เคล็ด(ไม่)ลับบนสนามอีคอมเมิร์ซ


เพิ่มเพื่อน    

 

     ในยุคที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังเบ่งบาน แม้ผู้ประกอบการจะมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก แต่ก็มีความท้าทายรออยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูงขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียที่เข้ามาเป็นตัวเร่งให้โลกของอีคอมเมิร์ซหมุนไปไวยิ่งขึ้น รวมไปถึงปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมอย่างโรคระบาด หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นได้อย่างไร?

                ในช่วงที่ผ่านมาจากการจัดงาน ลาซาด้า ยูนิเวอร์ซิตี้ :  สมาร์ท แคมปัส เดย์ เปิดตัวลาซาด้า ยูนิเวอร์ซิตี้ (Lazada University) แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ของลาซาด้าที่ปรับโฉมใหม่เพื่อช่วยเสริมศักยภาพผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีไทย มีผู้ประกอบการหลายรายมาร่วมแชร์ประสบการณ์ต่างๆ และเป็นอีกครั้งสำหรับ ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ผู้ก่อตั้งโซดาพริ้นติ้ง SOdAPrintinG.com ธุรกิจรับพิมพ์ภาพลงบนแคนวาสเพื่อเป็นของขวัญ ก็มาร่วมให้คำตอบว่า การจะชนะความท้าทายได้นั้น ผู้ประกอบการต้องมองให้ออกว่าตัวเองถนัดอะไร และลูกค้าคือใครกันแน่

                อย่างแรกเลยคือการที่ต้องรู้มากกว่าแค่ลูกค้าคุณคือผู้หญิง อายุ 18-35 ปี แต่ต้องรู้เจาะลงไปว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ใช้แบรนด์อะไร สไตล์เป็นอย่างไร เพื่อที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด และต้องรู้จักจุดแข็งตัวเองและเลือกสิ่งที่เหมาะที่สุด อย่างทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียและเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจมากมาย เราต้องเลือกใช้ตามวัตถุประสงค์ของเรา และต้องเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันให้ได้

                ตัวอย่างความสำเร็จของบริษัทจากการรู้จักกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี คือแคมเปญที่แบรนด์ทำบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยแบรนด์จับได้ว่ากลุ่มลูกค้าคือวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่พูดเรื่องความรัก ใช้เพลงเป็นสื่อ และใช้ TikTok เป็นเครื่องมือ จึงเกิดไอเดียแต่งเพลงให้ไวรัลบนโลกออนไลน์ จุดสำคัญคือเนื้อเพลงต้องชัดเจน แทรกคีย์เวิร์ดธุรกิจในเนื้อเพลง บีตเพลงต้องติดหู และที่สำคัญท่อนฮุกต้องจบใน 15 วินาที เพราะกลุ่มคนที่เล่น TikTok มักจะเซฟวิดีโอไปโพสต์ต่อทางอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กสตอรี่ซึ่งมีความยาวไม่เกิน 15 วินาที ช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางที่คนอื่นๆ จะได้เห็นสินค้าและเข้ามาสอบถาม จนนำไปสู่การสร้างทราฟฟิกกลับไปยังร้านค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

                อีกหนึ่งผู้ประกอบการอย่าง พงศ์รัตน์ อรุณวัฒนาพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท แจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ Tigerplast กล่าวว่า  ปัจจัยหนึ่งในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จคือการมีมายด์เซตที่ดี โดยมายด์เซตในการทำธุรกิจของบริษัทมี 3 ข้อด้วยกัน คือ 1.สิ่งใหม่ๆ มีไว้ให้ลอง 2.คิดแล้วทำเลย และ  3.พลาดแล้วเรียนรู้และปรับปรุง

                ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของแบรนด์ Tigerplast ช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทแจ๊กเจียฯ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนวัตกรรมสเปรย์เพิ่มประสิทธิภาพการกรองหน้ากากผ้า ซึ่งบริษัทไม่เคยทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมาก่อน ถือเป็นการลองสิ่งใหม่เป็นครั้งแรก และเนื่องด้วยสถานการณ์ในขณะนั้น ทำให้ไม่สามารถรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อนจะลงมือทำได้ จึงต้องลงมือทำพร้อมเรียนรู้ไปด้วยในระหว่างทาง 

                บริษัทใช้เวลาในการเตรียมการไปจนถึงวางจำหน่ายราว 2 สัปดาห์เท่านั้น เมื่อมีข้อผิดพลาด เช่น สินค้ามีตำหนิจากการผลิตและขนส่ง ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ให้ พร้อมกับเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า เพื่อแทนคำขอโทษ แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่การดูแลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า และถือเป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เนื่องจากการดูแลลูกค้าเช่นนี้สามารถสร้างความรู้สึกในทางบวกให้กับลูกค้าได้

                การขายสินค้าบนอีคอมเมิร์ซนั้น ในอดีตอาจจะมีอาวุธเพียงชุดเดียวก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่จริงๆ แล้วหากมาร์เก็ตเพรสต่างๆ มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ก็จะยิ่งช่วยสร้างประสิทธิภาพได้มากขึ้น อย่างที่ผ่านมาลาซาด้าเองมีการบรอดแคสต์ที่ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าที่เพิ่มสินค้าลงในรถเข็นแล้วแต่ยังไม่กดซื้อ การเรียนรู้ให้ทันความใหม่ของเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นอีกหนึ่งอาวุธประจำกายที่ผู้ประกอบการต้องพกติดตัวและลบให้คมอยู่เสมอ หากมีอาวุธที่ดีการจะลงสู่สนามท่ามกลางอุปสรรคก็คงจะสามารถรับมือได้ง่ายกว่าไม่มีอะไรเลย. 

 

รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"