ท้าทายขบวนเสด็จฯ ม็อบเหิมอ้างเป็นจุดพีก/ประยุทธ์ชี้อย่าทำกรรมชั่วช่วงมงคล


เพิ่มเพื่อน    

  แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 เปิดบัญชีระดมทุนชุมนุม 14 ตุลา. พร้อมรับสมัครทีมงานการ์ด "อานนท์" โวย ตร.ขอศาลออกหมายจับสกัด โทษ ตร. จัดขบวนเสด็จฯ ผ่านที่ชุมนุม "โตโต้" กร้าวจุดพีกอยู่ที่วันขบวนเสด็จฯ ผ่าน รอง ผบ.ตร.ลั่นมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด "กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม" จี้อธิการ มธ.เอาผิดม็อบบุกรุก มธ. จาบจ้วงสถาบันฯ "ประยุทธ์" อัดม็อบทำลายบรรยากาศทำบุญประเทศ ปลุกประชาชนปกป้องสถาบันฯ ถามลั่นถ้าปล่อยให้ก้าวล่วง ปท.คงอยู่ไม่ได้ ทบ.ปัดทำไอโอ ซัดทวิตเตอร์โยงมั่ว

         เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม นายอานนท์ นำภา พร้อมด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักเคลื่อนไหวสายมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร่วมกันเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เพื่อใช้เป็นบัญชีหลักระดมทุนเพื่อการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
         นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเปิดรับสมัครทีมงานตำแหน่งการ์ด โดยบุคคลที่มาสมัครต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 2 ข้อ ได้แก่ 1.เป็นผู้ที่มีอายุ 18-25 ปี ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่า 2.สามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563 เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป
     ด้านนายอานนท์ นำภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยว่า "ตามฟอร์ม ตำรวจมาขอให้ศาลอาญาออกหมายจับผมกับน้องๆ นักศึกษา เพื่อจับไม่ให้ไปชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ก็ดี ให้มันพังไปพร้อมๆ กัน แล้วสร้างขึ้นมาให้ให้มั่นคง แข็งแรงกว่าเดิม ถ้าผมเป็นอะไรไป ฝากทุกคนไปทวงคืนศักดิ์ความเป็นคนที่ราชดำเนินด้วย"
         นายอานนท์โพสต์อีกว่า จริงๆ เรื่องขบวนเสด็จฯ ที่ตำรวจจงใจจัดให้ตรงกับการชุมนุมขนาดใหญ่ ทั้งที่รู้ว่าประเด็นหลักใหญ่ใจความของการชุมนุมคือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ต้องถือว่าเป็นการหาเรื่องผู้ชุมนุม คือพยายามป้ายสีและสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งให้บานปลาย
         "รู้ทั้งรู้ว่าคนรุ่นใหม่เขาเคยแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับขบวนเสด็จฯ จนติดเทรนทวิตเตอร์มาแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าถ้ามีขบวนเสด็จฯ ผ่านที่ชุมนุมมันจะเกิดความวุ่นวายขนาดไหน ยังดึงดันที่จะจัดขบวนเสด็จฯ ผ่านที่ชุมนุมให้ได้ ถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้น ต้องถือว่าตำรวจจงใจให้เกิดขึ้นเอง จะมาโทษผู้ชุมนุมไม่ได้เลย" นายอานนท์ระบุ
    นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1  พรรคอนาคตใหม่ แกนนำม็อบปลดแอก โพสต์ข้อความว่า เราจะมีการจัดชุมนุมตามที่มีการแถลงข่าวกันไปเมื่อราว 14.15 น. ของเมื่อวานที่สนามราษฎร์ (เดิมชื่อสนามหลวง) การชุมนุมจะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เริ่มขบวนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน แล้วเรารอฟังประกาศบนเวทีให้ดีๆ ว่าจะมีการจัดกิจกรรมอะไรต่อไป รับประกันว่ารอบนี้มีการออกกำลังกายอย่างแน่นอน เช่น การช่วยกันดูแลต้นไม้ของ กทม.ที่เกะกะอนุสาวรีย์ฯ รอบนี้ทราบว่าในหลวงเลือกที่จะเสด็จฯ ผ่าน ถนนราชดำเนิน เพื่อเสด็จฯ ต่อไปยังวัดพระแก้ว ในวันและเวลาตรงกันกับการชุมนุมของประชาชนที่ชูข้อเรียกร้อง 1 คือปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
         "จุดพีกสุดของวันน่าจะอยู่ที่ภาพของขบวนเสด็จฯ จะแล่นผ่าน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท่ามกลางมวลหมู่ประชาชนจำนวนมากได้อย่างไร นี้คือเรื่องที่ท้าทายสำหรับทุกฝ่าย โดยเฉพาะทางฝั่งนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนทางฝั่งเราก็คือมวลชนอาสา แต่เมื่อต้องการอย่างนั้น เราก็คงทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ และปล่อยให้เป็นโดยธรรมชาติ คิดเสียว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด" นายปิยรัฐระบุ
ศาลปล่อยตัวม็อบขอนแก่น
    ขณะเดียวกัน ที่ จ.ขอนแก่น เวลา 10.00 น. นายธนภณ เดิมทำรัมย์ หรืออาร์ตยุ่น พร้อมด้วยนายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุม ได้รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อนำแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุน ร่วมเดินขบวนรณรงค์ให้ประชาชนชาวขอนแก่นออกมาร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.
และการร่วมกันเข้าพบพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น ตามขั้นตอนการสอบสวน ภายหลังจากวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นได้มีหมายเรียกให้แกนนำกลุ่มที่ร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่สวนรัชดานุสรณ์ หลังการสอบสวนตามข้อกล่าวหาแล้วเสร็จ ในฐานความผิดร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยฯ  
    ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบวางกำลังเข้มโดยรอบพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่ พ.ต.อ.ปรีชา เร่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้ใช้เครื่องขยายเสียงแจ้งสิทธิ์การชุมนุม ข้อกฎหมาย และมาตรการควบคุมโรคจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้ายที่ผู้ชุมนุมนำมาใช้ในการเดินขบวน โดยพบว่ามีป้าย 1 ป้ายที่มีข้อความที่เกี่ยวข้องและหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบและตรวจยึด ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจและยื้อแย่งป้ายดังกล่าวจนเกือบเกิดการปะทะเกิดขึ้น จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันเดินขบวนไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดตามการนัดหมาย
    ต่อมาเวลา 14.30 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยนายธนภณ เดิมทำรัมย์ หรืออาร์ตยุ่น, นายวชิรวิทย์ เทศศรี เมือง หรือเซฟ, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน  และ นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำเเบงค์ 5 นักจัดกิจกรรมซึ่งถูกดำเนินคดี เดินจากสำนักอัยการ จ.ขอนแก่น  มายังศาลแขวง จ.ขอนแก่น ระยะทางประมาณ 1 กม. ภายหลังจากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย กระทั่งเวลา 16.00 น. ศาลแขวง จ.ขอนแก่น มีคำสั่งให้ประกันตัว ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมารายงานตัวต่อศาล ในวันที่ 2 ธ.ค.2563 เวลา 13.00 น. หากไม่มารายงานตัวมีคำสั่งปรับคนละ 20,000 บาท และออกหมายจับทันที     
    จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้เดินออกมาจากห้องพิจารณาคดีมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปักหลักรอบริเวณด้านหน้าศาล ก่อนร่วมกันถ่ายภาพและแยกย้ายกันเดินทางกลับ
    ที่โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ ข้าวสาร เวียงใต้ เวลา 10.00 น. กลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม ซึ่งเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในการชุมนุมทางการเมืองที่นำไปสู่ความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัย นำโดยนายอาณัศ ช้างอินทร์ นิติศาสตร์ มธ.รุ่น  09 อ่านแถลงการณ์ถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4 ข้อ  คือ 1.เรียกร้องให้อธิการบดีแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด เนื่องจากอธิการบดีเคยมีคำสั่งชัดเจนไม่ให้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยในการชุมนุม แต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้บุกรุกเข้าไปมหาวิทยาลัย ฝ่าฝืนคำสั่ง ทำให้ทรัพย์สินภายในมหาวิทยาลัยเสียหาย ดังนั้นขอให้ดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในอนาคต หากปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินคดี อาจมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ศิษย์เก่าจี้มธ.ฟันแกนนำม็อบ
    2.เรียกร้องให้สั่งห้ามไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ชื่อมหาวิทยาลัยในการชุมนุมทางการเมือง ที่เป็นการสร้างความอับอายและความเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงแก่มหาวิทยาลัย และห้ามไม่ให้ใช้ตราสัญลักษณ์และสถานที่ของมหาวิทยาลัยในการชุมนุมทางการเมืองที่มีเนื้อหาปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ 3.ขอให้ลงโทษนักศึกษาตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ที่ใช้เสรีภาพการชุมนุมต้องไม่ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน และทำลายวัฒนธรรมของชาติเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่นักศึกษาคนอื่นๆ 4.ขอให้สั่งห้ามไม่ให้อาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่สอนด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แฝงไปด้วยวาระทางการเมือง มีเนื้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ เพื่อไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในมหาวิทยาลัยต่อไป
     ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวมีบรรดาศิษย์?เก่า ?ม.ธรรมศาสตร์ ?ที่ร่วมเข้าชื่อจำนวน 626 คน
    นายอาณัศกล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วจริง เราเคารพผู้ที่เห็นต่าง เราจะไม่ก่อม็อบมาชนม็อบ หรือชวนทะเลาะวิวาทอย่างแน่นอน เพื่อให้เป็นเงื่อนไขทำให้บ้านเมือง?ไม่สงบสุข
    ต่อมาในเวลา 14.00 น. นายอาณัศ ในฐานะตัวแทนกลุ่ม เข้ายื่นหนังสือพร้อมกระเช้าดอกไม้ต่ออธิการบดี ?ม.ธรรมศาสตร์? ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีตัวแทนมารับหนังสือ โดยนายอาณัศกล่าวว่า ขอให้กำลังอธิการบดี โดยขอให้ดำเนินตามข้อเรียกร้องของกลุ่ม เพื่อเกียรติภูมิของอธิการบดี
    ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา โพสต์ข้อความว่า "เบื้องหลังความฝันเพ้อเจ้อและคำสัญญาที่เผลอหลุดปากว่าอาจลี้ภัย ส่วนหนึ่งจากรายงานลับจากหน่วยงานประมวลข่าวกรอง โดยได้หยิบยกข้อความว่า "การชุมนุมจะจบลงภายในวันเดียวเท่านั้น เพราะจะไม่มีประชาชนเข้าร่วมเลย นอกจากพวกที่ถูกเกณฑ์เข้ามาชุมนุม และแกนนำที่เคลื่อนไหวได้รับคำสัญญาว่าจะมีทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐเป็นแรงจูงใจ"
     ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับม็อบวันที่ 14 ต.ค.นี้ว่า ทางแกนนำยังไม่ได้แจ้งการชุมนุม ซึ่งตำรวจคงใช้แผนการชุมนุมเหมือนกับเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. รวมทั้งตั้งด่านคัด กรองโควิด-19 และด่านคัดกรองอาวุธ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ที่มาร่วมการชุมนุม ตำรวจไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด เราต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องเตรียมการตามสถานการณ์ด้านการข่าว จึงอยากขอความร่วมมือผู้ชุมนุม ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และการชุมนุมสาธารณะต้องแจ้งการชุมนุม เมื่อแจ้งการชุมนุมตำรวจจะออกเงื่อนไขว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้
    พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า กรณีผู้ชุมนุมประกาศปักหลักในเส้นทางเสด็จฯ วันที่ 14 ตุลาคมนั้น ต้องเน้นการเจรจาพูดคุยกับแกนนำเป็นหลักก่อน ตำรวจมีหน้าที่ถวายความปลอดภัย ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ และปรับการทำงานตามการข่าว ใกล้ถึงวันชุมนุมจะมีการประเมินอีกครั้ง
    สำหรับการจัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบการชุมนุม มีจำนวนพอสมควร เนื่องจากการข่าวผู้ชุมนุมพยายามที่จะปักหลักค้างคืน ตำรวจมีแผนรองรับอยู่แล้ว เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ป้องกันมือที่สามอาศัยโอกาสสร้างการกระทบกระทั่งกัน
ม็อบทำลายบรรยากาศทำบุญ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตั้งแต่ช่วงเช้า จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางเข้าพบนายกฯ ที่ห้องทำงาน โดยไม่มีวาระแจ้งล่วงหน้า คาดว่าเป็นการมารายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไป และการเตรียมรับมือการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้
    ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาในการหารือประมาณ 10 นาที โดย พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า วันนี้มาเพื่อเชิญนายชวนไปร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพของบิดา นายชวนยังได้มอบต้นลิ้นมังกรให้เป็นที่ระลึก ไม่มีความหมายอะไร แค่ชื่อดูน่ากลัว แต่ท่านบอกว่าเป็นต้นไม้ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ นอกจากนี้ได้หารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในสภา ได้ยืนยันกับนายชวนว่าตนไม่ได้ขัดแย้งกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคการเมืองต่างๆ เพราะถือว่ามาตามกระบวนการประชาธิปไตยและตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติทุกท่าน   
