ไม่ใช้ม.112โดน157 ‘ประยุทธ์’โยนเป็นเรื่องของตำรวจทำตามหลักฐาน/รุมยำ‘ส.ศิวรักษ์’


เพิ่มเพื่อน    

 

"บิ๊กตู่" ลั่น! ม.112 เป็นเรื่องของตำรวจ จะให้ละเว้นมากก็โดน 157 "ดอน" เผยต่างชาติเงียบกริบไม่เห็นใครว่าอะไร   ขณะที่คนในรัฐบาลถล่ม "ส.ศิวรักษ์" เละ "แรมโบ้" ด่าแหลกหนักแผ่นดิน เหมือนตะวันใกล้ตกดิน "เทพมนตรี" แฉเนรคุณ ตายไปก็มีแต่คนสาปแช่ง ด้าน "ส." แจง แค่ให้ขับรถไปส่งในวัง ไม่ถือโทษโกรธอะไร
    เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการบังคับใช้มาตรา 112 ว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขาต้องทำไปตามข้อมูลและหลักฐานขึ้นไป แต่ทั้งหมดไม่ได้จบที่ตรงนี้  ต้องอยู่ที่ศาลด้วย ซึ่งศาลเป็นองค์กรอิสระ รัฐบาลไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงกับอำนาจทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งภาคธุรการ ภาคตุลาการ อัยการ ศาล ไม่ได้เลย นายกฯ ไม่มีอำนาจตรงโน้น แต่ตรงนี้อำนาจของตนเพียงให้เขาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องภายหลัง ก็ต้องระมัดระวังซึ่งกันและกันให้มากที่สุด และขอร้องสื่อให้ช่วยกันทำด้วยแล้วกัน ให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ถ้าเคารพกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตำรวจหรือใครมาทำหน้าที่หรอก
    เมื่อถามว่า นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม เรียกร้องให้นายกฯ ทบทวนการใช้มาตรา 112 นายกฯ ชี้แจงว่าตนเองไม่ได้เป็นคนใช้ แต่เจ้าหน้าที่เป็นคนใช้ กฎหมายมีอยู่แล้วหรือยังล่ะ ก็มีทุกตัว "ถ้าผมละเว้นมากๆ ผมก็โดนมาตรา 157"
    นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่บังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กับแกนนำกลุ่มราษฎร ซึ่งบางฝ่ายมองว่าขัดต่อหลักสากลว่า ว่ากันตามกฎหมาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ เท่าที่รับฟังมาจากการพบปะต่างประเทศไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครถาม ถ้าจะมีเขาจะมองในมุมที่เปรียบเทียบกับบ้านเขา สถานการณ์ในบ้านเราก็เท่ากับอนุบาลหรือประถม เพราะในต่างประเทศจะเจอบ่อย เขาต้องไล่ทุบไล่ตีกัน ซึ่งเขาไม่ได้มาห่วงกังวลบ้านเราในเรื่องนี้ และเราหวังว่าในบ้านเราจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้  
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินคดีตามมาตรา 112 มันมีกระบวนการของมัน กระบวนการที่ใช้ในอดีตก็ยังเป็นกระบวนการที่ใช้ในปัจจุบัน หนึ่งกฎหมายมาตรา 112 ยังมีอยู่ สองจะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของเหตุการณ์ วันนี้เมื่อมีการพูดจาไปถึงขั้นเข้าข่ายความผิดของมาตรานั้นจริงๆ จะละเว้นเสียก็คงลำบาก แต่กระบวนการในการดำเนินก็มีอยู่ เพื่อกลั่นกรองไม่ให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่จะตัดทิ้งไปเพราะยังมีอยู่ และไม่ใช่ว่าใครคิดจะทำก็ทำได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการพิเศษของกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่แตกต่างจากมาตราอื่นที่ไม่มีกระบวนการ ส่วนกระบวนการเป็นอย่างไรนั้น ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้อธิบาย
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ที่นายกฯ นำมาตรา 112 มาใช้ ถือว่าได้ทำตามกฎหมายที่นำมาใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งนายสุลักษณ์ก็ย่อมรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก้าวร้าว จาบจ้วง บิดเบือนใส่ร้ายสถาบันและองค์ในหลวงให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง พร้อมกับยืนยันว่านายกฯ เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีอย่างมาก ไม่เคยขัดพระราชโองการ และมาตรา 112 ยังมีไว้กับคนที่บิดเบือน ก้าวล่วงพระราชวงศ์ คนเหล่านี้สมควรต้องได้รับโทษให้สาสมแก่ใจ และถือว่าเป็นคนสิ้นคิดและหนักแผ่นดินจริง
ถล่ม "ส.ศิวรักษ์"
    “ส.ศิวรักษ์ เปรียบเหมือนตะวันใกล้ตกดิน ไม่ควรออกมาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ถามว่าตั้งแต่หนุ่มจนแก่ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง มีแต่คอยจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันมาโดยตลอด คนประเภทนี้ไปอยู่ที่ไหนก็หนักแผ่นดิน มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ มีแต่คิดร้ายต่อสถาบันโดยไม่กลัวขี้กลากกินหัว ตายไปก็ตกนรกลงกระทะทองแดง เพราะไม่สำนึกต่อคุณแผ่นดินและพระบารมีบูรพกษัตริย์ไทยที่ปกป้องแผ่นดินให้มีแผ่นดินอยู่อาศัยจนนายสุลักษณ์ได้ดำรงชีวิตตั้งแต่เด็กจนแก่เฒ่ามา จนเกือบจะใกล้ลงโลงอยู่แล้ว ยังไร้จิตสำนึกอีก คนแบบนี้เปรียบเหมือนภาษิต แก่เพราะอยู่นาน ไม่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินเลยสักนิด เปรียบเสมือนยาหมดอายุ ไม่ควรให้ค่า และ ส.ศิวรักษ์ก็มีอายุมากแล้ว ควรเอาเวลาไปเลี้ยงหลานหรือเข้าวัดทำบุญมากกว่า จะได้ไถ่บาปที่คิดร้ายต่อสถาบันตลอดมาทั้งชีวิต และไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอีกต่อไป” นายสุภรณ์กล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากจะถามนายสุลักษณ์ว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ไปร่วมม็อบ แต่ไม่ได้ยินหรือว่าแกนนำม็อบใช้วาจาหยาบคายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งประเทศ เป็นการทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งไม่ใช่การปฏิรูป ที่สำคัญ ประชาชนผู้จงรักภักดีเป็นคนไปแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา112 เพราะทนไม่ได้ที่แกนนำม็อบจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทุกคน ตำรวจจึงต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายมาตรา 157
    นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ ส.ศิวรักษ์.... เนรคุณ ระบุตอนหนึ่งว่า  อยากให้ทุกคนรู้ความจริง ผมเป็นคนร่าง (ฎีกา) จดหมายขอพระราชทานอภัยโทษ มาตรา 112 ให้ ส.ศิวรักษ์เอง ที่โดนคดีสมเด็จพระนเรศเพราะปากดีที่ธรรมศาสตร์ ตอนแรกแกเขียนมาอ่านไม่รู้เรื่อง ใช้ราชาศัพท์ผิด เห็นคุยนักคุยหนาว่ารู้ขนบธรรมเนียม มันก็ขี้กลากตัวหนึ่ง ไม่รู้เรื่องอันใด
    "ใครจะนับถือมันก็นับถือไป แต่ผมไม่เอามันไว้ คนอกตัญญู โทรมาหาผม แทบจะกราบเท้า อ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ผมเห็นแก่ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ จึงช่วย แต่พอได้สมใจตนเองก็ไปอวดอ้างตน และไปเข้าข้างพวกที่ใส่ร้ายป้ายสี พวกที่จะล้มพระองค์ท่าน เป็นใครที่ได้เห็นได้รับรู้การกระทำแบบนี้จะเสียใจไหม ผมขอถามหน่อยเถอะ มีความเป็นคนมากน้อยเพียงใดกัน มาวันนี้มันชัดแล้ว ไม่ต้องมาขอพระราชทานอภัยโทษอะไรอีก คนเยี่ยงนี้ตายไปก็มีแต่คนสาปแช่ง นรกขุมไหนเดาเอาเองครับ ขี้เกียจพูดแล้ว ผมเองรู้สึกผิดจริงๆ ที่ช่วยมันครับ" นายเทพมนตรีระบุ
    ขณะที่นายสุลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า แม้โบราณว่า หมาเห่าอย่าเห่าตอบ แต่เห็นกรณีที่นายเทพมนตรี ลิมปพยอม เขียนข้อความแพร่หลายนั้น มีคนสนใจกันมาก ผมจึงจะเล่าความจริงให้ฟัง  เมื่อผมโดนคดีกรณี "หมิ่นพระนเรศวร" ผมเตรียมทำฎีกาถวายพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ปรึกษานายพิริยะ ไกรฤกษ์ ว่า ผมทำจดหมายกราบบังคมทูลให้น้องชายเขาที่ทำงานในวังถวายได้ไหม นายพิริยะก็บอกว่า น้องชายเขาคงไม่สะดวก แต่เขามีคนคนหนึ่งที่ฝักใฝ่อยู่กับเขาชื่อ เทพมนตรี เขาจะนำถวายให้ได้ ผมก็ดีใจ นึกว่าจะวานเทพมนตรีส่งจดหมายถึงในวังได้ เรื่องฎีกานั้นผมเป็นคนเขียนเอง เขาไม่ได้มาแก้อะไรให้ผม
ไม่ถือโทษโกรธอะไร
    เผอิญหลังงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 2560 พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแส (ผ่านทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ให้ผมไปเฝ้าฯ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เทพมนตรีเขาก็บอกว่า เขายินดีขับรถพาผมไปในวัง เขาก็ขับรถมารับผมไปเฝ้าฯ ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน
