ค้างคืนรอบทำเนียบฯ ม็อบประกาศจุดยืน'3ป.' ตร.กล่อมแกนนำชู3นิ้ว!


เพิ่มเพื่อน    


    ซูเปอร์โพลเผย ปชช.ยี้พรรคการเมืองนำมวลชนลงถนนหนุนกลุ่มจาบจ้วงสถาบันเป็นการเมืองแบบเก่าซ้ำเติมวิกฤติชาติ "อานนท์" ยังเหิมหลังชู 3 นิ้วที่ราชดำเนินจะเคลื่อนขบวนไล่ "ประยุทธ์" พักค้างที่ทำเนียบฯ ฝ่ายความมั่นคงเผย ตร.พยายามคุยแกนนำเตือนชู 3 นิ้วระหว่างขบวนเสด็จฯ ผ่านไม่เหมาะสม ตร.ทำเนียบฯ ​​กันพื้นที่ให้อยู่เชิงสะพานชมัยฯ ห้ามข้ามประชิดรั้ว หมู่บ้านเสื้อแดงตะวันออกผนึกกันปกป้องสถาบัน "ปิยบุตร" ร่วมตั้งกลุ่ม “Re-solution” ลั่นหากรัฐประหาร ปชช.จะเขียน รธน.ของตัวเอง 
    เมื่อวันอาทิตย์ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง "การเมืองใหม่ หรือ เก่า สาดสี" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 5,260 คน ระหว่าง 1 มิถุนายน - 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงการเมืองของพรรคการเมืองต่างๆ วันนี้ พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 93.3 ระบุ เป็นการเมืองเก่า เพราะนำมวลชนลงถนน เคลื่อนไหวนอกสภา สนับสนุนกลุ่มจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน เสาหลักของชาติ สาดสี เสียดสี พ่นสี จ้องโค่นล้มรัฐบาล ไม่สนใจว่าจะซ้ำเติมวิกฤติชาติและทุกข์ยากของประชาชน ขอให้พรรคพวกตนขึ้นมีอำนาจ ปล่อยต่างชาติเข้าแทรกแซงสั่นคลอนประเทศ ยังไม่มีผลงาน แต่จะเข้ามาทำงานกลุ่มการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 6.7 ระบุ เป็นการเมืองใหม่ เพราะมีคนรุ่นใหม่ นโยบายใหม่ มาตรการใหม่ สถานการณ์ใหม่ช่วงโควิด-19 มีประเด็นใหม่ ใช้เทคโนโลยีโซเชียลมีเดียทำงานการเมือง เป็นต้น
    ที่น่าสนใจคือ ทุกช่วงเวลาสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ต้องการพรรคการเมืองใหม่แท้จริง ไม่เป็นต้นตอของความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่ล่วงละเมิดร่วมมือกับต่างชาติสั่นคลอนสถาบัน เสาหลักของชาติ ซื่อสัตย์ ไม่แย่งตำแหน่ง ทรยศหักหลังกัน มีผลงานช่วยเหลือประชาชนได้จริง และอื่นๆ 
    วันเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร 2563 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "14 ตุลา หลังชู 3 นิ้วที่ราชดำเนิน ขบวนประชาชนทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปตั้งเวทีปราศรัยไล่ประยุทธ์และพักค้างรอบทำเนียบรัฐบาล ขอเชิญทุกท่านมาไล่ประยุทธ์ด้วยกัน นอนค้างบนถนนร่วมกับพี่น้องประชาชน"
    ขณะที่เพจเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ระบุว่า เราจะไม่ยอมทนก้มหน้าฝืนกับระบอบเผด็จการศักดินา และชนชั้นปรสิตที่กัดกินประเทศนี้มาเป็นเวลานาน เราจึงขอประกาศข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1.“ประยุทธ์ต้องออกไป” จากการเป็นนายกฯ กว่า 6 ปีที่เราต้องทนอยู่กับนายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์ที่มาจากการรัฐประหารและสืบทอดอำนาจ ซ้ำยังบริหารเศรษฐกิจได้ล้มเหลว 2.“เปิดวิสามัญรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน” 3.“ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” มิให้การขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์ถอยห่างจากระบอบประชาธิปไตยมากไปกว่าที่เป็นอยู่ นี่ไม่ใช่การล้มล้าง แต่หากไม่มีการปฏิรูป สถาบันกษัตริย์อาจประสบวิกฤติจากการที่ประชาชนไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จะทำให้กษัตริย์สามารถอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญได้อย่างสง่างาม
    "นี่ไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริงชนชั้นนำ ไม่อาจปฏิเสธสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อีกต่อไป จงรับข้อเสนอดังกล่าวและนำประชาธิปไตยกลับคืนมาสู่ปวงประชาทั้งผอง"
ชูนิ้ว 3 ไม่เหมาะสม