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลา.ว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังลูกหลานให้ดี อะไรที่ไม่ถูกต้องไม่ควร ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว รัฐบาลมุ่งหวังแต่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ได้หวังเป็นศัตรูกับใคร ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็โดนอาญามาตรา 157 ถ้าทุกคนไม่อยากโดนกระบวนการทางกฎหมายก็อย่าทำ ทุกคนทราบกฎหมายทุกตัวอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องไปดูจุดมุ่งหมายของพวกเขาว่าทำเพื่ออะไร   
    “ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่เป็นห่วงเป็นใยและเคารพสถาบันฯ ก็ขออย่าตีกัน ที่ผ่านมาตั้งแต่ผมเข้ามาเป็นรัฐบาลปี 57 ผมไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามา แต่ขอให้ย้อนไปดูว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น แล้วผมเข้ามาแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะว่าผมไปจำกัดสิทธิ หรือทำลายใคร ผมก็ไม่ได้ทำ เพียงแต่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน และไม่ได้ก้าวล่วง ผมก็ได้พยายามรักษาความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ถ้าเขาไม่ไปละเมิด ไม่ไปก้าวล่วงสถาบันฯ หรือไม่ไปด่าใคร ก็ไม่มีปัญหา แต่ถามว่าตอนนี้เขาทำไปเพื่ออะไร และพวกเรายอมได้หรือ ยอมตามที่เขาเสนอมาได้หรือ ที่เขาเกลียดชัง ไม่เคารพสถาบันฯ ทุกคนยอมหรือ ผมก็คิดว่าประเทศไทยคงอยู่ไม่ได้หรอก” นายกฯ กล่าว  
    เมื่อถามถึงเรื่องการชุมนุมกับเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปพระบรมมหาราชวังในวันที่ 14 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขามีแผนอยู่แล้วในการถวายความปลอดภัย และคงมีประชาชนออกมาเฝ้าฯ รับเสด็จจำนวนมาก จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งใช้สถานการณ์ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาอันมงคล ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ชั่ว ช่วงนี้เป็นช่วงพระราชทานผ้าพระกฐิน เขาทำบุญกันทั้งประเทศ มาทำลายบรรยากาศการกุศลได้อย่างไร ไม่ควรเลย โตๆ กันแล้ว   
    "ฝากพวกเราทุกคนช่วยกัน ช่วยนายกฯ ดูแลบ้านเมือง เพื่อลูกหลานทั้งนั้น ถ้ามันลำบากวันนี้ วันหน้าก็ลูกพวกเรา อนาคตมันมีอยู่ แต่อย่าทำอนาคตให้เสีย ด้วยการทำอะไรที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ผมฝากด้วยเเล้วกัน คนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะใครก็เกิดในเมืองไทยทั้งสิ้น อย่าลืมแผ่นดินชาติเกิด ไม่ว่าจะมาจากไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวยก็แผ่นดินผืนนี้ เขาปกป้องมาเท่าไหร่บรรพบุรุษ พระมหากษัตริย์กี่พระองค์ จนเรามีที่อยู่ตรงนี้ ซึ่งถือว่าดีที่สุดในอาเซียน แล้วจะทำลายไปทำไม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร วันที่ 14 ต.ค. ว่า ไม่มีความกังวลอะไร เราไม่เห็นว่ามีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อน และนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย ถือเป็นการแสดงออกของนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นลูกหลานที่มาแสดงออก อยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามขอบเขตรัฐธรรมนูญ ผู้ชุมนุมคงไม่แตกต่างไปกว่าเดิม อยากวิงวอนหันหน้ามาคุยกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศรัฐบาลและนายกฯ มีความจริงใจ ไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น แต่บางครั้งผู้ชุมนุมอาจเกินเลยขอบเขตกฎหมาย
    "บ้านเมืองเรามีเสาหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มานาน ที่เราไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่อยู่ภายใต้ระบบเผด็จการ นับเป็นโชคดีของประเทศไทยที่เรามีเสาหลักที่สามารถคานอำนาจสิ่งที่ไม่คาดฝันเหมือนที่ประเทศอื่นได้รับ นี่คือสิ่งที่เป็นคุณูปการที่เราได้รับมา ส่วนตัวถ้ามีเรื่องนี้ไม่เอาแน่นอน ถ้ามีเรื่องนี้ผมก็เดินตรงข้ามอย่างเต็มที่ เว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องอื่นคุยได้หมด" นายอนุชากล่าวถึงข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ  
