ปกป้องสถาบันฯ สู้จนตัวตาย


เพิ่มเพื่อน    

เป้าหมายของพวกเขา

คือสถาบันพระมหากษัตริย์

      การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบสามนิ้วยังคงต้องติดตามต่อไป ขณะเดียวกันการออกมาเคลื่อนไหวของประชาชน-กลุ่มต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบสามนิ้วก็มีให้เห็นต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ การเคลื่อนไหวที่ออกมาเป็นระยะของ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่เวลานี้เคลื่อนไหวในนาม กองทัพประชาชนปกป้องสถาบัน ที่ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานำคนเสื้อเหลืองจำนวหนึ่งไปยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา คัดค้านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา

      ก่อนจะไปถึงบทสัมภาษณ์เรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เราถามอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 23 ต.ค. ที่อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระนำภาพและเรื่องราวไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่บอกว่า "ธ ทรงพระเมตตา ดุจดังสายฝนจากฟ้า ลงสู่กลางใจ" และนี้คือสิ่งที่อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระที่เรียกตัวเองว่า "ฉัน" ได้ถ่ายทอดไว้

      .... สารภาพจริงๆ นะ สำหรับฉันเนี่ย ท่าน ฐิติราช (พลตำรวจโท ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ นายทหารราชองครักษ์-รองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ อัตราพลเอก) เคยรับพระราชกระแสรับสั่ง มาแจ้งกับฉันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยากให้เข้าเฝ้าฯ ฉันปฏิเสธมาตลอด เพราะเรามีความรู้สึกว่า เรายังไม่พร้อม เรายังไม่ดี ที่จะเข้าใกล้เบื้องพระยุคลบาท และเราก็คิดว่าเราชอบทำงานเบื้องหลัง มันจะง่ายกว่าการไปเปิดเผยตัวเอง เหมือนกับที่ฉันเข้าไปดำเนินการกล่อมคุณจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำคนอื่นตอนอยู่ในคุก นั่นก็เกิดจากพระราชกระแสฯ

      การที่เรามีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ เบื้องพระยุคลบาท ต่อหน้าพระพักตร์เมื่อคืนวันที่ 23 ตุลาคม มันเกิดโดยที่ไม่ได้เป็นความจงใจของฉัน เพราะฉันนั่งหลบอยู่ข้างหลังสุดแล้ว เข้าไปนั่งหลบในเหลือบ ทางคุณนิด ฐิติราช เดินผ่านมา แล้วเห็นฉัน ฉันก็ถอดหมวดยกมือไหว้ เขาก็บอกอ้าว ทำไมหลวงปู่มานั่งหลบอยู่ตรงนี้ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงอยากพบมาก มาๆ มาอยู่ข้างหน้า เราก็เลย แบบมันหลีกไม่ได้แล้ว มันอยู่ต่อหน้าแล้วไง ก็เลยจำเป็นต้องไปนั่งอยู่ข้างหน้า

      พอนั่งอยู่ข้างหน้า พระองค์เสด็จฯ มา เราก็ยกมือพนมรับพระองค์ตามธรรมเนียม พอพระองค์เสด็จฯ มาฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ ไปสักประมาณ 7-8 เมตร สมเด็จพระราชินีฯ ท่านทรงเหลือบมาเห็นฉันเขา ท่านก็ชี้ให้พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ว่าหลวงปู่ฯ พระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านได้ฟังแบบนั้นก็ทรงหันมา แล้วเดินตรงมาหาฉันเลย

     เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ไปไม่ได้ ไปไม่เป็น ข้างหลังก็คนเต็ม ก็เลยนั่งคุกเข่าพนมมือ แล้วพระองค์ก็เสด็จฯ มา พระราชินีฯ ทรงจะมาเข้าใกล้ แต่พระองค์ทรงรู้ว่าฉันไม่ได้ลาศีล ก็ทรงดึงพระหัตถ์พระราชินีเอาไว้ แล้วทั้งสองพระองค์ รวมทั้งพระเจ้าลูกยาเธอฯ ก็ทรงคุกเข่า นั่งย่อตัวลง

     “แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ทรงลดตัวลงมาจับที่บ่า และคำแรกเลย ก็คือ "ขอบคุณนะ" และมีคำอื่น ก็ไม่ต้องอธิบายเปิดเผย แล้วฉันก็ก้มลงไปกราบ โดยการกราบของฉันเพื่อแสดงให้เห็น บุคคลในแผ่นดินนี้ที่สูงสุดและมีค่ายิ่งต่อการควรกราบ ก็คือพระเจ้าอยู่หัวฯ คือสถาบันพระมหากษัตริย์

      แล้วถามว่าฉันรู้สึกอย่างไร คุณก็จะเห็น เวลาฉันเผชิญเหตุ ฉันจะนิ่งมากนะ แล้วฉันก็นิ่งๆ แบบนั้น เพราะฉันโดนฝึกมาแบบนี้ แล้วเราก็ฝึกตัวเราเองมาแบบนี้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หากฉันต้องเจอ ก็จะนิ่งๆ” อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระเล่าให้ฟัง

