แห่ลงทะเบียนคนละครึ่ง หวั่นเชื่อมั่นอีก3เดือนหด


เพิ่มเพื่อน    

 

"คลัง" มองม็อบระอุไม่มีผลกระทบโครงการคนละครึ่ง เหตุคนยังต้องจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ฟุ้ง 3 วันคนแห่ลงทะเบียนแล้ว 5.8 ล้านคน "ส.อ.ท." เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.ย.ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 85.2 ยังหวั่นโควิด-19 ระลอกสองทำความเชื่อมั่นอีก 3 เดือนหด เสนอรัฐเปิดเวทีสภาสมัยวิสามัญถกกลุ่มผู้ชุมนุมหาทางออกด้านการเมือง
    เมื่อวันจันทร์ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยอดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ล่าสุดวันที่ 19 ต.ค.63 มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 5.8 ล้านคน จากจำนวนสิทธิ์ทั้งหมด 10 ล้านคน ขณะที่ร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 2.9 แสนร้านค้า ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า รถเข็น  หาบเร่ แผงลอย จำนวน 4.9 หมื่นร้านค้า และเป็นร้านค้าที่มีหน้าร้าน 1.7 แสนร้านค้า ทำให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจโครงการนี้เป็นอย่างมากหลังเปิดให้ลงทะเบียนเพียง 3 วัน
    ทั้งนี้ จากสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ และทั่วประเทศในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อคนลงทะเบียนและการใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าจากร้านต่างๆ เพราะเชื่อว่าคนยังจำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันอยู่ แม้จะมีการชุมนุมก็ไม่น่าจะลำบากอะไรในการไปใช้สิทธิ์ในโครงการ มั่นใจว่าไม่กระทบการจับจ่ายใช้สอยแน่นอน  
     "แม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนลงทะเบียนในมาตรการคนละครึ่งเริ่มช้าลง ไม่ได้มากเหมือนวันแรก เพราะมาตรการไม่มีความจูงใจ คลังก็ขอเวลาก่อนเพราะเพิ่งเปิดให้ลงทะเบียนได้ 3 วัน และยอดล่าสุดขณะนี้ก็เกือบ 6 ล้านคนแล้ว ก็ขอรอดูสักระยะหนึ่งว่าคนต้องการอะไร ติดขัดเรื่องนี้จึงยังไม่มีการพิจารณาปรับเงื่อนไขให้สิทธิ์ต่างๆ ในตอนนี้ ในหลักการคนที่ลงทะเบียนคนละครึ่งจะไม่ได้สิทธิ์ช้อปดีมีคืน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง" นายกฤษฎากล่าว
    ส่วนจะมีการลงทะเบียนครบ 10 ล้านคนตามเป้าหมายหรือไม่ นายกฤษฎากล่าวว่า กระทรวงการคลังเชื่อว่าคนลงทะเบียนยิ่งน้อยยิ่งดี สะท้อนว่าเศรษฐกิจดี คนยังมีเงินจับจ่ายใช้สอย โดยไม่ต้องพึ่งพามาตรการรัฐบาล คนใช้น้อยก็แปลว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ
    นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 85.2 จากเดือนสิงหาคมอยู่ที่ระดับ  84 เป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การคลายล็อกดาวน์ทำให้กิจกรรมธุรกิจดำเนินไปได้ ภาคการส่งออกและการขนส่งระหว่างประเทศมีสัญญาณดีขึ้น การควบคุมโควิด-19 ทำได้ดี
    อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยลบจากการปิดด่านชายแดนที่ติดกับเมียนมา จึงส่งผลกระทบต่อการส่งออกและปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ดังนั้นคาดการณ์ว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 93.3 จาก 94.5 ในเดือนสิงหาคม เพราะกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 รอบสองทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านจึงต้องมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง การสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องของธุรกิจและกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย เงินกู้มากขึ้น
    "ดัชนีฯ ที่ลดลงเพราะความช่วยเหลือภาครัฐจะหมดลง แต่รัฐก็มีมาตรการอื่นๆ มาเติม เช่น โครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ส่วนการชุมนุมทางการเมือง 3-4 วันที่ผ่านมาก็กังวลเพราะมันกระจายหลายจุด ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ปัญหาว่าจะทำยังไง ควรเปิดสภาสมัยวิสามัญให้เขาได้มีเวทีออกมาชี้แจง อย่างการแก้รัฐธรรมนูญอันไหนเห็นร่วมกันก็แก้ไปก่อน แต่ที่ห่วงตอนนี้คือมือที่สาม" นายสุพันธุ์กล่าว
    นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอต่อภาครัฐคือ เอกชนต้องการให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณผ่านโครงการลงทุนภาครัฐทั้งในและภูมิภาค ออกมาตรการเพิ่มเติมช่วย SMEs หลังใกล้สิ้นสุดมาตรการเดิม และรัฐต้องจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่ผลิตในประเทศ และจะเห็นได้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นรายใหญ่นั้นกลับลดลง เพราะกังวลการระบาดโควิด-19 รอบสอง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แอร์ โรงกลั่นน้ำมัน
    ผู้สื่อข่าวรายงานการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 19 ต.ค.63 บรรยากาศการซื้อวันนี้นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมาตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีความกังวลต่อการชุมนุมการเมืองที่มีขึ้นต่อเนื่อง และกระจายไปยังที่ต่างๆ ในหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศ ประกอบกับใกล้จะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ซึ่งยังมีทิศทางที่ดีมาก ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และการตั้งสำรองฯ ทำให้ภาพระยะสั้นกลุ่มแบงก์ยังไม่มีความน่าสนใจมากนัก
    ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่กลับปรับตัวอยู่ในแดนบวก รับความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐอเมริกา และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาอยู่ในทิศทางที่ดี ส่งผลปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,208.75 จุด ลดลง 24.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,008.12 ล้านบาท.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"