"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริด ผงาดเข้าชิงฯ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งที่ 4 ใน 5 ปี หลังเอาขนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-3 ในการเกมเลกสอง ที่ เบร์นาเบว เมื่อคืนวันอังคาร
    บาเยิร์น ที่แพ้มาในเลกแรกที่บ้านตัวเอง 1-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมชี้ชะตาของตัวเองที่ เบร์นาเบว เมื่อบุกมาขึ้นนำได้เร็ว จาก โจชัว คิมมิค ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2 หลังเล่นไปได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น
    แต่สถานการณ์ก็เทกลับไปทางเรอัล มาดริด ได้อีกพลิกนำ 2-1  จาก คาริม เบนเซม่า ที่ทำรวดเดียว 2 ประตู น.10, 46   โดยลูกที่สองของหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส มาจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูทีมเสือใต้ สเวน อูลริค ในนาทีแรกของครึ่งหลัง 
    บาเยิร์น ยังมีความหวัง นาทีที่ 62 ได้ ฮาเมส โรดริเกซ ยิงทีมเก่า เสมอกันอีกครั้งในเกมนี้ แต่หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ทำสกอร์เพิ่มกันไม่ได้อีก จบเกมเสมอกันไป 2-2 ส่งผลให้ เรอัล มาดริด ชนะไปในสกอร์รวม 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นทีมแรกของฤดูกาลนี้ และเป็นปีที่ 4 ในรอบ 5 ปีที่พวกเขา เข้าชิงฯ ฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ได้ และความหวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์รายการนี้ 3 ปีติดต่อกัน ก็ใกล้เป็นจริงแล้ว
    หลังเกม ซิเนอดีน ซิดาน ได้อธิบายเหตุผลที่ให้ คาเซมิโร่ นั่งสำรองนัดนี้ "ถ้าผมให้ใครเป็นสำรอง ไม่ได้ความว่าผมต้องการทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขา ผมต้องตัดสินใจ ตัดสินใจเลือกทีมจากผู้เล่นทั้งหมด 25 คน วันนี้ผมตัดสินใจให้ คาเซมิโร่ นั่งสำรอง เขาเป็นนักเตะที่ได้ลงเล่นบ่อย แต่มันเป็นตัวเลือกของ ณ เวลานี้ ส่วนคนที่ได้ลงสนามต้องทำผลงานให้ดีที่สุด"
    "เราเล่นไม่ค่อยดีนักในครึ่งแรก แต่เราทำได้ดีขึ้นในครึ่งหลัง เรากดดันพวกเขาขึ้นไปได้ เราเสียประตูเร็วมาก ซึ่งมีผลต่อความมั่นใจอยู่บ้าง แต่เราเป็นทีมที่ไม่ยอมแพ้ใครจนนาทีสุดท้าย มันเป็นดีเอ็นเอของสโมสรเรา แต่ บาเยิร์น ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ค่ำคืนนี้เรามีความสุขได้เพราะเราเข้าชิงได้สำเร็จ"
    "ส่วนเบนเซม่า เขาสมควรได้ทั้งสองประตูนั้น เขาทำงานหนักเพื่อทีม เขาไม่เคยปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป"