
สถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ดูเหมือนจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ นอกจากกลุ่มม็อบคณะราษฎร 2563 จะประกาศยกระดับเพื่อปิดฉากรัฐบาลแล้ว ในสัปดาห์นี้จะต้องจับตาดูเวทีการประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหารือทางออกสถานการณ์ปัจจุบันในวันจันทร์-อังคารนี้ว่า จะเป็นเวทีที่สร้างทางออกของประเทศได้หรือไม่
ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในตอนนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ถอยคนละก้าวอย่างแท้จริง ถ้าเวทีประชุมสภายังพูดแต่วาทกรรม และไม่ได้ประเด็นที่เป็นทางออกอย่างเป็นรูปธรรมออกมา เชื่อว่าปัญหาความวุ่นวายในประเทศก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน
เมื่อปัญหาการเมืองมีทีท่าที่รุนแรงขึ้น แน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อไปยังเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยก็ยังมีความอ่อนแอมากจากปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อการเดินทาง การท่องเที่ยว และการทำธุรกิจต้องหยุดชะงัก กระทบต่อกำลังซื้อและการลงทุนไปรอบด้าน
อย่างล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่องรายงานฐานะการเงินประจำสัปดาห์ ของ ธปท. ทุนสำรองเงินตรา และกิจการธนบัตร ระบุว่า รมว.การคลัง ได้ประกาศรายงานฐานะการเงินงวดประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ก.ค.63 และงวดประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ค.63 แนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 28 ส.ค.63 ผลการขาดทุนสะสม 1,069,366,246,596 ล้านบาท
ขณะที่อีกด้าน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ก็ออกมาแสดงความเป็นห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณ 80% ต่อมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เมื่อสิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ 83.8% ต่อจีดีพีในไตรมาส 2 ของปีนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ส่วนตัวเลขจีดีพีของไทย ทาง ธปท.ประเมินก็ประเมินว่า การขยายตัวเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปติดลบทุกไตรมาส ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/2564 ก่อนจะกลับมาเป็นการฟื้นตัวเป็นบวกในไตรมาส 2/2564 โดยเป็นลักษณะของการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ยาวๆ ส่วนจะได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในลักษณะก่อนการระบาดของโควิด-19 น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 3/2565
แสดงให้เห็นว่า ไทยเรายังต้องเผชิญกับการประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ยังไม่นับรวมกับปัญหาการเมืองที่ยังคาดการณ์สถานการณ์ไม่ได้ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกสองที่ตอนนี้ก็ประชิดชายแดน และอาจจะมีหลงเหลือในประเทศแบบไม่มีใครรู้ด้วย
ประเด็นการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เปราะบางที่สุดในเวลานี้ ก็ส่งผลต่อนักลงทุนต่างชาติ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ก็ระบุว่า มีนักลงทุนต่างชาติได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ และเริ่มพิจารณาแผนการลงทุนในไทยใหม่ ซึ่งหากปัญหาการเมืองมีพัฒนาการที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เชื่อว่าต่างชาติอาจจะหนีจากไทยไปเหมือนกัน ดังนั้นทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะต้องเต็มไปด้วยความรอบคอบ
ต้องไปลืมว่า ในขณะที่ประเทศยังไม่เดินทางมาถึงจุดแตกหัก การพูดคุย การเจรจา ยังคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ยิ่งถอยหลังคนละก้าว และพิจารณาจุดยืนให้ชัด และหาทางออกร่วมกัน จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีความจริงใจระหว่างกันจริงๆ เพราะการจะผลักดันให้ประเทศเข้าสู่วิกฤติอีกครั้ง ย่อมไม่ใช่ผลดีในขณะที่ประเทศไทยกำลังอ่อนแอ อย่างในเวลานี้.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |