เวรกรรมตามทันทอน ‘พปชร.’ยกเหตุหนุนม็อบสามนิ้วก้าวล่วงสถาบันจึงถูกขับไล่


เพิ่มเพื่อน    

 “กกต.” ขอกำลังตำรวจ 609 นายเป็นหน่วยจรยุทธ์ดูแลเลือกตั้ง อบจ. “ธนาธร” ไม่ยี่หระลงพื้นที่พังงาช่วยหาเสียง แต่เอกชนภูเก็ตผวาซ้ำรอยนครศรีฯ งดให้ใช้สถานที่เปิดตัว “แรมโบ้-ธนกร-ปารีณา” ชี้เป็นเวรกรรมตามทัน อดีตรองอธิการบดี มธ.ชำแหละข้อแก้ตัวพ่อฟ้าเพ้อเจ้อ ชี้หากไม่เกี่ยวข้องเรื่องปฏิรูปสถาบันตามม็อบ 3 นิ้วทำไมไม่เคยแสดงท่าที “เด็กก้าวไกล” เรียงหน้าโต้ อัดใครกันแน่ดึงฟ้าต่ำ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ย.2563 สำนักงานคณะกรรมการ?การ?เลือกตั้ง? (กกต.)? ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแต่งตั้งเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 203 ชุด ชุดละ 3 นาย รวม 609 นาย เพื่อทำหน้าที่ป้องปราม หาข่าว เผชิญหรือระงับเหตุการณ์กระทำความผิด รวมทั้งการตรวจค้น จับกุม ควบคุม ผู้กระทำผิดนำส่งพนักงานสอบสวนหรือนำส่งศาลแล้วแต่กรณีในการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)? ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เป็นเวลา 14 วัน รวมถึงประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กำชับไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านสนับสนุนข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และพนักงานของสำนักงาน กกต.ในการลงพื้นที่ในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารการกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  
ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้าที่ จ.พังงา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พังงา ยังคงเดินหน้าหาเสียงในพื้นที่ แม้เกิดเหตุการณ์กลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองปกป้องสถาบันใน จ.นครศรีธรรมราชขับไล่เมื่อวันพุธ ในขณะที่ช่วงบ่าย เดิมนายธนาธรจะเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกและนายก อบจ.ภูเก็ต ที่บริษัท พัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ จำกัด ก็พบว่าบริษัทได้ออกแถลงการณ์ยกเลิกการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ ซึ่งสาเหตุคาดว่าเกิดจากกลัวซ้ำรอยที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะหลังมีการเผยแพร่กำหนดการออกไป ก็พบว่าในโลกออนไลน์มีการส่งต่อและเชิญชวนคนมาแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านนายธนาธรเหมือนที่ จ.นครศรีธรรมราช
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นความวุ่นวายระหว่างที่นายธนาธรไปรณรงค์หาเสียง ว่าทุกคนต้องระมัดระวัง ทางที่ดีคือทุกคนควรทำตามคำแนะนำของ กกต. ส่วนกรณี กกต.กำลังรวบรวมข้อมูลตรวจสอบคณะก้าวหน้า หลังมีผู้ร้องเรียนว่ามีลักษณะการเคลื่อนไหวคล้ายกับพรรคการเมืองนั้น ถ้า กกต.กังวล ก็ต้องให้เขาจัดการเอง แต่ไม่แน่ใจว่า กกต.กังวลจริงหรือไม่ ซึ่ง กกต.ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปกางกติกาแล้วออกมาพูด ส่วนที่มีคนไปยื่นร้องเรียนคณะก้าวหน้าก็เป็นเรื่องของ กกต.พิจารณา
    เมื่อถามว่า การดำเนินการในฐานะกลุ่มการเมืองกับพรรคการเมืองมีความก้ำกึ่งกันใช่หรือไม่ นายวิษณุยอมรับว่า มีความก้ำกึ่งกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบปัจเจกบุคคล แบบกลุ่ม หรือพรรคการเมือง ทั้งหมดมีความก้ำกึ่งกัน อย่างไรก็ตาม อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของกลุ่มหรืออะไร เพราะเมื่อ กกต.บอกว่าพรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครได้ พรรคนั้นก็สามารถช่วยคนของเขาหาเสียงได้ ก็ไม่แปลกอะไร เพียงแต่ยกเว้นว่าข้าราชการการเมือง และสมาชิกสภา ห้ามไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น เขาแค่ห้ามคน ไม่ได้ห้ามพรรค
      นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวในประเด็นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าแต่ละท้องถิ่นมีหลายฝ่ายหลายกลุ่มที่อยู่รวมตัวกัน ซึ่งหลายกลุ่มก็ไม่ได้คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่เรียกร้องคือปัญหาแตกแยกทางความคิด ไม่อยากให้ลุกลามบานปลาย และอยากให้แก้ปัญหากันอย่างถูกต้อง หากเป็นการเมืองใหญ่ก็ต้องแก้กันที่สภา เรื่องท้องถิ่นก็ต้องบริหารจัดการแก้กันในท้องที่แต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ที่ต้องบริหารจัดการความแตกแยกทางความคิดให้ได้
แรมโบ้อัดเป็นเวรกรรม
    “กรณีนายธนาธรคิดว่าคงไม่ลุกลาม เป็นความแตกแยกทางความคิด ที่บางครั้งดูแล้วสุดโต่งไปของแต่ละฝั่งที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นที่ผมกังวล โดยเฉพาะปัญหาทางความคิดที่สุดขั้วเกินไป เป็นเรื่องที่ต้องประนีประนอมและหาข้อยุติ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่เคยมีความคิดนำไปสู่ความรุนแรง ไม่เคยมีนโยบาย ไม่เคยหยิบยกเรื่องพวกนี้มาพูดคุย และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหารุนแรงจนถึงขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดตามวิถีทางของประชาชนเอง โดยไม่มีผู้นำไปแบ่งแยก แต่ความแตกแยกทางความคิดนี้อาจจะลุกลามไปทั้งประเทศ เพราะความคิดเห็นทางการเมืองใหญ่ที่แตกแยกมันเป็นประเด็นที่สำคัญมาก จึงอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงความผาสุกและความสงบของประชาชน อยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว” นายอนุชากล่าว
    ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มองว่าเป็นเวรกรรมที่นายธนาธรได้สร้างไว้เอาไว้ ด้วยการสนับสนุนม็อบ 3 นิ้วที่ไปก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง ทำให้ประชาชนคนรักสถาบันไม่พอใจ เขาจึงแสดงออกให้นายธนาธรเห็นว่า นายธนาธรไม่เป็นที่ต้องการของคนไทย ส่วนที่นายธนาธรระบุว่าคนที่ออกมาขับไล่ เป็นพวกที่ถูกอำนาจเก่าสร้างภาพหลอน เพราะกลัวจะสูญเสียอำนาจนั้นไม่จริง นายธนาธรเลิกแต่งนิยายโกหกได้แล้ว คนรักสถาบันเขาทนไม่ได้เมื่อเห็นนายธนาธรมาย่ำยีคนที่เขารักเขาจึงต้องออกมา ฉะนั้นอย่ากล่าวหาอะไรลอยๆ
       “ขอให้นายธนาธรกลับตัวกลับใจเสียใหม่ เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เชื่อในระบบรัฐสภา อย่าเล่นการเมืองข้างถนน สนับสนุนม็อบให้ออกมาสร้างความวุ่นวายและหยุดจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน เชื่อว่าหากทำเช่นนี้ เส้นทางการเมืองของนายธนาธรจะไม่ถูกปิดตายแน่นอน” นายสุภรณ์กล่าว
        นายสุภรณ์ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช จะฟ้องร้องเรื่องดังกล่าวว่า น.ส.พรรณิการ์คงได้เดินสายฟ้องร้องคนทั่วแผ่นดินกว่า 60 ล้านคนเป็นแน่แท้ และคงไม่มีคุกใส่คนที่จงรักภักดี ซึ่งอยากหัวเราะ เพราะน่าจะไปฟ้องตนเองกับพรรคพวกดีกว่าไหมที่ยุให้คนออกมาชุมนุมบนท้องถนนทำผิดกฎหมายและก้าวล่วงสถาบัน
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า เคยเตือนนายธนาธรหลายครั้งว่าอย่ายุ่งกับสถาบัน ไม่ต้องปฏิรูป เพราะดีอยู่แล้ว แต่นายธนาธรไม่เคยฟัง จึงถูกพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันออกมาชูป้ายขับไล่  แทนที่นายธนาธรจะเข้าใจ กลับมองว่าเป็นเรื่องการเมือง เป็นการสร้างฝันร้ายให้ประชาชนกลัว เป็นหลุมพราง ซึ่งน่าเศร้าใจ นายธนาธรคงกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ
    “นายธนาธรอย่าท้าทายศรัทธาของประชาชน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากไว้กับทุกฝ่ายคือ การแสดงออกอย่างสันติ เห็นต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ขออย่ารุนแรง เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ส่วนวาทกรรมต่างๆ ของนายธนาธรนั้น ตั้งแต่รู้จักนายธนาธร ยังไม่เคยเห็นสิ่งไหนที่ทำเพื่อประชาชน นอกจากวาทกรรมลิงหลอกเจ้าไปวันๆ หรือวาทกรรมบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจเผด็จการ มีอยู่แค่นี้จริงๆ” นายธนกรกล่าว
