คนละครึ่งใช้จ่ายคึกคัก เล็งเพิ่มแผนกระตุ้นศก.


เพิ่มเพื่อน    

 

"บิ๊กตู่" สั่ง ครม.เร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม  เป็นปลื้มประชาชนชื่นชมคนละครึ่ง ฟุ้งยอดใช้จ่ายคึกคัก ทะยานแตะ 1.1 หมื่นล้านบาท อวดผลมาตรการชิมช้อปใช้เมื่อปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ช่วยกระตุ้นจีดีพีโตเพิ่ม 0.1-0.3% เข็นเงินเข้าระบบ 2.88 หมื่นล้านบาท
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยให้ทุกหน่วยงานไปเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม หลังจากขณะนี้ประชาชนชื่นชมโครงการคนละครึ่งเป็นอย่างดี จึงอยากให้ทุกหน่วยงานไปช่วยกันคิดว่า จากนี้จะมีการออกมาตรการหรือแคมเปญอะไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์เพิ่มเติม
     "สำหรับรายละเอียดของมาตรการว่าจะทำอะไร อย่างไรบ้าง  หรืออาจจะขยายโครงการคนละครึ่งหรือไม่นั้น ตอนนี้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ไปพิจารณาถึงความเหมาะสมกันอีกครั้ง ก่อนนำมาเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาต่อไป" น.ส.ไตรศุลีกล่าว
    น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2563 ได้รับทราบสรุปผลการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" ช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสรุปในภาพรวมของการดำเนินงานมาตรการชิมช้อปใช้ ได้ส่งผลบวกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 0.1-0.3%
         ขณะที่ความพึงพอใจของประชาชนนั้น จากการสำรวจพบว่า มีความพึงพอใจต่อเงินสนับสนุน 1,000 บาท 74.6% พึงพอใจต่อความปลอดภัยในการใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง 74.2% และมีความพึงพอใจต่อความสะดวกในการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง 73.9%
         สำหรับผลการดำเนินมาตรการในช่วงระหว่างวันที่ 27 ก.ย. 2562-31 ม.ค.2563 มีผู้ได้รับสิทธิจำนวน 14,354,159 คน มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 11,802,073 คน มีร้านค้าที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์จำนวน 103,053 ร้าน มียอดการใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (g-Wallet) รวม 28,819 ล้านบาท แยกเป็น ช่องที่ 1 จำนวน 11,671 ล้านบาท และช่องที่ 2 จำนวน 17,148 ล้านบาท กระทรวงการคลังจ่ายเงินชดเชยรวม 12,930 ล้านบาท
         ส่วนผลประเมินความคุ้มค่าและความพึงพอใจพบว่า ยอดการใช้จ่ายของร้านชิมช้อปใช้ รวมกันมีมูลค่ามากกว่าร้านค้าทั่วไป 7.8 เท่า และการใช้จ่ายส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับร้านโอท็อปและร้านธงฟ้าประชารัฐ แสดงให้เห็นว่าร้านค้ารายย่อยได้รับรายได้จากมาตรการมากกว่าร้านค้ารายใหญ่
         นอกจากนี้ ยังมีการกระจายตัวของการใช้จ่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และลงไปถึงร้านค้ารายย่อย รวมทั้งได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนให้มีความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การผลักดันให้ประเทศเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เชิงลึกต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ล่าสุด ณ เวลา 12.00 น. วันที่ 10 พ.ย.2563 พบว่า มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.7 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 7,387,647 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 11,021.55 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 5,618.27 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 5,403.28 ล้านบาท และเป็นยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 212 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"