ป้ายขับไล่ลาม'ก้าวไกล'!มวลชนอยุธยาฮือต้าน'พิธา'นำส.ส.ลงพื้นที่


เพิ่มเพื่อน    

15 พ.ย.63-นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคฯ นางอมรัตน์  โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ  นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพ.ต.ต.ชวลิต  เลาหอุดมพันธ์ ร่วมกันพบปะประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

ทั้งนี้ ได้มีประชาชนกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ ออกมาชูป้ายตะโกนขับไล่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ขณะลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้นายพิธา และนางอมรัตน์ ออกมาพูดคุย โดยมวลชนได้บอกให้พรรคเลิกสนับสนุนการชุมนุม และยกเลิกการปฏิรูปสถาบัน จนเกิดการโต้เถียงกันนานกว่า 20 นาที ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของตำรวจ ก่อนที่มวลชนจะแยกย้าย ขณะที่กลุ่ม ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ก็เดินทางกลับทันที

นายพิธา กล่าวว่า วันนี้มาพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเหตุผลด้วยกัน 2 ประการ 1.ขณะนี้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งจากราคาพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก รวมทั้งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดอยุธยาเจอกับปัญหาขยะ ที่เป็นปัญหาสะสมมานาน 2.ได้รับรายงานปัญหา โครงการ’คนละครึ่ง’ ของรัฐบาล ที่มีปัญหาในด้านต่างๆ จึงตั้งใจเดินทางมารับฟังปัญหาเพื่อหาแนวทางแก้ไขและใช้กลไกรัฐสภาผลักดันการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน นอกจากนี้อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้เคยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดอยุธยาถึง 6 หมื่นเสียง พวกเราในฐานะผู้แทนของทุกคนในวันนี้ จึงตั้งใจมารับฟังปัญหาเพื่อนำไปแก้ไข และตั้งใจที่จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน

“ได้รับทราบว่ามีประชาชน กลุ่มคนรักสถาบันฯ มารวมตัวกันที่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล มารอกลางแดดเป็นเวลานาน ผมก็เคารพพวกเขาทุกคน และผมในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชนทุกคน จึงต้องไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนเพราะการพูดคุยเป็นหนทางในการรับฟังความเห็น ความต้องการของประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างๆ อย่างสันติวิธี พอได้พูดคุยก็ได้รับทราบว่าพวกเขามีความกังวลใจเรื่องข้อเสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมได้อธิบายด้วยเหตุด้วยผล นำข้อเท็จจริงมาพูดคุยกัน รวมทั้งบอกว่าการปฏิรูปไม่ได้เท่ากับการล้มล้างสถาบันฯ ที่ผ่านมาจากการที่ไม่ได้มีพื้นที่พูดคุยกัน ทำให้มีประชาชนเข้าใจผิดและมีการอนุมานไปในอีกทางหนึ่งคิดว่าการปฏิรูปคือการล้มล้าง แต่ที่จริงแล้วการปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวด้วยว่า จากการได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้ นอกจากจะมีความเห็นต่างกันแล้ว ก็ยังเห็นร่วมกันในประเด็นที่ว่า รัฐสภาต้องเป็นต้นแบบในการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ และมีความปราณีต เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนดีขึ้นในยุคสมัยที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป เมื่อการเมืองนิ่ง ประเด็นเหล่านี้ถูกพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ และพูดคุยกันในพื้นที่ปลอดภัย ประเทศไทยของเราจะได้ใช้สมาธิในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน รวมทั้งในการนี้พี่น้องประชาชนปกป้องสถาบันฯ ได้ฝากการบ้านให้ผลักดันเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งตนเองก็รับฟังและพร้อมนำปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไปแก้ไขผ่านกลไกรัฐสภาและกรรมาธิการพลังงานที่มี ส.ส.พรรคก้าวไกลอยู่ด้วยเพื่อช่วยลดต้นทุนค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน

นายพิธา กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า วันที่ 17- 18 พ.ย. ที่จะมีการพิจารณาและลงมติ ร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภา จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี รัฐบาลและองคาพยพทั้งหมดเปลี่ยนจุดยืนไปมา สร้างความสับสนให้กับสังคม ยิ่งไปกว่านั้น การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับและเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหนทางนี้จะเป็นทางออกของประเทศมากกว่า การตั้งคณะกรรมการคณะไหนทั้งสิ้น แม้แต่การตั้งคณะกรรมการปรองดองก็ตาม 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"