จับ23หัวโจกเข้าคุก รัฐบาลงัดพรก.ฉุกเฉินไล่บี้‘ไมค์’นำม็อบราชประสงค์


เพิ่มเพื่อน    

  คณะราษฎร 2563 ล้อมทำเนียบรัฐบาลนอนยังไม่เต็มตื่นเจอ “บิ๊กตู่” ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสลายการชุมนุมตั้งแต่ช่วงตี 4 ก่อนแกนนำและผู้ชุมนุมรวม 23 คน “รุ้ง” ลั่นเดินหน้าชุมนุมราชประสงค์ก่อนถูกจับรายสุดท้าย ศาลค้านประกันตัว “เพนกวิน-รุ้ง-ณัฐชนน” นอนเรือนจำธัญบุรี ส่วน “อานนท์-เจมส์” ถูกนำขึ้น ฮ.นอกคุกเชียงใหม่ “เอกชัย-บุญเกื้อหนุน” อ่วมโดนหมายจับข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี “ไมค์ ระยอง” สวมบทแกนนำรุ่น 2 ประกาศสู้แบบหมาจนตรอก

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ตุลาคม ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ยังคงมีความต่อเนื่องจากการชุมนุมของม็อบคณะราษฎร 2563 ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ และผู้ที่กระทำอื่นใดในลักษณะที่เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น เพราะถือว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค. เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ บ่อนทำลายการบริหารราชการแผ่นดิน และความสงบสุขของประชาชน
    นายอนุชากล่าวอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความห่วงใยผู้ที่เข้าร่วมชุมนุม โดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษา จึงขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครองได้เรียกลูกหลานกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
    ขณะเดียวกัน ที่เวทีทำเนียบฯ นายอานนท์ นำภา ให้สัมภาษณ์ในเวลา 01.00 น. ว่าจะพักค้างแรมที่นี่ และจะยุติเวทีที่หน้าทำเนียบฯ ในช่วงเช้า และให้มวลชนกลับไปพักผ่อน ก่อนนัดชุมนุมอีกครั้งในเวลา 16.00 น. ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สร้างผลกระทบมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่รัฐกลัวที่สุด ถือเป็นการชุมนุมแบบฮ่องกงโมเดล ซึ่งเป็นการชุมนุมตามแนวรถไฟฟ้า เป็นการชุมนุมที่สะดวก และมีพลังกดดันมากที่สุด และในเวลา  03.20 น. เวทีด้านหน้าเวทีทำเนียบฯ ถ.พิษณุโลก คณะราษฎรได้รื้อเวทีและยุติการปราศรัย โดยให้กลุ่มมวลชนที่ปักหลักพักค้างได้นอนหลับพักผ่อนเตรียมสลายตัวในตอน 06.00 น.
    ต่อมาเวลา 04.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งประกาศและข้อกำหนดอีก 3 ฉบับ ประกอบด้วย คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 36/2563 เรื่องแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง, ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  
เริ่มสลายการชุมนุม
ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นายอานนท์ได้ประกาศให้มวลชนเดินทางกลับ โดยใช้เส้นทางนางเลิ้งทำให้มวลชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับ โดยระหว่างนั้นมีผู้ชุมนุมเหลืออยู่บางตาแล้ว และในเวลา 04.45 น. บริเวณแยกมิสกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (ตร.คฝ.) หลายกองร้อยเข้ากระชับพื้นที่ โดยมีกลุ่มมวลชนตั้งแนวขวางหลังรั้วเหล็กเจรจาให้ตำรวจขยับถอยออกไป แต่ ตร.คฝ.ยังคงเดินหน้าขยับเข้ากระชับพื้นที่เป็นไปตามลำดับทีละ 5 ก้าว ทำให้กลุ่มมวลชนไม่พอใจนำสิ่งของปาใส่ และเริ่มมีการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่