    ผมก็ได้รับพระราชปฏิสันถารเป็นส่วนตัวกับพระองค์ท่าน ส่วนเทพมนตรีนั้นรออยู่ข้างนอก และเขาก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน ผมก็ขอบอกขอบใจเขา เรื่องมันก็ควรจะจบเท่านั้น ผมก็ยังนึกขอบใจเขาอยู่ที่ขับรถให้ผมในวันนั้น ที่จริงวันนั้น มีลูกศิษย์ลูกหาของผมอาสาจะขับรถให้อยู่ แต่ผมเห็นว่า เทพมนตรีเขาอาสาแล้ว และเขาคุ้นเคยกับทางวัง ผมจึงให้เขาขับรถให้
    "จากนั้นมาจนวันนี้เกือบจะครบ 3 ปีแล้ว เราก็ไม่เคยพบกันอีกเลย ผมก็ไม่เคยกล่าวร้ายป้ายสีอะไรเขา แต่ถ้าเขาจะกล่าวร้ายป้ายสีผม ผมก็ไม่ว่าอะไร ไม่ถือโทษโกรธอะไร" ส.ศิวรักษ์ระบุ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความแสดงตความเห็น แนะนำเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีรายละเอียดว่าเคยเขียนและเคยพูดไว้หลายครั้งว่า ชีวิตมนุษย์เขาไม่นำไปทดลองในเรื่อง 2 เรื่อง คือทดลองยา กับ ทดลองกฎหมาย ยาที่จะใช้กับมนุษย์ต้องทดลองกับสัตว์ก่อนจนปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับมนุษย์ ส่วนกฎหมายนั้น การกระทำอย่างใดผิดกฎหมายหรือไม่ ผิดแล้วลงโทษเท่าไหร่ อย่าไปทดลองไม่คุ้มหรอก
    การกระทำใด ผิด ปอ.มาตรา 112  หรือไม่ อย่าไปทดลอง ไม่คุ้มครับ และไม่มีใครเขายกย่องหรอก ทำแล้วเข้าไปอยู่ในคุกสัก 2-3 ปี คนที่เคยปรบมือให้หน้าเวทีเดี๋ยวเขาก็ลืม ออกจากคุกมาก็ไม่มีใครจำได้หรอก
    มาตรา 112 ไม่มีใครยกเว้นให้ใครได้ การกระทำผิดกฎหมายทุกเรื่องอาจยกเว้นไม่ลงโทษได้ด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษอย่างเดียวเท่านั้น ที่อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ พูดเรื่อง ม.112 ท่านก็พูดของท่านไป แต่เห็นได้ชัดว่าที่ ส.ศิวรักษ์ไม่ถูกลงโทษก็เพราะพระเมตตาด้วยการพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์หรือพระประมุขแห่งรัฐ
    ผมอ่านคำสัมภาษณ์ของท่านรองนายกฯ วิษณุ น่าสนใจ ท่านกล่าวว่า ม.112 ยังมีอยู่ หากเข้าข่ายคงละเว้นลำบาก แต่กระบวนการดำเนินการต่างจากความผิดทั่วไป ผมว่า ถ้าเราช่วยกันพูด เตือนสติเด็กๆ อย่าให้ท้ายเด็ก เหตุการณ์ก็ไม่ลุกลาม แต่ไม่ค่อยมีคนพูดความจริงให้เด็กฟัง จะรักนวลสงวนตัวกันไปถึงไหน วันนี้ ดอกพิกุลร่วงจากปากท่านรองนายกฯ วิษณุแล้ว ก็ให้ผู้ชุมนุมระวังไว้ ผมก็พยายามเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ เตือนไปทัวร์ก็ลงเป็นระยะๆ แต่ก็ต้องทำ ชีวิต-ร่างกายเป็นของเราทุกคน ใครจะใช้ชีวิตนอกคุก หรือในคุก ก็เป็น "สิทธิ-เสรีภาพ" ในชีวิต-ร่างกาย ของท่าน ก็เป็นสิทธิที่ท่านเรียกร้องอยู่ทุกวันนั่นแหละ
         ขณะที่นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก เผยว่า  แม่ก็ส่งจดหมายมาให้ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ สน.ชนะสงคราม กรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน ตำรวจเขาจะแจ้งมาตรา 112 เพิ่ม ฉบับที่ 2 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. เขาจะแจ้งมาตรา 112 จากกรณีเขียนจดหมายถึงในหลวงเมื่อวันที่ 8 พ.ย.
         "ชีวิตมันไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องพวกนี้แล้ว ปล่อยวาง และปล่อยผ่านเหมือนนั่งจิบเบียร์ฟังเพลงบลูส์ในผับแถวถนนพระอาทิตย์" นายอานนท์ระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่นำธนบัตร “คูปองเป็ด” มาใช้แลกซื้อของกับร้านค้ารถเข็นภายในม็อบราษฎร หรือฉายา CIA ในการชุมนุมที่เอสซีบีปาร์คเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ในความผิดมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อความที่อยู่บนคูปองว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งภายหลังการวบรวมพยานหลักฐาน หากเข้าข่ายความผิด จะประมวลส่งเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาสั่งการต่อไป.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"