    ที่ทำเนียบรัฐบาล​ พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล​ เปิดเผยถึงกรณีคณะราษฎร​ 2563​ประกาศเตรียมเดินทางมาปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบฯ​ ในวันที่​ 14​ต.ค.​ว่า​ ตำรวจสันติบาลทำเนียบฯ จะวางกำลังบริเวณทุกตึกภายในทำเนียบฯ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 เฝ้าระวังอาคารสถานที่​ รวมถึงแนวรั้วด้านในของทำเนียบฯ ซึ่งขณะนี้ตำรวจทำเนียบฯ มีอยู่จำนวน 138 นาย หากม็อบจะปักหลักค้างคืน เราก็ต้องประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน เบื้องต้นจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นไปขนาดไหน ถึงขั้นไหน ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากน้อยเพียงใด ส่วนพื้นที่ที่มีการประสานว่าจะให้เป็นพื้นที่ชุมนุมของม็อบจะอยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐยาวไปถึงแยกนางเลิ้ง โดยจะไม่ให้ข้ามสะพานชมัยมรุเชฐมาอยู่บริเวณหน้าทำเนียบฯ ในส่วนการดูแลการจราจรจะอยู่ในการพิจารณาของ บช.น.ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร
    แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมดูแลสถานการณ์ชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ว่า เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้สั่งการให้ บช.น. เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เป็นแกนหลักปฏิบัติภารกิจการรักษาความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 14 ต.ค. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ซึ่งจะใช้แผนรับมือเหมือนกับการชุมนุมที่บริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และบริเวณสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการประเมินแล้วคาดว่าผู้ร่วมชุมนุมไม่น่าจะมีจำนวนมากเกินกว่าวันที่ 19 ก.ย. 
    "ส่วนกรณีที่แกนนำคณะราษฎรระบุว่าจะไม่ขวางเส้นทางขบวนเสด็จฯ แต่จะให้ผู้ร่วมชุมนุมยืนสงบพร้อมกับชู 3 นิ้วนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามพูดคุยเจรจากับทางแกนนำว่าการแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เชื่อว่าสามารถพูดคุยกันได้ และหวังว่าทางแกนนำจะเข้าใจรับฟัง" 
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันพุธที่ 14 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วม ซักซ้อม ทำความเข้าใจ การปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุในการรักษาความปลอดภัยทำเนียบฯ อีกครั้ง ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยทำเนียบฯ นั้น ได้มีแผนรับมืออยู่แล้ว​ แต่ต้องถามทางตำรวจ
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของนักศึกษาในวันที่ 14 ต.ค.นี้ว่า หากเป็นพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา การชุมนุมจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย เชื่อว่าวันนี้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศทราบแล้วว่าเครือข่ายของพรรคการเมืองไหนเป็นส่วนหลักของม็อบนักศึกษา ล่าสุดไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัฐ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่างออกมาประกาศแล้วว่าจะเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย อยากเตือนนายธนาธรและนายพิธาว่า น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าแกนนำบางคนจาบจ้วงสถาบัน แล้วทำไมยังให้การสนับสนุน ไม่กลัวจะถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่ารู้เห็นเป็นใจ หรือถูกมองว่าใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือบ้างหรือ
     "สิ่งที่แกนนำนักศึกษาบางคนปราศรัยนั้น มันทำร้ายหัวใจคนไทยทั้งชาติ ระวังเขาจะทนกันไม่ไหว อย่านำบ้านเมืองไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงอีก ทางที่ดีนายพิธาควรนำปัญหาไปแก้ไขในเวทีสภาฯ ไม่ใช่ปลุกม็อบลงถนน สิทธิเสรีภาพต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ที่สำคัญ 3 ข้อเรียกร้องรัฐบาลก็รับฟัง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เดินหน้าแล้ว ไม่มีใครยื้อ นายธนาธรและนายพิธาควรจะถอนฟืนออกจากไฟ ไม่ใช่จุดไฟเผาบ้านเผาเมือง อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ หันหน้ามาคุยกันจะดีกว่า อย่าซ้ำเติมประเทศอีกเลย" นายธนกรกล่าว
พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินทำแตกแยก    
     นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา เปิดเผยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 700 ปี พระมหากษัตริย์กับราษฎรมีความรัก ใกล้ชิด และเกื้อกูลต่อกันมาอย่างยาวนาน เวลานี้น่าเสียใจที่มีคนบางคนกระทำการที่ล่วงล้ำก้ำเกิน ขาดซึ่งความควรหรือมิบังควร ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนไทยนับสิบๆ ล้านคนที่ต้องอดทนอย่างที่สุดกับการที่ต้องรับฟัง รับทราบ หรืออ่านเรื่องราวที่บีบคั้นหัวใจ ทั้งดูถูก ดูหมิ่น ให้ร้าย ไม่ได้ให้ความเคารพต่อความเป็นมนุษย์ของทุกฝ่าย กรรมาธิการวิสามัญมีหน้าที่และอำนาจในการทำงานที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ติดตามทุกประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นห่วง ตนปล่อยให้กฎหมายดำเนินไป ใครทำถูก ใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง 
    "การจะเปลี่ยนแปลงอะไรต้องเริ่มต้นด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดอย่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การข่มขู่คุกคามจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เพราะสิ่งที่คิดและทำมันทำลายชาติบ้านเมือง สร้างความแตกแยก การชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. คงไปห้ามไม่ได้ ทุกฝ่ายเข้าใจดีถึงความรู้สึกของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพียงแต่ไม่พูดยอมรับกันออกมาอย่างเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องเหลี่ยมคูการชุมนุม ทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็จะมีความเสี่ยงต่อความรุนแรงเสมอ ไม่อยากเห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยทุกฝ่าย แต่อย่างที่บอกพอก้าวเท้าลงถนน ความเสี่ยงก็จะมาพร้อมกัน ขอฝากความห่วงใยไว้กับทุกฝ่ายทุกคน" นายสุวพันธุ์กล่าว 
    นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อ ติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ใน กมธ.การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.นี้ ตนแจ้งขอนำคณะเข้าสังเกตการณ์การชุมนุมต่อ กมธ.ปกครองไม่ทัน เนื่องจากสภาปิดสมัยประชุม ทำให้ไม่มีการประชุม กมธ. ทำให้ไม่สามารถนำคณะเข้าสังเกตการณ์การชุมนุมได้ แต่ถึงอย่างไรตนก็จะไปสังเกตการณ์การชุมนุมในนามส่วนตัว เพื่อดูความเรียบร้อยของการชุมนุม ทั้งนี้ ตนไม่เป็นห่วงอะไร เพราะที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี แต่ก็กังวลบ้าง เพราะมีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก อาจมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซงได้ จึงขอฝากเจ้าหน้าที่ให้ดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุม
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกองทัพบกปฏิเสธข้อมูลรายงานของฝ่ายดูแลความปลอดภัยการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ ที่สั่งระงับบัญชีผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการข่าวสารของรัฐ หรือไอโอ 926 บัญชี ว่า เฉพาะในยุค พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.ได้แถลงอย่างมีนัยสำคัญหลายครั้งถึงการตั้งนักรบไซเบอร์สู้สงครามยุคใหม่เสริมกองทัพ พอถูกเปิดโปง จะมาแก้เกี้ยวว่ากองทัพไม่มีนโยบายตั้งนักรบไซเบอร์เพื่อทำสงครามไอโอกับประชาชนจึงไม่มีน้ำหนัก กองทัพต้องเร่งปฏิรูปตัวเองก่อน อยากบุกโลกทวิตเตอร์ แต่แป๊ก แถมถูกจับได้ว่าสร้างบัญชีมาป่วนเลยโดนกวาดลบทิ้งจำนวนมาก ประเทศไทยไม่ควรเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกในด้านที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ตัว ทางที่ดีควรยอมรับ และหยุดการดำเนินการก่อสงครามไอโอกับประชาชนทุกรูปแบบ
     “14 ตุลานี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่หรือไป กองทัพไม่ควรมองประชาชนที่เห็นต่างเป็นศัตรู ทหารต้องกลับกรมกอง เป็นทหารอาชีพ ไม่ด้อยค่า แพร่มลทิน การเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน” นายอนุสรณ์กล่าว
"ปิยบุตร" ปลุก ปชช.เขียน รธน.เอง