    เวลา 05.00 น. ตร.คฝ.กระชับพื้นที่เดินหน้ามาทาง ถ.พิษณุโลกเรื่อยๆ และได้จัดแถวเข้ามาล้อมพื้นที่จับกุมตัวกลุ่มมวลชนที่ชุมนุมในพื้นที่บริเวณหน้าทำเนียบฯ โดยมีรายงานว่านายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ถูกจับกุมตัวขณะอยู่บนรถยนต์ที่เตรียมออกนอกพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงค่อยๆ เข้ากระชับพื้นที่ไปเรื่อยๆ โดยมีกลุ่มการ์ดยังคงขัดขืนและต่อสู้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวไปหลายสิบราย ซึ่งระหว่างเข้าขอคืนพื้นที่นั้น ตำรวจได้ประกาศตลอดเวลาว่าขอความร่วมมือให้มวลชนออกจากพื้นที่
    จนกระทั่ง เวลา 05.03 น. นายอานนท์ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับศาลที่เชียงใหม่ จากนั้น เวลา 05.30 น. ตร.เข้ากระชับพื้นที่การชุมนุมพร้อมยึดพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว และเริ่มเปิดการจราจรให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ตามปกติ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ กทม.เข้าทำความสะอาด เก็บกวาดขยะที่ทิ้งตามจุดต่างๆจำนวนมาก และในเวลา 07.00 น. ทำเนียบฯ ได้เปิดให้ข้าราชการเข้ามาทำงานตามปกติ
    ทั้งนี้ การสลายการชุมนุมครั้งนี้มีการจับแกนนำและผู้ปราศรัยรวม 3 คนคือ นายพริษฐ์, นายอานนท์ นำภา และนายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ หรือเจมส์
    ขณะเดียวกัน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร 2563 ซึ่งได้พักผ่อนอยู่ที่โรงแรมไอบิส ถนนข้าวสาร ได้ไลฟ์สดในเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมอ่านประกาศแถลงการณ์คณะราษฎรต่อการสลายการชุมนุม โดยยืนยันว่าการจับแกนนำเป็นการกระทำไม่ชอบ ในขณะที่การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เป็นการกระทำบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตย จึงขอแสดงจุดยืนที่จะชุมนุมต่อไปในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 16.00 น. ณ แยกราชประสงค์
ต่อมาในเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผู้กำกับการ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกำลัง นำหมายศาลธัญบุรี ลงวันที่ 14 ส.ค.2563 เข้าจับกุม น.ส.ปนัสยา และนายณัฐชนน ไพโรจน์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าแสดงตัวพร้อมอ่านหมายจับพร้อมแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้รับทราบ น.ส.ปนัสยาสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า "มีผู้ติดตามได้หรือไม่" พร้อมฉีกหมายจับและนั่งนิ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า "น้องอย่าทำอย่างนี้" พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเข้าประกบและเกลี้ยกล่อมให้ยินยอมตามเดินทางไปกับเจ้าหน้าที่ไปยัง ตชด.ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ นายณัฐชนนสอบถามว่า เป็นสถานที่เดียวกับที่ควบคุมตัว 21 แกนนำรอบแรกใช่หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตอบว่าใช่ ก่อนที่นายณัฐชนนจะยอมขึ้นรถวีลแชร์
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเข้ามาเชิญตัว น.ส.ปนัสยา ซึ่งได้แสดงอารยะขัดขืนนอนลง จนตำรวจหญิง 4 นายช่วยกันอุ้มขึ้นรถรถวีลแชร์โดย น.ส.ปนัสยาได้ตะโกนว่า "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ก่อนถูกนำตัวขึ้นรถเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.ปนัสยามาถึง ตชด.ภ.1 ในเวลาประมาณ 09.40 น.
