เสริมพลังฐานรากช่วยฝ่าวิกฤติ


เพิ่มเพื่อน    


    การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก จนทำให้ประเทศไทยต้องประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ส่งผล  เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ถือว่าประเทศไทยเราชนะ ที่ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ภาพรวมแพ้เพราะเศรษฐกิจดิ่งลึกมาก กระทบต่อเศรษฐกิจมาก ไตรมาส 2 หดตัวถึง 12.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และทั้งปีคาดว่าจะติดลบ 8-10% จากฐานจีดีพีประเทศไทยปีที่แล้ว 17 ล้านล้านบาท เท่ากับจีดีพีของไทยหายไปถึง 1.5-1.7 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าความมั่งคั่งของชาติถอยหลังไปนับสิบปี
    นอกจากนี้ การล็อกดาวน์ทำให้มีคนตกงานจำนวนมาก เหมือนตึกเริ่มพังจากฐาน คนข้างบนยังไม่รู้สึกอย่างข้าราชการที่มีเงินเดือนประจำ จะรู้สึกได้เมื่อตึกทั้งตึกถล่มพังลง ซึ่งที่ผ่านมานั้นรัฐบาลพยายามหามาตรการต่างๆ เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และประคับประครองให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะกลับมายืนที่ฐานเดิมได้ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะอนุกรรมการ วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการบริหารเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ระบุว่า
    ขณะนี้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญๆ หลายตัวหยุดชะงักเกือบหมด ที่เหลืออยู่ตัวเดียว คือ “การลงทุนภาครัฐ”  ฉะนั้นเราจะให้เครื่องยนต์ตัวนี้หยุดไม่ได้ ดังนั้นทาง ศบศ.จึงมีการเสนอให้อนุมัติโครงการลงทุนเร่งด่วนหลายโครงการ รวมแล้วประมาณ 20-30 โครงการ ซึ่งมีทั้งโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว  และโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะ โครงการรถไฟรางคู่สายอีสาน จากเดิมที่จะสร้างถึงขอนแก่น แต่ได้มองเห็นถึงความสำคัญมากกว่าจะต้องเร่งก่อสร้างไปให้ถึงหนองคายโดยเร็ว เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟของจีนที่ก่อสร้างมาถึง สปป.ลาวแล้ว
    ส่วนเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยที่สำคัญอย่างการส่งออกและท่องเที่ยว ในด้านการส่งออกไม่ต้องพูดถึง ปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงย่ำแย่เหมือนกัน เพราะผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ด้านการท่องเที่ยวที่เคยทำรายได้ให้ประเทศปีละ 3 ล้านล้านบาท โดย 2 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอีก 1 ล้านล้านบาทมาจากในประเทศ แต่เมื่อเกิดไวรัสโควิด-19 ต้องล็อกดาวน์การท่องเที่ยวหายหมด 
    ดังนั้น ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลพยายามที่จะอัดมาตรการต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ แม้จะมีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังได้เพียงแค่ขยับตัว ดังนั้นสิ่งสำคัณในขณะนี้ที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการนั้น คือการเร่งแก้ไขเศรษฐกิจฐานราก ล่าสุดได้ออกมาตรการ "โครงการคนละครึ่ง" มาตรการระยะสั้น 3 เดือน ใช้เงิน 3 หมื่นล้าน ให้คน 10 ล้านคน โดยรัฐบาลช่วยจ่ายวันละ 150 บาท เพื่อนำไปซื้อสินค้ากับหาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีเงินหมุนกระตุ้นการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะฐานราก ซึ่งหากกลุ่มนี้รอด เอสเอ็มอีที่อยู่ชั้นเหนือขึ้นไปจะได้รอด
    นอกจากนี้ ยังมีโครงการ "ช้อปดีมีคืน" เพื่อกระตุ้นการบริโภค โดยสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับโครงการช้อปช่วยชาติที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2558-2561 ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี โดยมาตรการช้อปช่วยชาตินอกจากนี้ที่ต้องเร่งรีบอีกเรื่องคือการแก้ไขปัญหาการว่างงานจากภาคบริการและการจ้างงาน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ 4 แสนคน  
    อย่างไรก็ตาม ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ได้ย้ำว่าเศรษฐกิจปัจจุบันถูกกระทบหนักมาก โดยผลกระทบกลุ่มคนส่วนบนยังไม่รู้สึก เพราะมีเงินเดือนประจำเท่าเดิม เช่นข้าราชการ แต่ผลกระทบกับไปเกิดขึ้นที่ข้างล่าง มีการเลิกจ้าง การปลดคนและปิดกิจการ และการล็อกดาวน์มีผู้ตกงานจำนวนมากเหมือนตึกทยอยพังจากฐาน คนข้างบนจะรู้สึกได้เมื่อตึกถล่มไปแล้วทั้งตึก คือถล่มจากข้างล่างขึ้นมาจนพังไปทั้งตึก การที่ภาครัฐพยายามกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้กลับขึ้นมานั้นถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าจะให้เห็นผลดีที่สุดต้องค่อยๆ เปิดประเทศ ซึ่งต้องยึดหลักทยอยเปิดประเทศ โดยใช้แง่หลัก "ทางสายกลาง" เพราะเศรษฐกิจเราพึ่งพาเรื่องการท่องเที่ยวมาก และต้องเร็วทันช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง เพราะการฟื้นตัวดีที่สุดคือวีเชป แต่ถ้าไม่ทำอาจจะกลายเป็น L ไปเรื่อง ยิ่งหางยาวยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น. 

 บุญช่วย  ค้ายาดี 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"