      ส่วนการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อจากนี้ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระจากกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อประชาชนจะไม่ทอดทิ้งสถาบัน สถาบันก็จะไม่ทอดทิ้งประชาชน ซึ่งเราก็ทำได้สำเร็จเมื่อ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าภาคประชาชน เพิกเฉยต่อสถาบัน จนบางครั้งเราจะเห็นแต่แค่ต้นมะขามกับเสาไฟฟ้าที่ถวายการต้อนรับ ซึ่งเมื่อฝ่ายประชาชนหันมาใส่ใจ ให้กำลังใจ และแสดงสัญลักษณ์ให้พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงเห็นว่า ประชาชนไม่ได้ทอดทิ้งพระองค์ ฉันก็เชื่อว่าพระองค์ก็ไม่ทรงทอดทิ้งประชาชน เหมือนเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่พระองค์ทรงเห็นว่าประชาชนไม่ทอดทิ้งพระองค์ พระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินจากประตูหน้า วิเศษไชยศรี หลายกิโล พระองค์ไม่ทอดทิ้งประชาชนเลย แต่ที่ผ่านมาไม่ใช่แบบนี้ ประชาชนเหมือนทอดทิ้งพระองค์ ให้พระองค์อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย 

      อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวถึงกลุ่มม็อบสามนิ้ว ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยว่า ม็อบที่เคลื่อนไหวเวลานี้มันไม่ออร์แกนิก เหมือนอย่างที่พวกเขาพยายามโปรโมต อวยตัวเอง เพราะออร์แกนิกจริงๆ ต้องต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างมา มันมีความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ มันมีขบวนการที่ยัดใส่ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยความเท็จนั้นทำให้เป็นคำหวาน เด็ก-เยาวชนได้รับการป้อนข้อมูลที่เป็นเท็จ ที่มันหวานสนิทใจ จนมันกลายเป็นลัทธิไปแล้ว ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองแล้ว แม้แต่พ่อแม่ที่เลี้ยงดูมายังไม่ใส่ใจฟังเลย ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือออร์แกนิก มันก็น่าจะเป็นออร์แกนิกที่เจือไปด้วยยาพิษ เจือไปด้วยความอันตรายที่มันทำร้ายรากเหง้าของสังคม ทำร้ายกระบวนการทางสังคมที่เคยมีปฏิสัมพันธ์อันดี ทำลายสัมมาคารวะ ความงดงามในใจ มันโดนทำลายไปหมด

     เด็กก็ตีเสมอผู้ใหญ่ อ้างสิทธิ จนผู้ใหญ่รู้สึกว่าเด็กไม่ให้ความเคารพนบน้อบ แม้กระทั่งพ่อแม่ยังไม่เรียกพ่อแม่เลย เรียกว่า "คุณ" มันเลวร้ายกันได้ขนาดนี้ แล้ววิธีคิดแบบนี้เอามาจากไหน ก็มาจากครู อาจารย์ สื่อ รอบข้างที่ก้มหน้าเสพทุกวัน แล้วพวกนี้ไม่ดูข่าวเรื่องอื่นข่าวจากกลุ่มอื่น จะดูแต่เรื่องของกลุ่มตัวเอง

     “ที่ตั้งเป้าไว้เลยว่า ต้อง bully สถาบัน ด้อยค่า สถาบัน บั่นทอนความรักความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อสถาบัน โดยเอาการกระทำของรัฐบาลและตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นบันไดเพื่อจะเหยียบและก้าวข้ามไปตีสถาบัน”

     บันไดที่พยายามจะเคลื่อนไหวให้นายกฯ ลาออกและแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายของพวกเขาคือสถาบัน แล้วคุณจะเห็นว่าพวกนี้มีเบื้องหลังทั้งนั้น ช่วงหลังเราจะเริ่มเห็นคนที่อยู่เบื้องหลัง และการเรียกร้องจริงๆ ของพวกเขาต้องการอะไรกัน อย่างที่เห็น มีการโบกธงอุยกูร์ ทิเบต ฮ่องกง ไต้หวัน ในที่ชุมนุม ซึ่งพวกนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรเลยกับคนไทย แต่มีปฏิสัมพันธ์อันดีกับประเทศไหนในโลกนี้ ก็สหรัฐอเมริกา-ซีไอเอ ที่หนุนหลังไว้เพื่อให้ไปตีกับจีน กลายเป็นว่าประเทศไทยกลายเป็นสมรภูมิให้สหรัฐมาก่อหวอดเพื่อจะไปด้อยค่า ไปรบกับจีน โดยคนพวกนี้ (ผู้ร่วมชุมนุม) ก็กลายเป็นเครื่องมือไปโดยไม่รู้ตัว

     ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองภายในประเทศอย่างเดียวแล้ว โดยสถาบัน ที่ผ่านมาเป็นก้างขวางคอคนพวกนี้มายาวนาน คนพวกนี้ก็คือ สหรัฐ-ซีไอเอ เพราะเมื่อสถาบันยังดำรงอยู่ก็ทำให้ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในสิ่งที่ตัวเขาต้องการ เพราะสถาบันมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อราชวงศ์ ราชวงศ์มีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อจีน ต่อรัสเซีย ส่วนสหรัฐก็มี แต่ฝ่ายเขายังไม่เพียงพอ ต้องการอะไรมากกว่านี้ เพราะขบวนการล่าอาณานิคมยังไม่หมดไป สหรัฐยังบ้าอำนาจ ยังล่าอาณานิคมไม่เลิก อย่างหลายประเทศในตะวันออกกลางสหรัฐก็เข้าไปมีบทบาทแทรกแซง อย่างที่ลิเบีย เวลานี้แทบสิ้นชาติ คนอดอยาก สหรัฐก็รวยเอาๆ กอบโกยทรัพยากรกลับไป แล้วคนไทยจะปล่อยแบบนี้หรือ

- คือมองว่า มีความพยายามต้องการล้มล้างสถาบันเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองให้เป็นสาธารณรัฐแบบประธานาธิบดี?

      ใช่ เพราะมันง่ายต่อการครอบงำ ตอนนี้สถาบันเป็นอุปสรรคต่อการครอบงำ เพราะคนมีเป้าเดียวกัน มีใจอันเดียวกัน กลายเป็นพลังที่ต่อต้านอำนาจภายนอก จึงต้องทำให้คนแตกแยกกันก่อนแล้วจะเข้ามาโจมตี เพราะถ้ารวมกันตีไม่ได้ มันเหนียวแน่น

     เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่คนไทยในประเทศ แต่มีแม้กระทั่งองค์กรต่างประเทศ พวกกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ พวกองค์กรระหว่างประเทศในเครือข่ายยูเอ็น สงครามตัวแทน เขาทำมาตลอด โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนในสหประชาชาติ และเครือข่ายองค์กรระหว่างประเทศ ต่างๆ ที่พยายามเข้ามาแทรกแซงการเมืองในเมืองไทย จนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลายๆ ในการทำให้เกิดวิกฤติทางการเมืองและสังคมในประเทศไทย

      - เห็นเคยตั้งคำถามว่า พรรคการเมือง นักการเมืองหายไปไหนกันหมด ไม่ออกมาปกป้องสถาบัน?

      ไม่เห็นมี จะมารักษาท่าทีอะไรกันมากมาย ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้ว อย่างใน "วัง" เอง ทุกคนก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมรัฐบาลทำอะไรน้อยเหลือเกิน นักการเมือง ข้าราชการ ทำอะไรน้อยเหลือเกินกับการปกป้องสถาบัน ทำไมถึงปล่อยให้มีการกระทำกันอยู่ฝ่ายเดียว พูดน้อยไปหรือเปล่า ในการรักษาปกป้องสถาบัน ทำไมต้องให้พุทธะอิสระ กลุ่มต่างๆ มาทำ ทั้งที่พวกเขาเคยถวายสัตย์ปฏิญาณฯ จะปกป้องธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่บอกจะจงรักภักดียิ่งชีวิต แล้วไหนล่ะ เราอยากเห็น

        - มองยังไงที่ช่วงหลัง หลายจังหวัด และใน กทม. มีการจัดกิจกรรมใส่เสื้อเหลืองกันหลายแห่ง?

      ก็เพราะประชาชนเขาเห็น เขาเห็นแล้วว่าสถาบันไม่ได้ทิ้งประชาชน การที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินยาวไกลขนาดนั้น (วันที่ 23 ตุลาคม) ที่ผ่านมา เขาคิดว่าสถาบันทิ้งประชาชน แต่พอพระองค์เห็นประชาชนไม่ทิ้งพระองค์ พระองค์ก็ทรงพูดคุยโอภาปราศรัย แสดงความมีน้ำจิตน้ำใจไมตรีสนองตอบต่อประชาชน ก็ทำให้ประชาชนรู้สึกประทับใจ ที่เคยโดนหล่อหลอม เป่าหูตลอดเวลาว่า สถาบันทอดทิ้ง แท้จริงแล้วมันไม่ใช่

     พอวันที่ 23 ต.ค. ปรากฏภาพ วันต่อๆ มาเราก็จะเห็นภาพดีๆ ขึ้นตลอด แม้กระทั่งตัวม็อบเอง กำลังคนก็น้อยลงในกลุ่มต่างๆ ก็แสดงว่า คนที่ยังจงรักภักดี ยังมีความหวังว่าอยากจะใกล้ชิดสถาบัน ยังมีอีกเยอะแยะมากในแผ่นดินนี้ แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงตรวจสอบตลอด ดูสถานการณ์บ้านเมืองเป็นยังไง ใครทำอะไรที่ไหน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"