รวบ23แกนนำ-ผู้ชุมนุม
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้ชำนาญการและผู้ประสานงานประจำตัว น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาที่หน้า ตชด.ภ.1 เพื่อเตรียมหลักฐานมาช่วยเหลือประกันตัว และในเวลา 11.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาที่ ตชด.ภ.1 เพื่อขอเข้าเยี่ยมกลุ่มแกนนำคณะราษฎร โดยนายพิธาระบุว่า ได้ประสานทางทนายความเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุมตัว เข้าใจว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวมีทั้งสิ้น 23 คน เป็นนักศึกษา 7 คน ซึ่งอยู่ที่นี่ 21 คน โดยจะถูกส่งไปจังหวัดเชียงใหม่ 2 คน
มีรายงานว่า ผู้ถูกคุมตัวมีทั้งหมด 23 คน เป็นแกนนำ 5 คน ผู้ร่วมชุมนุม 18 คน โดยนายอานนท์และนายประสิทธิ์ได้ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินตำรวจส่งตัวไป จ.เชียงใหม่ ขณะที่นายพริษฐ์, น.ส.ปนัสยา และนายณัฐชนน จะถูกนำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งมีทีมทนายความจากศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชนมารอทำเรื่องยื่นประกันตัว แต่ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสาม และถูกส่งตัวไปที่เรือนจำธัญบุรีทันที ทั้งนี้ มีคำสั่งว่าผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายครั้ง ในลักษณะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูงหลายข้อหา อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เดินทางมาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี กล่าวว่า น.ส.ปนัสยา, นายพริษฐ์ และนายณัฐชนน ศาลไม่ให้ประกันตัวและจะนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำธัญบุรี โดยศาลให้เหตุผลว่า เป็นความผิดที่มีอัตราโทษหลายข้อหา และพนักงานสอบสวนมีการคัดค้านการประกันตัว ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีการหลบหนี แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า นายณัฐชนนไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน จะมาบอกว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดมาแล้ว อาจมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่สงสัย ซึ่งเมื่อประกันตัวไม่ได้ ต้องพูดคุยกับครอบครัวว่าจะทำอย่างไร เพราะ น.ส.ปนัสยาและนายพริษฐ์ยังเป็นนักศึกษา ต้องสอบ ทำรายงานส่งงานให้มหาวิทยาลัย ทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อการศึกษาของเขา แต่เชื่อว่าทั้ง 3 คนเป็นคนเข้มแข็ง ก่อนมาศาลยังคุยกันที่ ตชด.ภ.1 ทั้ง 3 คนยังหวังว่าการต่อสู้ของพวกเขาจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศชาติ ดังนั้นคิดว่าจิตใจคงเข้มแข็ง
สำหรับแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมทั้ง 23 คนนั้น ประกอบด้วย 1.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ 2.นายอานนท์ นำภา 3.นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ 4.น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 5.นายณัฐชนน ไพโรจน์ 6.นายชาติชาย แจ่มจันทร์ 7.นายศักดา อุประ 8.นายเจษฎา จอกโคกสูง 9.นายพนธกร พวงบุบผา 10.นายวโรตม์ เทศทอง 11.นายเจษฎา พงษ์วันนา 12.นายวิชัย โรคน้อย 13.นายสัมฤทธิ์ นาคสุทธิ 14.นายโชคชัย โรจนชาญปรีชา 15.นายปารย์พิรัย์ บุญญาธนาภูวเดช 16.นายเริงชัย บังวงศ์ 17.นายสิงหา ดลสุข 18.นายโสภา พรมกสิกร 19.นายเดือน คงยอด 20.นายสมประสงค์ เปาอินทร์ 21.นายวันชัย สิงห์สวัสดิ์ 22.ว่าที่ ร.ต.รุ่งโรจน์ ครองสินไชโย และ 23.นายไชญะภัณฑ์ พันทรศิริมาส
ด้านนายอานนท์ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ตำรวจจะบังคับให้ขึ้น ฮ.ไปเชียงใหม่ โดยไม่ให้ทนายไปด้วย นี่คือการละเมิดสิทธิผม และอันตรายอย่างยิ่ง ล่าสุดมีหน่วยหนุมานกองปราบฯ พร้อมอาวุธมาควบคุมตัว รอขึ้น ฮ. ที่กองบินตำรวจ” ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของนายอานนท์ก็ไม่สามารถเข้าได้
ขณะเดียวกัน ศาลอาญาได้อนุมัติตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ให้ออกหมายจับนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักกิจกรรมทางการเมือง ตามหมายจับที่ 1595/2563 และ 1596/2563 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ขณะที่นายเอกชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆ ว่าโดนหมายจับจนได้
