ดาบตำรวจถูกตุ๋นเปื่อย สาวแฟนเพื่อนตำรวจด้วยกัน อ้างเป็นคนสนิท "บัวขาว" นักมวยดัง ชวนเป็นบอร์ดี้การ์ดตามไปต่างประเทศ แต่ต้องเสียค่ายกครูตัดกรรม แถมตะล่อมเข้าหุ้นซื้อที่ดิน กระทั่งเอะใจบุกสุรินทร์ถามบัวขาวด้วยตัวเอง ถึงรู้เสียท่า พาผู้ร่วมชะตากรรมเข้าแจ้งความ ปอศ. 
    เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ด.ต.กิตติพันธ์ คูหามณีหิรัญ ผบ.หมู่ ป.สภ.เส้าไห้ จ.สระบุรี พร้อมผู้เสียหายอีกเกือบ 10 คน เข้าแจ้งความ ร.ต.อ.ศิริชัย ทองแสง รอง สว. (สอบสวน) กก.4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ระบุว่าถูกผู้แอบอ้างเป็นนายหน้าลงทุนที่ดินมีความสนิทกับบัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดัง ชักชวนไปลงทุนซื้อที่ดินและฝากตัวเข้าเป็นทีมงานของค่ายมวยบัญชาเมฆ ก่อนจะหลอกเอาเงินรวมกันกว่า 3 ล้านบาท
    ด.ต.กิตติพันธ์ให้การว่า รู้จักกับ ด.ต.นายหนึ่งสังกัดกองบังคับการสืบสวนภูธรภาค 1 (บก.สส.ภ.1) ก่อนจะรู้จักกับ น.ส.จารุวรรณ (สงวนนามสกุล) แฟนสาวของตำรวจคนดังกล่าว จากนั้นได้ชักชวนให้เป็นทีมงานในค่ายมวยของบัวขาว บัญชาเมฆ ตั้งแต่ช่วงปี 2562 ก่อนจะนัดหมายมาพบกันที่บ้านของ น.ส.จารุวรรณ ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อไปถึง น.ส.จารุวรรณอ้างเป็นคนสนิทของบัวขาว และเป็นทีมงานของบัวขาวในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้ทางค่าย จากนั้นก็ชวนเป็นทีมงานบอดี้การ์ดเพื่อติดตามบัวขาวไปชกมวยต่างประเทศ แต่มีค่าใช้จ่ายเป็นวีซ่า ค่าตรวจโควิด-19 รวมทั้งต้องมีค่ายกพานครูตัดกรรมและพิธีล้างตัวตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีค่าพิธีประมาณ 9,999 บาทต่อคนต่อครั้ง ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง และต้องทำพิธีจนกว่าซินแสจะบอกว่าผ่าน จึงจะเข้าเป็นทีมงานได้ โดยซินแสรายนี้เป็นที่เคารพของบัวขาวและเหล่าดาราเซเลบมากมาย 
    ด.ต.กิตติพันธ์กล่าวว่า น.ส.จารุวรรณยังได้ชักชวนตนซื้อที่ดินอีกด้วย จนกระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตนเดินทางได้ไปพบบัวขาวที่ จ.สุรินทร์ สอบถามว่ารู้จักกับคนกลุ่มนี้หรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่มีโครงการซื้อที่ดินแต่อย่างใด หากจะซื้อที่ดินก็จะไปด้วยตัวเอง ไม่ผ่านนายหน้า อีกทั้งไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศด้วย จึงเชื่อว่าถูกหลอก หลังจากนั้นก็พบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกรวม 10 คน สูญเงินไปตั้งแต่ 6,000 บาท ถึงหลักล้าน รวมกว่า 3 ล้านบาท จึงรวมตัวมาแจ้งความ
    ด้าน พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว ผกก.4 บก.ปอศ. กล่าวว่า เบื้องต้นต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้ก่อนพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้จะเรียกผู้ที่ถูกแอบอ้างมาสอบถามข้อมูลด้วย.