เทรนด์ความงามที่ตอบโจทย์


เพิ่มเพื่อน    


    การเติบโตของธุรกิจความงามในเมืองไทยยังไปได้สวย จะเห็นภาพของการเปิดบริการคลินิกความงาม ร้านเสริมสวย หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเมกอัพ ที่มีวางจำหน่ายกันตามท้องตลาดจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวพรรณของตัวเอง
    จากสถิติของตลาดความงามในประเทศไทย พบว่ามีความน่าสนใจด้วยมูลค่าที่สูงถึง 5.7 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 3.8% โดยข้อมูลวิจัยชุด “ตลาดเครื่องสำอางและความงามไทย” ได้สรุปสิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้และนำไปปรับใช้หลายด้าน ทั้งในเรื่องของการเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคและความต้องการ ตลอดจนแนวโน้มตลาดว่ามีทิศทางเป็นเช่นไรอีกด้วย หากมีข้อมูลที่ทำให้วางแผนได้ตรงจุด ก็จะสามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม
    ก่อนจะเฉลยว่าควรตีโจทย์การตลาดอย่างไร มาดูกันก่อนว่าตลาดเครื่องสำอางไทยแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม และมีอัตราการเติบโตอย่างไรกันบ้าง สำหรับตลาดความงามในเมืองไทยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผมและศีรษะ (Hair Care) เติบโตในอัตรา 0.8% 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ (Body Care) เติบโต 3.5% 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Face Care) โตประมาณ 4.5% และ 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์เมกอัพ (Make Up) เติบโต 16%
    เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนต่อมูลค่าตลาดรวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม จะเห็นว่าสินค้ากลุ่มดูแลผิวหน้า หรือ Face Care เป็นสัดส่วนสูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาด รองลงมาได้แก่ กลุ่มแฮร์แคร์ กลุ่มเมกอัพ และกลุ่มบอดี้แคร์ ในสัดส่วน 33%, 16% และ 11% ตามลำดับ โดยกลุ่มบอดี้แคร์จะมีสัดส่วนน้อยที่สุด
    ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจะอยู่ในกลุ่มเมกอัพ หรือเป็นสินค้าประเภทที่ต้องใช้เป็นประจำ อาทิ ดินสอเขียนคิ้ว รองพื้น และลิปสติก ขณะเดียวกันยังเป็นการเติบโตของยอดขายจากผู้ซื้อปัจจุบัน 74% การขยายตัวของผู้ซื้อรายใหม่คิดเป็น 4% โดยเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในเขตตัวเมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยการเติบโตนี้เกิดจากปัจจัยของการซื้อที่ตอบสนองด้านอารมณ์ที่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง ยิ่งกว่านี้ สินค้ากลุ่มเมกอัพยังมีช่องว่างให้เติบโตไปได้อีกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดความงามอย่างประเทศเกาหลี ที่สามารถเจาะตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถึง 85% ในขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ 48%
    หากมาดูเรื่องของกลุ่มเป้าหมายของตลาดความงามในเมืองไทยเปลี่ยนไปจากอดีตค่อนข้างมาก โดยกลุ่มที่ทำให้ตลาดเติบโตแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Gen Z, กลุ่ม Millennials กลุ่ม Gen X และกลุ่ม Baby Boomer สำหรับกลุ่ม Millennials หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 23-39 ปี ที่อยู่ในวัยเริ่มทำงาน จะเป็นกลุ่มหลักที่สัดส่วนถึง 43% ต่อยอดขายโดยภาพรวม ทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณ โดยที่กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นจะเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของตลาดอีกด้วย
    สำหรับความเห็นจาก “อิษณาติ วุฒิธนากุล” ผู้อำนวยการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์กลุ่มความงาม แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์สำคัญที่เจาะให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องเป็นกลยุทธ์ที่สามารถผนวกรวมระหว่างโลกของยุคดิจิทัล สังคม และธุรกิจที่เป็นหนึ่งเดียว การนำกลยุทธ์ Micro Influencer มาใช้อย่างถูกต้อง และเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคด้านความงามในปัจจุบันอย่างถ่องแท้ ว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นการป้องกัน หรือประเภท Anti-Aging มากกว่าต้องการการแก้ไข 
    ทั้งนี้ ผู้บริโภคปัจจุบันมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทสวยเร่งด่วน และต้องการความสะดวกสบาย เป็นสูตรสำเร็จแบบออล-อิน-วัน เน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นสินค้าที่มีเรื่องราว มีความเป็นมา และอยู่ในยุคสมัยอีกด้วย
    อย่างไรก็ดี สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มความงามในประเทศไทยนั้น จากข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นถึงสถานะและปัจจัยต่อตลาดไทยหลายอย่างที่ยังทำให้มีโอกาสเติบโตไปได้อีกมาก นอกจากนี้ ออนไลน์เป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญยิ่งในอนาคต โดยหัวใจสู่ความสำเร็จในการยึดครองตลาดเป้าหมายคือ การแชร์ อัพเกรดและต้องออนไลน์ และการเจาะตลาดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ผู้ประกอบการหรือแบรนด์สินค้าจะต้องพัฒนาสินค้าและหาแคมเปญที่โดนใจควบคู่กันไปด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"