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เห็นภาพรถถูกล้อม ยิ่งรู้สึกว่าเวรกรรมมันติดจรวด และเมื่อเห็นคลิปต่างๆ รู้สึกว่าจะสงสาร สมเพช หรือสมน้ำหน้าดี วันนี้นายธนาธรผู้โด่งดังในโลกโซเชียลได้ออกมาสัมผัสโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว
ข้องใจตั้งใจเป็นประเด็น
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวตอบโต้นายธนาธรที่ระบุว่ากำลังตกอยู่ในหลุมพรางเดิมที่เป็นฝันร้ายว่า อยากให้นายธนาธรตื่นจากฝัน สังคมเชื่อว่าไม่มีหลุมพรางใดจะใหญ่เท่าหลุมพรางที่ปากบอกว่าปฏิรูป แต่ใจอยากจะล้มล้างอีกแล้ว จึงอาจรวมตัวกันในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้หากรถคณะเดินทางของนายธนาธรรู้อยู่แล้วว่าตรงนั้นอาจไม่สะดวกที่จะผ่านไป แล้วทำไมไม่หาทางหลีกเลี่ยง ตั้งใจผ่านจุดนั้นทำไม
    น.ส.ทิพานันกล่าวว่า อยากให้นายธนาธรกล้าตื่นมาเจอความจริง ก่อนฝันร้ายจะถูกสร้างขึ้นมาหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น เพราะสิ่งที่เป็นภัยต่อคณะก้าวหน้ามากที่สุดตอนนี้คือ อาจมีที่ปรึกษากฎหมายคนเก่าจากอดีตพรรคอนาคตใหม่วางหลุมพรางเดิมๆ ให้คณะก้าวหน้าร่วมกันเดินสายหาเสียง ส่งตัวแทนเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกและนายก อบจ. 41 จังหวัด อาจเข้าข่ายดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 111
    “สิ่งที่เป็นภัยต่อพวกเรามากที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเจอเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา แต่เราเจอฝันร้ายที่ในนั้นมีคนคิดล้มชาติ ศาสน์ กษัตริย์  นั่นเอง" น.ส.ทิพานันกล่าว
    ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊กว่า คนใส่เสื้อเหลืองออกมารับเสด็จก็ดี ออกมาขับไล่นายธนาธรและพวก ขอความกรุณาอย่าโห่ไล่นายธนาธร แค่ตะโกนเรียกให้มาคุยด้วย แล้วถามคำถามเห็นด้วยกับการกระทำและข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ให้เขาตอบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมก็น่าเพียงพอแล้ว สู้ด้วยเหตุผล พูดคุยด้วยสุนทรีย์ สนทนา อย่าหยาบคาย อย่าใช้ความรุนแรงให้เขานำไปสร้างวาทกรรมกล่าวหาว่าเราเป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงเลย
    รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ตั้งข้อสังเกตกรณีนายธนาธรโพสต์เรื่องหลุมพรางฝันร้าย ว่านายธนาธรไม่ได้ยินเสียงของประชาชนที่ออกมาขับไล่ตัวเองเลย จึงได้เฉไฉตอบโต้แบบออกทะเล เพราะข้อความที่ประชาชนเหล่านั้นพยายามสื่อถึงนายธนาธรชัดเจนมากคือเรื่องข้อเสนอปฏิรูป 10 ข้อ การปฏิรูปที่หนักข้อขึ้นทุกวัน พวกเขาเห็นว่านายธนาธรก็เห็นดีเห็นงาม และไม่เคยตำหนิการกระทำเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงเชื่อว่านายธนาธรกับม็อบคณะราษฎร 2563 เป็นเนื้อเดียวกัน แยกกันไม่ออก เขาจึงออกมาประท้วงขับไล่    
เรียงหน้าป้องพ่อฟ้า
     นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวตอบโต้นายธนกรว่า นอกจากนายธนกรจะนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือเพื่อใส่ร้ายผู้อื่นแล้ว นายธนกรยังเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากล่าวอ้างอีกด้วย นายธนกรคือบุคคลที่สมควรได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ดึงฟ้ามาต่ำจริงๆ
