การแสดงออกซึ่งความเห็นทางการเมืองอันหลากหลาย ด้วยข้ออ้างว่าภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ยังคงมีให้เห็นให้เสพอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบต่างๆ จนดูเหมือนกลายเป็น "อีเวนต์" ทางการเมือง ไม่แตกต่างจากการเล่นคอนเสิร์ต เพราะม็อบดาวกระจายนิยมชมชอบการนำเสนอที่มากกว่าการอภิปรายนั่นเอง

      จะถือเป็นเทรนด์ หรือยุทธศาสตร์ของคนรุ่นใหม่ ..ก็แล้วแต่คิดและเอาที่สบายใจ แต่ที่สุ่มเสี่ยงหมิ่นเหม่ให้เห็นเป็นทางลบก็มีอยู่พอสมควรเลยทีเดียว

      ยกตัวอย่างวิธีการของ "ม็อบตุ้งติ้ง" ที่แกนนำส่วนใหญ่จะมาจากภาคบริการบนถนนสีลมนั้น เมื่อถูกสื่อออกไปเป็นคลิปเล็กคลิปน้อยบนโซเชียล บรรดาพ่อแม่พี่น้องที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด แต่จะเปิดรับชมรับฟังจากคลิปแชร์ต่อกันทางไลน์เป็นทอดๆ ไม่รู้ไม่ชี้อะไรก็จะเหมาเอารวมว่า นี่เป็นม็อบของบรรดานักเรียนนักศึกษา แล้วก็พากันแสดงความกังวลต่างๆ นานา ส่วนใหญ่ก็เป็นทำนองตั้งคำถามว่า นี่หรือปัญญาชน

      ก็เรียกได้ว่า การนำเสนอของม็อบบางทีคึกคักครึกครื้นเกินงาม ก็ทำให้เข้าใจผิด และส่งผลต่อหลักการข้อเรียกร้องในการต่อสู้ที่จุดประเด็นกันมาตั้งแต่เริ่มแรกได้นะจ๊ะ..จะบอกให้

       สำหรับม็อบตุ้งติ้งที่ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศนั้น ก็ต้องยอมรับว่า สร้างสีสันบนถนนได้ตามเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สังคมไทยสงสัยก็เห็นจะเป็นคำถามที่ว่า เมืองไทยนี่แหละที่เปิดยอมรับความหลากหลายทางเพศมากที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้มิใช่หรือ?!?

      สังเกตได้จากทีวีแทบทุกช่องที่มีตัวละคร พิธีกร และผู้จัดรายการเพศที่สามเต็มพรึ่บ นอกจากนั้นบัดเดี๋ยวนี้ละครที่เรียกว่าซีรีส์วาย ก็ครองเรตติ้ง

      แล้วแบบนี้จะต้องการอะไรกันอีกเล่า..น่าสงสัยเสียจริง  เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนยอมรับโดยดุษณีกับชายรักชาย หญิงรักหญิง เหมือนๆ กันหมด เพราะถ้าบังคับกันให้คิดและชอบเหมือนกัน ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว ..จริงไหม

      แค่ซีรีส์วายที่เรตติ้งพุ่งกระฉูดเล่นเอาดาราผู้หญิงตกงานไปตามๆ กัน มันก็สะท้อนบอกแล้วนะว่า สังคมไทยเปิดใจกว้างขนาดไหน แม้แต่มนุษย์ป้าเองยังต้องเปิดหูเปิดตารับรู้เลยว่า ตอนนี้ซีรีส์วายกำลังครองเมือง.

                       

                                                       "ป้าเอง"