที่วัดความพร้อมและความมุ่งมั่นของกระแสสังคม เนื่องจากเป็นการชุมนุมในวันทำงาน ทั้งเป็นการชุมนุมแบบรวมทุกกลุ่มทุกองคาพยพที่ถูกกดทัพในสังคมออกมาร่วมชุมนุมพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นคณะประชาชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตลอดจนกลุ่มนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ทั้งใน กทม.และภูมิภาค รวมทั้งภาคประชาชนด้วย ส่วนจะชุมนุมกี่วันนั้นตอบไม่ได้ แต่ตนลางานทนายเป็นเดือน
    นายอานนท์บอกว่า เราส่งเสียงไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับ 14 ต.ค.นี้จึงเป็นการชุมนุมลักษณะประท้วง กดดัน และขยับเพดานเรียกร้อง ซึ่งเบื้องต้นจะมีข้อเดียวคือให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพทั้งหมดออกไปทันที เพื่อให้มีการเปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะทำให้สถาบันฯ อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง และขอให้สภาเปิดประชุมวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
    "แน่นอนว่าการชุมนุมนั้นยังคงมีการปราศรัยเรื่องสถาบันฯ อยู่และจะเข้มข้นขึ้นด้วย แต่ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะล้มล้าง แค่ต้องการซ่อมแซมเพื่อให้อยู่คู่กับสังคมไทยอย่างถาวร การชุมนุมครั้งนี้จะจบในม้วนเดียวหรือไม่ ต้องดูวันจริง ถ้าคนมาเป็นล้านคนก็จบในวันเดียว ถ้ามาเป็นแสนคนก็อาจพักรอคนที่อยู่ต่างจังหวัดที่จะเข้ามาร่วมก่อน แต่มั่นใจจะมากกว่าการชุมนุม 19 ก.ย.แน่ สำหรับพื้นที่ชุมนุมบอกได้เพียงว่าจุดไหนที่มีปัญหาเราจะไปชุมนุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นราชดำเนิน สนามหลวง หรือที่อื่นๆ ยืนยันจะชุมนุมในกรอบกฎหมาย และทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด" แกนนำม็อบผู้นี้กล่าว
    ด้านนายภาณุพงศ์กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องก็จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่จะให้ประชาชนออกมาขับไล่ จึงอยากวิงวอน กราบไหว้ท่านให้ฟังด้วย เพราะเป็นหน้าที่หลักของผู้นำประเทศ ยิ่งถ้าตกลงเจรจากันได้ก็เป็นเรื่องดีจะได้มีทางออกโดยไม่ต้องเกิดความขัดแย้งที่จะนำไปสู่เหตุนองเลือด
    ขณะที่ น.ส.ลัลนากล่าวว่า 44 ปีที่ผ่านไป เรารำลึก 6 ตุลากันหลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามลบให้เหตุการณ์นี้เลือนหายไปจากความทรงจำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าใด ภาพของวีรชนนักศึกษาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยก็ได้ฝังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของชาวธรรมศาสตร์ทุกคนมาจนถึงปัจจุบัน โดยสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่รำลึก หากแต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราจะทำอย่างไรไม่ให้การเสียสละของวีรชนต้องสูญเปล่า จะทำอย่างไรที่จะขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ความเท่าเทียมและมีความเป็นประชาธิปไตย
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้นำนักศึกษา กล่าวปาฐกถารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ว่า นอกจากการสังหารโหดแล้ว วันเดียวกันยังมีการรัฐประหารล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ปิดฉากประชาธิปไตย ดึงประเทศถอยหลังกลับไปสู่ระบอบเผด็จการโดยนายทุน ขุนศึก ศักดินา นานถึง 12 ปี 3.เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่ไม่อาจแยกออกจากกัน
    “การปลุกระดมให้เกิดความโกรธแค้นเกลียดชังจนถึงการเข่นฆ่านั้น มีการวางแผนและสั่งการอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การรัฐประหารในวันเดียวกัน โดยเหตุการณ์ 6 ตุลา ถือเป็นกรณีต้นแบบของการกระทำความผิดร้ายแรงโดยไม่ต้องรับโทษ จนนำมาสู่อีกหลายเหตุการณ์ที่ตอกย้ำว่าสังคมไทยไม่มีหลักนิติธรรม”
    นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันพบว่ามีจุดร่วมคือการเห็นปัญหาของบ้านเมือง มีความใฝ่ฝันอยากเห็นสังคมที่ดี ที่ผ่านมามีคำถามว่าใครหนุนหลังการเคลื่อนไหว สิ่งที่หนุนหลังคือวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง วิกฤติของระบบการศึกษา การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และความผันผวนของโลก เมื่อนักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้สภาพเหล่านี้ทำให้พวกเขาได้ข้อสรุปว่า ประเทศนี้ไม่มีอนาคต พวกเขาไม่มีอนาคต
    ที่หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมวางพวงมาลารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา เเละสดุดีเหล่าวีรชนคนกล้าผู้สละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในนามของพรรคก้าวไกล ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้ร่วมวางพวงมาลารำลึกเหล่าวีรชน ในนามคณะก้าวหน้าด้วย
    นายพิธากล่าวว่า คงไม่มีเวลาไหนที่เหตุการณ์ 6 ตุลา จะเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมได้เท่าเวลานี้ ในเรื่องของสถิติของสิ่งที่เกิดขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิต 6 ตุลา 2519 เท่าที่เราพอที่จะหาได้คือ 45 คน นี่เป็นตัวเลขทางการ มูลนิธิอื่นตัวเลขก็จะต่างกันไป คนบาดเจ็บ 145 เราก็ยังคงหาได้ แต่ตัวเลขที่สังคมไทยไม่เคยหาได้เลยคือผู้ยิงหรือผู้ใช้อาวุธ ไม่มีการได้รับผิดจากสถานการณ์นี้ กรณีแบบนี้หากเป็นในระดับสากลจะต้องมีกระบวนการตามหาข้อเท็จจริง ต้องมีทั้งการรับผิดและการปรองดอง แต่ในประเทศไทยเท่าที่เคยมีกระบวนการแบบนี้เมื่อ 4-5 ปีก่อน กระบวนการตามหาความจริงได้ข้ามไปที่ความปรองดอง โดยปราศจากการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ดังนั้นในทุกวันนี้ตัวเลขผู้กระทำผิดก็ยังเป็นศูนย์ และนี่คือ 2 ประเด็นสำคัญที่ว่าสิ่งที่รัฐควรเรียนรู้คืออะไร
    "เหล่านี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์และสามารถทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น เป็นการโหมฟืนเข้ากับกองไฟทุกครั้งไป ซึ่งหากกลับไปแก้ไขสิ่งที่ง่ายที่สุดคือ หลักการที่ว่ารัฐมีหน้าที่คุ้มครองประชาชน ไม่ใช่คุกคามประชาชน ถ้ารัฐเห็นภาพตรงนี้เเละยอมถอย เพื่อทำตามข้อเรียกร้องในการแก้รัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนผ่านไปตามกระบวนการที่ประชาธิปไตยควรจะเป็น ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกทางตันอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้จากนิทรรศการแขวนที่จัดแสดงอยู่ธรรมศาสตร์ในเวลานี้" นายพิธากล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลและคณะ ร่วมวางพวงมาลาเรียบร้อยเเล้ว ยังได้ร่วมชมนิทรรศการ "แขวน" 6 ตุลา On site Museum ที่จัดแสดงข้อมูลและภาพถ่ายที่ทางโครงการบันทึก 6 ตุลารวบรวมหลักฐานและความทรงจำของบุคคลเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มาดำเนินการบอกเล่า โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการ ‘แขวน’ ซึ่งสะท้อนเป็นภาพถ่ายคนถูกแขวนคอบนต้นไม้และถูกเก้าอี้ฟาดของนีล ยูเลวิช (Neal Ulevich) ช่างภาพสำนักข่าวเอพี
    นอกจากนี้ยังได้นำเอาหลักฐานหลายชิ้นมาจัดแสดงเพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าภาพถ่าย หนังสือพิมพ์เก่า สิ่งของต่างๆ ในเหตุการณ์ เช่น ลำโพงของนักศึกษาที่พรุนไปด้วยรอยกระสุนปืน สมุดบันทึกของบิดาผู้เสียชีวิต และเสื้อผ้าของนักศึกษาผู้เสียชีวิต ประตูเหล็กสถานที่เเขวนผู้เสียชีวิต หนึ่งในชนวนเหตุ 6 ตุลา มาจัดเเสดงเพื่อเป็นการตอกย้ำความสูญเสีย เเละสดุดีเหล่าวีรชนผู้กล้าที่เสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"