    “ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยไม่นำพาไปสู่การพูดคุยกันด้วยสติปัญญาเสียที ก็เพราะผู้เห็นต่างไม่พยายามพูดคุยกันด้วยวิถีของปัญญาชน ถนัดแต่จะใส่ร้าย กล่าวอ้างผลักให้คนเห็นต่างคือคนผิด ไม่ว่าจะเอะอะอ้างสถาบัน เอะอะอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะเอากันแบบนี้ก็ได้ เพราะผมเชื่อว่าดูไม่ยาก ไม่ว่าใครก็มองเห็นว่าลักษณะไหนคือคนบาปแท้จริง” นายณัฐชากล่าว และว่า ในฐานะลูกหลานคนนครศรีธรรมราช รู้สึกเสียดายที่มีกลุ่มคนเพียงหยิบมือออกมาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงอยากวิงวอนพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช และจังหวัดอื่นๆ มาร่วมกันแสดงออก  แม้จะมีความคิดความเห็นที่แตกต่างกันด้วยเหตุผล
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรค ก.ก. เป็นประธาน ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงาน กกต. และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อสอบถามความคืบหน้าการเตรียมการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ. รวมถึงเหตุการณ์ที่นายธนาธรถูกต่อต้าน
         โดยนายปดิพัทธ์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการนำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันมาโจมตีอีกฝ่าย เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ในฐานะเลขานุการ กมธ. ก็สอบถามถึงกลุ่มมวลชนใส่เสื้อสีเหลืองกล่าวหานายธนาธรว่าล้มล้างสถาบันว่า กกต.จะดำเนินการอย่างไร ขณะที่นายเรืองฤทธิ์ โพธิพรหม ผู้ประสานงานกลุ่ม WE Watch ก็สอบถามถึงมาตรการกรณีบุคคลเข้าไปห้ามหรือขัดขวางการหาเสียง
        นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รักษาการรองเลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า การขัดขวางการหาเสียง หรือการทำความเข้าใจกติกา จะประชุมผู้สมัครแต่ละจังหวัดร่วมกับ กกต.จังหวัด เพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้
ส่วนนายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชี้แจงว่า รมว.มหาดไทยเน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ทำงานอย่างเป็นกลาง โปร่งใส ส่วนการขัดขวางการหาเสียงและการนำสถาบันมาเกี่ยวข้อง หากเป็นการทำนอกกรอบกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการ
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อทางการเมืองกันอย่างไร แต่คนที่เกิดมาเป็นคนไทยต้องสามารถเดินทางไปได้ทุกหนทุกแห่ง ความเชื่อทางการเมืองใดก็ตาม แม้จะมีความเห็นที่ต่างกัน แต่เราควรที่จะยึดแนวทางสันติวิธี หลายๆ คนอาจจะย้อนว่าภาพต่างๆ ในอดีตของพี่น้องคนเสื้อแดง ตนก็อยากจะบอกว่าหลายเรื่องก็เหมือนภาพที่นายธนาธรไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าวนั้น และบัดนี้ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อ้างว่าเข้ามาเพื่อรักษาความสงบ จนกระทั่งรอยต่อของการสืบทอดอำนาจ ก็พูดชัดเจนว่าเลือกความสงบ จบที่ลุงตู่ ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีนี้ มีโอกาสที่จะสร้างความสมานฉันท์ขึ้นมาในชาติ ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้กระทำ
"เสื้อเหลืองที่ทำหน้าที่ในการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน นี่คือสิ่งที่ต้องยกย่องในการทำหน้าที่ จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกับใคร มีแต่การเปล่งวาจาส่งเสียงทรงพระเจริญ แต่เสื้อเหลืองที่ปกป้องนักการเมืองโดยแอบอ้างสถาบัน นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง หากต้องการจะปกป้องนักการเมืองหรืออำนาจของนักการเมือง หรือต้องการจะสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมืองและต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม ก็ไม่ควรที่จะใส่เสื้อเหลืองนำพระบรมฉายาลักษณ์เข้ามาประกอบ เพราะเป็นคนละเรื่องกับเสื้อเหลืองที่แสดงออกด้วยความจงรักภักดีอย่างแท้จริง" นายจตุพร กล่าว.

    

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"