ศาลสั่งปรับคนละหมื่น จำเลยคดีชุมนุม 'สหพันธรัฐไท' รอดข้อหาหนัก


เพิ่มเพื่อน    

19 ต.ค.63 - ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.248/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมชัย กิตติไชย, นายธีณพันธ์ ไม้แก้ว, นายสมหมาย แพงศรี, นางคม แพงศรี, นายอมรเทพ วงษ์สุรินทร์ และนายธนชาติ สมาธิ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ทำให้ประชาชนเกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องถึงขนาดก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร (ยุยงปลุกปั่นฯ), อั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91, 116, 209 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 

อัยการโจทก์ฟ้องกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค. 2561 จำเลยทั้งหกกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนี ได้บังอาจเป็นอั้งยี่ โดยเป็นสมาชิกกลุ่มสหพันธรัฐไทย มีนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ กับพวก ซึ่งยังหลบหนี เป็นหัวหน้า อันเป็นคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย จากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปเป็นระบอบสหพันธรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ให้ประชาชนคนไทยเข้าร่วมกลุ่มพวกจำเลย เพื่อกระทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศอันมิชอบด้วยกฎหมาย  โดยมีนายธนชาติ จำเลยที่ 6 ใช้เฟซบุ๊กส่งภาพเผยแพร่การชุมนุมสาธารณะดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบ  

โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ ได้รับการประกันตัว วันนี้จำเลยทั้งหกเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว จำเลยทั้งหกมีความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ หรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์มีการเบิกความทำนองเดียวกันเกี่ยวกับกลุ่มสหพันธรัฐไทย ปลุกให้สวมเสื้อดำมีตราสัญลักษณ์ธงขาวแดงขาว ชุมนุมในวันที่ 5 ธ.ค. 2561 ที่สกายวอล์กแยกปทุมวัน วันเกิดเหตุตำรวจพบกลุ่มผู้ชุมนุมจึงขอให้ยุติ บางส่วนให้ความร่วมมือ แต่พวกจำเลยได้ต่อต้านและชูธง Thai Federation เดินบนสกายวอล์ก ตำรวจจึงจับกุมพวกจำเลย พร้อมยึดสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ ส่วนจำเลยที่ 6 ได้ถ่ายภาพและคลิปเหตุการณ์เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก  

แต่ทางนำสืบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้จัดรายการ เคยติดต่อหรือเป็นสมาชิกกลุ่มสหพันธรัฐไทย ลำพังการชูธง สวมเสื้อดำ ไม่อาจถือว่าปั่นป่วนกระด้างกระเดื่อง พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ส่วนความผิดฐานอั้งยี่ โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งหกเป็นสมาชิกสหพันธรัฐไทย วางแผนชุมนุม ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกเป็นสมาชิกสหพันธรัฐไทย ต่อต้านสถาบันกษัตริย์และรัฐบาล พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์ให้ความสงสัยให้จำเลย ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ 

สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เห็นว่าเป็นการจัดชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวังสระปทุม และไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งภายใน 24 ชม. ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ส่วนความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์กระทบต่อความมั่นคง ในส่วนของจำเลยที่ 6 นั้น จำเลยที่ 6 ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ภาพและคลิปการชุมนุมลงในเฟซบุ๊ก แต่เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าพวกจำเลยปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องตาม ป.อาญา มาตรา 116 จึงไม่เข้าข่ายนำข้อมูลกระทบต่อความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ไม่อาจลงโทษความผิดฐานนี้ได้ 

พิพากษาว่า จำเลยทั้งหกกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ฐานชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวัง ให้ปรับคนละ 5 พันบาท ไม่แจ้งการชุมนุมภายใน 24 ชม. ให้ปรับคนละ 5 พันบาท รวมโทษปรับจำเลยทั้งหกคนละ 1 หมื่นบาท และยึดของกลาง 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"