จับป้าติ้น-ป้าเล็ก มโนถูกหวย30ล. ใส่ความอีก2ป้า


เพิ่มเพื่อน    

    จับ "ป้าติ้น-ป้าเล็ก" แจ้งความเท็จหาป้าดา-ป้าติ๋วยักยอกหวยรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านจนเหยื่อต้องรับโทษ ก่อนที่ตำรวจตรวจสอบแล้วกุเรื่องขึ้นมา กองปราบฯ ดักจับป้าติ้นขณะกลับจากบ่อนฝั่งลาว
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 เมษายนนี้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม, พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช, พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป., พ.ต.ต.เอกรณการ นาคนิยม สว.กก.1 บก.ป. ร่วมกันควบคุมตัวนางเรวดี หาแก้ว หรือ “ป้าติ้น” อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/18 ซอยกรุงเทพกรีฑา 7 (บ้านเอื้ออาทร) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. และนางวิไลพร รัตนติสร้อย หรือป้าเล็ก อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122/2 ซอยนวลน้อย แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.427/2561 และ จ.428/2561 ตามลำดับ ลงวันที่ 27 เมษายน 2561 ในข้อหา ร่วมกันแจ้งความเท็จเพื่อให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาฯ เดินทางไปถึง บก.ป.เพื่อสอบปากคำ โดยสามารถจับกุมนางเรวดีได้ที่บริเวณหน้าร้านเฮียเปียวหมูเกาหลี ชุมชนโพธิ์ศรี ซอย 5 หมู่ 14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย และจับกุมตัวนางวิไลพรได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 122/2 ซอยนวลน้อย แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม.
    สืบเนื่องจากเมื่อปี 2559 นางเรวดีและนางวิไลพรได้เข้าแจ้งความตำรวจ สน.ประเวศ ว่าถูกนางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือป้าดา ผู้เสียหายซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข 066720 จำนวน 5 คู่ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 ประจำงวดวันที่ 1 เม.ย.2559 มูลค่า 30 ล้านบาท โดยอ้างว่าได้ร่วมหุ้นกันซื้อขณะที่ไปร่วมกันทำบุญที่วัดลาดบัวขาว หรือวัดราชโยธา แขวงเขตสะพานสูง กทม. จนทำให้นางสุดารัตน์ได้รับโทษทางอาญา
    ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ.61 ได้มีผู้เสียหายอีกรายคือ นางจรูญ เฮด หรือป้าติ๋ว อายุ 62 ปี เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับทางกองปราบฯ ให้เอาผิดกับนางเรวดี ในข้อหาแจ้งความเท็จ หลังจากถูกนางเรวดีและนางวิไลพรแจ้งความกับตำรวจ สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี ว่านางจรูญเป็นผู้ยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 392785 จำนวน 5 คู่ งวดวันที่ 1 เม.ย.2560 ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้รับเรื่องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากทั้ง 2 คดีมีลักษณะเดียวกัน อีกทั้งยังพบพิรุธเกี่ยวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนหลายอย่าง กระทั่งมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้วทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่เคยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ทั้ง 2 งวดดังกล่าว ทำให้เชื่อได้ว่าทั้ง 2 คดีนั้นน่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ
    กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า นางเรวดีกำลังเดินทางกลับมาจากบ่อนกาสิโนที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงนำกำลังจับกุมตัวได้ในที่สุด ขณะที่กำลังอีกส่วนหนึ่งไปจับกุมตัวนางวิไลพรที่บ้านพักย่านคลองตัน ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาทำการสอบปากคำ
    เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ทั้ง 2 งวดจริง มีการสลักชื่อด้านหลังไว้ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำไมตำรวจถึงมาจับตน ทั้งที่ในเร็ววันนี้ ศาลจะมีการเรียกนางสุดารัตน์คู่กรณีขึ้นศาลเพื่อไต่สวนคดีที่ตนฟ้องร้องไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว น่าจะรอให้มีการไต่สวนก่อน
    ภายหลังการสอบปากคำนางเรวดี หาแก้ว หรือป้าติ้น และนางวิไลพร รัตนติสร้อย หรือป้าเล็ก นานกว่าหลายชั่วโมง พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธ และยืนยันว่ามีการร่วมหุ้นซื้อลอตเตอรี่กับผู้เสียหาย และได้ลงลายมือชื่อสลักหลังลอตเตอรี่ไว้ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานเอาผิดชัดเจน เพราะเมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานและพยานบุคคลที่นางเรวดีกล่าวอ้างแล้ว รวมถึงมีการส่งลอตเตอรี่ไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่พบหลักฐานลายมือชื่อของนางเรวดีบนลอตเตอรี่แต่อย่างใด 
    ผบก.ป.กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สั่งให้กองปราบปรามรับผิดชอบสืบสวนคดีลอตเตอรี่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง และป้องปรามคนคิดกระทำทุจริตไม่ให้ฉวยโอกาสมาใช้วิธีลักษณะที่เรียกว่าปล้นกลางแดดในแต่ละงวดรางวัล สำหรับคดีนี้ ตำรวจจะควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผลัดแรกวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ 
    เวลา 10.30 น. นางสุดารัตน์ หรือป้าดา และนางจรูญ หรือป้าติ๋ว พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังนำช่อดอกไม้มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเพื่อแสดงความขอบคุณด้วย
    นายอัจฉริยะกล่าวว่า เรื่องที่นางเรวดีแจ้งความนั้นเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาทั้งหมด เพราะนางเรวดีไม่มีลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวอยู่จริง ส่วนกรณีที่ ร.ต.ท.สมประสงค์ ปสาทรัตน์ อดีตรอง สว.สอบสวน สน.ประเวศ หรือหมวดโค้ก ซึ่งเป็นผู้นำสำนวนในคดีดังกล่าวไปให้นางเรวดี เพื่อเอาผิดนางสุดารัตน์ จนทำให้นางสุดารัตน์ถูกจำคุกเป็นเวลา 3-4 วัน ในส่วนนี้ตนกำลังส่งเรื่องให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อสอบวินัยร้ายแรง
    ด้านนางสุดารัตน์กล่าวว่า รู้จักกับนางเรวดีมาก่อน เนื่องจากนางเรวดีมาตักบาตรที่หน้าบ้านของตน ไม่คิดว่านางเรวดีจะทำกับตนได้ถึงขนาดนี้ ตนไม่มีอะไรจะบอกกับนางเรวดี เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ มีการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน รวมถึงทางกองปราบฯ และนายอัจฉริยะด้วย ในส่วนของคดียังอยู่ในความรับผิดชอบของศาล แต่ตนมั่นใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยในช่วงระยะเวลาที่อยู่ในคุกเดือดร้อนมาก เมื่อพิสูจน์ได้ว่าตนบริสุทธิ์ก็ดีใจ
    ส่วนนางจรูญกล่าวว่า ครั้งหนึ่งที่เคยถูกนางเรวดีท้าให้ไปสาบานที่วัดพระแก้ว ซึ่งตนก็ไป ตนเชื่อว่าคำสาบานศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เพราะเขาได้รับผลตามที่ได้สาบานไว้ ตนไม่มีอะไรจะพูด เพราะนางเรวดีก็ได้รับกรรมที่ก่อไปแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"