    สำหรับความเคลื่อนไหวของภาครัฐหลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้มีคำสั่งด่วนเรียกผู้บังคับกองพันทุกกองพันของกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) และกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) เข้ามาประชุมที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมดูแลสถานการณ์ใน กทม. โดยมอบหมายให้ ร.9 พัน.1 ร.9 พัน.2 และร.9 พัน.3 จัดเจ้าหน้าที่ทหารกองพันละ 1 กองร้อยเข้าดูแลความเรียบร้อยภายในทำเนียบฯ ส่วนที่เหลือให้เตรียมความพร้อมไว้ในที่ตั้ง หากเกินสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้าสมทบทันที
    ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น เวลา 10.10 น.ได้เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ตามปกติ  โดยมีรายงานว่าในวันที่ 16 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษเพื่อให้ ครม.เห็นชอบคำสั่ง ข้อกำหนด และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด และได้เรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเข้าหารือร่วม เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมภายในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
    พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงว่า จะมีการตั้งกองอำนวยการร่วมสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) หรือที่ ศปก.ตร.ชั้น 20 โดยมีหน่วยร่วมปฏิบัติทั้งทหารและข้าราชการพลเรือน โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ จึงฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามประกาศงดการชุมนุม งดการเคลื่อนย้ายคน โดยตั้งแต่วันนี้จะตั้งจุดตรวจความมั่นคงเพื่อเป็นไปตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ราชประสงค์ระอุ
    สำหรับบรรยากาศที่สี่แยกราชประสงค์นั้น ตั้งแต่ช่วงเที่ยงยังเป็นปกติ โดยการจราจรยังเคลื่อนตัวได้ โดยเริ่มมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาเพื่อร่วมชุมนุมในช่วงเย็น ขณะที่เวลา 15.00 น. สกายวอล์กข้ามแยกราชประสงค์ที่เชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามและสถานีชิดลม เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดประตูไม่สามารถผ่านได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนและกองร้อยน้ำหวานประจำจุดเพื่อควบคุมสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยมากันอย่างบางตาและกระจายตัว ขณะที่บางคนได้ไปประจำเริ่มปักหลักและชู 3 นิ้วที่แยกราชประสงค์ โดยมีกองทัพสื่อมวลชนเฝ้าจับตาอยู่บริเวณใต้สกายวอล์กแยกราชประสงค์ ฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขณะที่ห้างสรรพสินค้าโดยรอบยังเปิดปกติ แต่ได้นำแผงเหล็กมากั้นไว้ โดยเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์และบิ๊กซี ขณะที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาบิ๊กซี ราชดำริ ได้ปิดทำการ
ทั้งนี้ มวลชนทยอยเดินทางมารวมตัวเพื่อชุมนุม โดยได้มีการชู 3 นิ้วพร้อมกับตะโกนว่า “ประยุทธ์ออกไป”  และ “ปล่อยเพื่อนเรา” และบางส่วนมีการด่าทอด้วยคำหยาบ ขณะที่การดูรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มทยอยปิดเส้นทางเดินบนสกายวอล์กจากช่วงแยกราชประสงค์ โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนควบคุมดูแลประจำจุดสกายวอล์กอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการการตรึงกำลังบริเวณโดยรอบแยกราชประสงค์ และมีการสนธิกำลังกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรแต่ละจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน
    ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยบนสกายวอล์ก หลังเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้ประชาชนลงจากสกายวอล์กเพื่อให้ง่ายต่อการดูแลบนจุดสูง แต่มีประชาชนบางส่วนขัดขืนและไม่ยอม ทำให้เกิดการดันกันไปมา และชู 3 นิ้วตอบโต้ พร้อมโห่ไล่เจ้าหน้าที่ จากนั้นเหตุการณ์จึงสงบลง โดยเวลาประมาณ 15.25 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณกว่าพันคนได้แห่กันลงไปบน ถ.ราชดำริ โดยมีทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงผสมกับคนรุ่นใหม่บ้าง โดยได้ยืนรวมตัวชู 3 นิ้วโห่ร้องไล่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงห้ามชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป และเก็บของออกไป 15 นาที เพราะอาจถูกจับในภายหลัง เนื่องจากมีการบันทึกภาพเอาไว้หมดแล้ว  และเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีความผิดตามกฎหมาย และขอร้องให้ประชาชนกลับบ้านเพื่อเปิดเส้นทางจราจร และขอให้สื่อขึ้นไปบนฟุตปาธ
ในเวลา 16.30 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 ปราศรัยกับมวลชนที่แยกราชประสงค์ ว่ายังไม่ทำอะไรยึดราชประสงค์เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าใครจะโดนจับก็ตาม แต่จะสานต่ออุดมการณ์ให้พี่น้องทุกคน ถ้าวันนี้จะมีการสลายการชุมนุมอีกเจอแน่ เมื่อวานจับเพื่อนเราไป วันนี้เราได้ทำการยึดราชประสงค์ที่เคยมีคนตาย วันนี้จึงต้องมาเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเราออกมา
นายภาณุพงศ์กล่าวว่า ตอน 10 โมงเช้าได้รับรายงานมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปประจำการที่รัฐสภา นี่คือกลิ่นอายของรัฐประหาร มันอาจมีการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง ถ้ามีประชาชนไม่ยอมเด็ดขาด หากมีการรัฐประหารคนที่เซ็นคือคนกบฏ ถ้าตนเป็นเปาบุ้นจิ้น คงต้องสั่งประหารด้วยเครื่องประหารหัวมังกร วันนี้เราไม่ถอยอีกแล้ว โดยพวกเราจะสู้ไปด้วยกัน ถ้าเพื่อนเรายังติดคุก เราจะยอมติดกับเพื่อนเราด้วย ใครหน้าไหนอย่ามาจับให้แต่งตัวเต็มเครื่องแบบให้สมเกียรติด้วย
"สถานการณ์แบบเมื่อคืนจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะเราไม่มีที่จะให้ถอยแล้ว เราเป็นหมาจนตรอก คำว่าหมาจนตรอกคือสู้จนตัวตาย" ไมค์ ภาณุพงศ์ กล่าว
เวลา 17.05 น. บริเวณหน้าศาลท้าวมหาพรหม ได้เกิดความวุ่นวายเมื่อมวลชนพยายามผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คล้องแขนเป็นกำแพงล้อมกรอบกลุ่มมวลชนไว้เพื่อไม่ให้ขยายขอบเขตออกไปด้านนอก ส่วนมวลชนที่อยู่ด้านนอกพยายามเติมเข้ามาในบริเวณภายใน จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันหลายครั้ง และทางแกนนำประกาศให้มวลชนพยายามผลักดันเจ้าหน้าที่ให้ขยายขอบเขตออกไปด้านนอก แล้วนั่งเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อให้เว้นระยะห่างจากเวทีของแกนนำให้มากที่สุด เพื่อป้องกันที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการจับกุมตัวแกนนำ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยออกไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินผู้ร่วมร่วมชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ว่ามีประมาณ 8,000 คน ขณะที่มีตำรวจ 13 กองร้อยคอยดูแลความสงบเรียบร้อย โดยมีรายงานว่าการชุมนุมจะเลิกประมาณ 22.00 น.
    ช่วงค่ำ เวลา 19.00 น. ที่แยกราชประสงค์ นายภาณุพงศ์ปราศรัยว่า ได้ข่าวว่าวันนี้จะจับตน ก็ลองดู เพราะไม่มีอะไรที่ต้องเสียอีกแล้ว เทหมดหน้าตักแล้ว สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือชัยชนะของคำว่าประชาธิปไตย วันนี้เพื่อนเราทยอยโดนจับเรื่อยๆ ถ้าคิดว่าแค่นี้จะหยุดเราได้ คิดผิด เพราะไม่ว่าแกนนำจะโดนจับกี่ครั้ง มวลชนไม่เคยลดลงสักครั้ง ถ้าวันนี้สลาย ก็จะตั้งทัพใหม่อีกที่แน่นอน แกนนำในภูมิภาคฟังเสียงตนให้ดี นี่คือการนัดหมาย เมื่อไหร่ที่มีการรัฐประหาร ให้ออกมาจัดม็อบทั่วประเทศ ส่วนพวกเราในกรุงเทพฯ หากมีรัฐประหาร เอสซีบีคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้ายึดอำนาจเรา เราก็ยึดเงินคุณเหมือนกัน
    "มีข่าวว่าตำรวจจะไม่จับผม แต่คนที่จับจะเป็นทหาร หน้าที่ของทหารคือรั้วรักษาประเทศ แต่ถ้ากล้ามาจับก็ลองดู ถ้าวันนี้ตำรวจจับ ก็ฝากสานต่ออุดมการณ์ให้กับผมด้วย ฝากคนเสื้อแดงช่วยดูแลนักเรียนนักศึกษาด้วย ท่านคือผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่มาดูแลพวกเรา ให้รู้กันไปว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันต้องจบที่รุ่นเรา เราจะเอาชัยชนะกลับบ้านไปด้วยกัน" นายภาณุพงศ์กล่าว
    
    

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"