"ธนาธร"พร้อมไปร่วมม็อบ
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ระบุคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จะไม่เข้าร่วมชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.ว่า วันที่ 14 ต.ค. นักศึกษาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย และต้องการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอุดมการณ์ที่ตรงกับคนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมกันมา การชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นการสานต่ออุดมการณ์ของคนเสื้อแดง และวันนี้ไม่ใช่แค่คนเสื้อแดง แต่คนเสื้อเหลืองหลายกลุ่มก็มีความคิดเห็นเหมือนกัน ที่ต้องการประชาธิปไตย ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และต้องผู้บริหารประเทศที่มี ความรู้ความสามารถ เชื่อว่าจะมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก
    ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อถามถึงคณะก้าวหน้าจะไปร่วมชุมนุมในวันที่ 14  ต.ค.ว่า คณะก้าวหน้าจะเข้าร่วมชุมนุมอย่างแน่นอน
    เมื่อถามต่อว่า การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายหรือไม่ และทางออกที่ดีที่สุดควรเป็นอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า นักศึกษา เยาวชน และประชาชนได้ส่งเสียงและความต้องการของพวกเขาแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งไหนที่นิสิต นักศึกษา เยาวชน  เคลื่อนไหวด้วยข้อเรียกร้องเดียวกันทั่วประเทศอย่างกว้างขวางเช่นนี้ ดังนั้นการจะตอบคำถามนี้คือการถามผู้มีอำนาจว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะรับผิดต่อการกระทำที่ผ่านมา แล้วหาทางออกร่วมกันหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่มีการทาบทามให้ตนขึ้นปราศรัยบนเวที
     ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ นำหลักฐานเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ในต่างสถานการณ์ที่เป็นการสนับสนุนการกระทำผิดตามมาตรา 111 พร้อมหนังสือร้องเรียนเพื่อให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รับไว้พิจารณาในการดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยมี พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.สส.2 บก.สส. บช.น. เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือร้องเรียน
        นายสนธิญากล่าวว่า นายธนาธรมีส่วนสนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 111 และพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ เนื่องจากพบว่าการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต มีการปราศรัยเนื้อหามีลักษณะจาบจ้วงสถาบันฯ นายธนาธรยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลายครั้งในลักษณะสนับสนุนให้มีการชุมนุมและสนับสนุนการปฏิรูปสถาบันฯ รวมทั้งยังเข้าร่วมการชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อวันที่  19 กันยายนอีกด้วย     
     นางสาวอรุณี  กาสยานนท์  โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ทวิตเตอร์รายงานถึงเรื่องปฏิบัติการไอโอ (information  operations) ของรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งประเทศไทยเป็น  1 ใน 5 ประเทศที่มีการตรวจพบปฏิบัติการไอโอ จำนวน 1,594 บัญชี โดยมี 926 บัญชีในไทยที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกองทัพบกไทยและรัฐบาล โดยมีพฤติกรรมมุ่งโจมตีฝั่งตรงข้ามทางการเมืองและประชาชนที่มีความเห็นต่างเป็นสิ่งที่ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้กองทัพเป็นเครื่องมือบิดเบือนข้อเท็จจริงทำสังคม เกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดความเข้าใจที่ผิดๆ ในหมู่ประชาชนและคนรุ่นใหม่ จนลุกลามไปสู่ความเกลียดชังบุคคลและองค์กรต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นได้สะท้อนถึงการคุกคามของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน เผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดเผยตัวตน
ทบ.ปัดทำไอโอบนทวิตเตอร์
     นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ว่า กองทัพนำงบประมาณและทรัพยากรที่มาจากเงินภาษีของประชาชน มาใช้ปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความแตกแยกกัน โดยการเอาคำว่า "ชังชาติ" และ "ล้มเจ้า" มาปลุกปั่นประชาชน  การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ความจงรักภักดี แต่เป็นการกระทำที่บังอาจ และระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ที่เจตนาเอาชาติและสถาบัน มาใส่ร้ายสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง เพื่อจะได้ปราบปรามประชาชนที่คิดต่างคนที่ควรถูกดำเนินคดีข้อหายุยงปลุกปั่นใน ม.116 ไม่ใช่นักศึกษาและประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ต้องเป็นกลุ่มทหาร ที่ส่งไอโอมาปลุกปั่นทำให้ประชาชนแตกแยกกัน
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในสื่อโซเชียลทั้งหมดที่กองทัพบกใช้นั้น ยืนยันว่าใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบก โดยเฉพาะงานช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เพราะประเทศไทยในขณะนี้จะมีสถานการณ์ที่วิกฤติเสมอ เช่นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากพายุ จึงต้องนำสื่อทางโซเชียลมีเดียมาเพื่อรายงานและติดตามสถานการณ์ รวมถึงสั่งหน่วยทหารในพื้นที่ดังกล่าวไปทำหน้าที่เข้าพื้นที่เร็วที่สุด
    เมื่อถามว่าจะต้องมีการชี้แจงข้อมูลไปทางทวิตเตอร์หรือไม่ พล.ท.สันติพงศ์กล่าวว่า ขั้นต้นได้ประสานงานยืนยันกับทางทวิตเตอร์ไปแล้วว่าไม่ได้ใช้ในลักษณะตามที่ถูกกล่าวหา แต่ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบรายละเอียดบัญชีผู้ใช้งานทั้งหมดที่ถูกระงับ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะตรวจสอบได้แค่ไหน ยืนยันว่ากองทัพบกไม่มีนโยบายทำทวิตเตอร์อวตารเพื่อไอโอ
    พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อมูลกับทางทวิตเตอร์ก่อน เพื่อดูรายละเอียด แต่จากที่เห็นตามข่าวที่มีการเผยแพร่เป็นไปในลักษณะการเชื่อมโยงข้อมูลจากบัญชีผู้ใช้ ซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้แล้ววิเคราะห์สรุปว่ามีความเกี่ยวข้องกับกองทัพบกนั้นน่าจะไม่เป็นธรรมกับกองทัพบก
    ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะโฆษกอนุกรรมาธิการ(กมธ.) พิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ รัฐสภา เปิดเผยข้อสรุปของอนุ กมธ.ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อนุกรรมาธิการเสียงข้างมากที่เป็น ส.ส. และนักวิชาการ ได้ข้อสรุปแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นไปตามกระบวนการมาตรา 256 แต่มีเสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว.เห็นว่ายังขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
    นายนิกรกล่าวว่า กมธ.เสียงข้างมากเห็นว่าการทำประชามติ ให้ทำหลังผ่านการแก้ไขในวาระที่ 3 ก่อนที่นายกฯ นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายตามกระบวนการในมาตรา 256 วรรค 8 แต่เสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว. เห็นว่าควรทำประชามติ 2 ครั้ง คือ ก่อนรับหลักการ และก่อนที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายซึ่งตนยังเห็นแย้งกับความเห็นของวุฒิสภา ซึ่ง กมธ.ก็จะนำข้อ สรุปความเห็นทั้งหมดเสนอต่อ กมธ.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
     ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยว่า การเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในครั้งนี้ ไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการฯ ที่จะพิจารณา ซึ่งเมื่อเปิดการประชุมมา ก็คงจะนำไปดูว่าจะรับร่างใด จะตั้งหรือไม่ตั้ง ส.ส.ร. ทุกอย่างใช้กฎหมายหมด จะออกหรือจะเข้ามีกฎหมายทุกตัว แต่ตนก็ต้องรับผิดชอบต่อไป ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่ยังไม่ออกก็ต้องใช้รัฐธรรมนูญปี 60.
    

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"