     ที่ห้องประชุมกิตตยา โรงเรียนอนุบาลวังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว นายพชร ศตพรพงษ์ รองประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย น.ส.สุรภา การัณภิรมย์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นายโสภี ศรีเพ็ชร์ ตัวแทนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนภาคตะวันออก ร่วมกับประชาชนและคนเสื้อแดงภาคตะวันออก ได้ร่วมประชุมเพื่อรณรงค์ให้ความรู้พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมออกมาเรียกร้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ผู้ใดมาจาบจ้วงหรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมของคณะราษฎร 2563 ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้
    นายพชรกล่าวว่า วันนี้ทางอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้ง 8 จังหวัดภาคตะวันออก ได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้กับประชาชนได้รับทราบ พร้อมกับเรียกร้องให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีจาบจ้วงจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์หยุดพฤติกรรมแบบนั้น ผู้ที่ไม่รักพระมหากษัตริย์จะเป็นผู้ที่ไม่จงรักภักดี ไม่เคารพนับถือ ไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จะทำให้ชีวิตไม่เจริญรุ่งเรือง ชีวิตจะฉิบหายตลอดกาล เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์นี้มีบุญคุณต่อเราอย่างมาก จึงทำให้พวกเรา "ประชาชนชาวภาคตะวันออก" ขอปฏิญาณตนว่าจะ "รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" จนชีวิตจะหาไม่ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการแถลงข่าว และเสวนาเปิดตัวกลุ่ม “Re-solution : ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่” ภายใต้ความร่วมมือของ 4 องค์กร ที่จะขับเคลื่อนรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่องเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น คณะก้าวหน้า, พรรคก้าวไกล, กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า- Conlab และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เป็นตัวแทนของคณะก้าวหน้ากล่าวบรรยายในหัวข้อ  “ถึงเวลาอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่”
    โดยนายปิยบุตรกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนระเบิดเวลารอระเบิดออกมา สถาบันทางการเมืองในระบบไม่กระตือรือร้น ไม่จริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อสถาบันทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญไม่แยแสเสียงของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง วิกฤติรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง และหลายครั้งที่ผ่านมา เราก็จบลงด้วยการรัฐประหาร ประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะปลอดรัฐธรรมนูญ คือว่าให้อำนาจสูงสุดอยู่ในมือของคณะรัฐประหารเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไทย เกิดเป็นทฤษฎีว่าอำนาจสูงสุดในการสถาปนารัฐธรรมนูญอยู่คู่กันระหว่างคณะรัฐประหารกับพระมหากษัตริย์ 
    "เราจะไม่ยอมให้คณะใดคณะหนึ่งฉกฉวยแย่งชิงเอาอำนาจในการก่อตั้งระบอบสถาปนารัฐธรรมนูญไปจากประชาชนอีกแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องมาแสวงหาข้อตกลงร่วมกันใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญร่วมกัน เพื่อยืนยันว่าปัญหาที่มีมาตั้งแต่ปี 2475 จนถึงวันนี้แล้วยังแก้กันไม่จบ นั่นคืออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญในประเทศไทยเป็นของใคร หรือประเทศนี้ใครเป็นเจ้าของกันแน่ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสะสางปัญหานี้ให้ลงตัว แล้วยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชน ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดรัฐธรรมนูญเอง เดินหน้าแสวงหาข้อตกลงใหม่ร่วมกัน" นายปิยบุตรกล่าว 
    กลุ่ม “Re-solution” ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ถึงเวลารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สรุปว่า ทางออกของประเทศคือการร่วมออกแบบและกำหนด “ข้อตกลงใหม่” ที่ทุกฝ่ายยอมรับ และพร้อมจะเป็นองค์กรรณรงค์เข้าชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ในกรณีที่รัฐสภาไม่ยินยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของประชาชน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"