ออกหมายจับการ์ด3นิ้วยิงกันเอง


เพิ่มเพื่อน    

 

สารพัดคลิปว่อนโซเชียลประจานชุมนุมกลุ่มราษฎรหน้าไทยพาณิชย์ ชี้ชัด “การ์ด” เขม่นกันเองจากเรื่องสถาบัน ก่อนใช้ทั้งระเบิดปิงปองและปืน ท่อน้ำเลี้ยงยังระอาบอกคุมไม่อยู่ สื่อช่อง 3 เดือดถูกขัดขวางบันทึกภาพ ทั้งผลักอก-รุมต่อย รับไม่เคยเจอทั้งที่ทำม็อบมาทุกเสื้อสี “บิ๊กตู่” สั่งเร่งเคลียร์คดี หวั่นโยนขี้รัฐบาล “ตำรวจ” เตรียมออกหมายจับ “ภาสพงศ์” เจ้าของปืน เล็งเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ แต่คงคุยแกนนำไม่ได้เพราะมีคดีติดตัว ฝ่ายค้านอดโหนม็อบ สภาโหวตให้เดินตามวาระ
    ตลอดทั้งวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์และติดตามอย่างต่อเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่หน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะในเหตุการณ์ช่วงดึกที่เกิดเหตุยิงปืนและปาระเบิดปิงปองจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยในสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอหลายคลิป โดยคลิปหนึ่งมีความยาว 48 วินาที ซึ่งคาดว่าเป็นการ์ดคณะราษฎร พูดคุยกันหลังเกิดเหตุการณ์ อาทิ "ผมเป็นคนเคลียร์ด้วย พอตอนที่มีปัญหากันระหว่าง 2 ฝ่าย ผมเก็บทุกอย่างแล้ว แต่ผมขออย่างเดียว อย่าให้สื่อรู้ ถ้าสื่อรู้เราเสียกันหมด"
    ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chomkair Boonterm ได้โพสต์คลิปไปยังห้อง No Sugar อร่อยซ่าไม่มีน้ำตาล คลิปนี้คาดว่าน่าจะอยู่บนรถพยาบาลระหว่างลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการสนทนาหลักๆ ของชาย 2 คน ความยาว 53 วินาที ซักถามถึงการยิง ซึ่งผู้บาดเจ็บก็ยอมรับว่าเป็นการยิงกันเพราะเหตุปัญหาของสถาบันการศึกษาที่เขม่นกันมาก่อน แต่กลับมาเป็นการ์ดในเวทีเดียวกัน
ในขณะที่เพจฟันเฟืองธนบุรี-Gear Of Red Thonburi โพสต์แถลงการณ์เรื่องดังกล่าวว่า มีความชัดเจนจากหลักฐานว่ามีกลุ่มคนจากฝ่ายที่ต้องการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มอาชีวะกลุ่มหนึ่งเพื่อก่อความไม่สงบ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก แต่เราฟันเฟืองประชาธิปไตย จะยืนหยัดในการต่อสู้อย่างสันติ ปราศจากอาวุธต่อไป และขอให้ผู้ที่สร้างสถานการณ์หรือมีส่วนรู้เห็นออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
    “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้ลดทอนความเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางประชาธิปไตย หากแต่ยังสร้างให้เรามีความเหนียวแน่นกันมากยิ่งขึ้น และเราจะดำเนินการไปด้วยกัน เพื่อให้ผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับความเป็นธรรม ทั้งทางกฎหมายและภาคสังคม”
    ขณะที่นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือบุ๊ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเครือข่ายคนเสื้อแดง ท่อน้ำเลี้ยงม็อบและผู้สนับสนุนด้านสวัสดิการต่างๆ ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กถึงการบริหารจัดการภายในม็อบ โดยยอมรับว่า การ์ดหลายๆ กลุ่มทะเลาะกัน ไม่ถูกกัน ในส่วนนี้ไม่มีใครอาสาจัดการ เราก็พยายามประสานรอยร้าวให้ แต่ที่แก้ไม่ได้เลยก็คือการ์ดอาชีวะ ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงความเป็นอาชีวะได้เลยแม้แต่นิดเดียว อาชีวะพอรวมตัวกันจะมีความยึดมั่นถือมั่นที่ตนพยายามจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ
ด้านนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ในช่วงค่ำวันที่ 25 พ.ย.ว่า “สันติวิธีไม่ได้แปลว่าให้ยื่นดอกไม้ให้คนที่ทำร้ายเรา อันนั้นสันติวิธีดัดจริต สันติวิธีคือการทำให้เราน่ารัก เพื่อให้ภาพการใช้ความรุนแรงโดยรัฐออกมาแย่ที่สุดต่อสายตาประชาชนและประชาคมโลก และเพื่อให้ชัดเจนว่าถ้าเกิดความรุนแรงขึ้น มันไม่ได้มาจากฝ่ายเรา” แต่ต่อมานายพริษฐ์ได้ลบทวีตดังกล่าวไป
จี้ม็อบให้สื่อทำหน้าที่
นอกจากนั้น เฟซบุ๊กของนายนันทวุธ สังข์ทองดี ช่างภาพที่ถูกการ์ดของกลุ่มราษฎรผลักตกจากแท่นแบริเออร์โพสต์ว่า เริ่มอาชีพการเป็นช่างภาพข่าวมาตั้งแต่ปี 2548 ถึงตอนนี้ 16 ปีแล้ว ผ่านมาแทบจะทุกม็อบการเรียกร้อง แต่วันนี้กลับต้องมาโดนการ์ดของม็อบคณะราษฎรทำร้ายร่างกาย โดยผลักอกและจะเข้ามาต่อยจนตกจากแท่นปูนแบริเออร์ ในระหว่างเหตุการณ์ชุลมุนยิงกันบริเวณแยกเมเจอร์รัชโยธิน อยากฝากให้คิดกันไว้ว่า บางทีสื่อมวลชนไม่ใช่ผู้ขัดแย้งสำหรับพวกคุณ เสรีภาพสื่อเสรีภาพประชาชน
นายธีรุตม์ นิมโรธรรม ผู้สื่อข่าว 3 มิติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์เฟซบุ๊กในเหตุการณ์นี้เช่นกันว่า ฝากถึงผู้ควบคุมการ์ด การ์ดทุกมวลชน นี่คือความไม่โอเคที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลห้ามถ่ายความรุนแรงที่เกิดขึ้น คำถามคือ คุณเรียกร้องให้เราทำหน้าที่สื่อ เราทำหน้าที่ คุณควรทำหน้าที่ในขอบเขตคุณ ไม่ใช่การกระทำที่สุ่มเสี่ยงให้คนอื่นเกิดอันตรายแบบนี้ แล้วภาพตรงหน้าด้วยจรรยาบรรณ คือสิ่งที่ต้องบันทึก
    ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงเหตุยิงกันว่า ได้รับรายงานแล้ว และได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และเร่งสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ
    ที่ สน.พหลโยธิน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมคณะ ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีเหตุยิงกันของการ์ดคณะราษฎรจนมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ นายวันชัย อารีย์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี และนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค โดยใช้เวลาประชุมร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง
    โดย พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวว่า จากการสืบสวนและสอบสวนพยาน 3-4 ปาก ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับนายภาสพงศ์ในฐานครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากมีหลักฐานตั้งแต่ก่อนและขณะเกิดเหตุทั้งภาพกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลชัดเจน ส่วนอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 นั้น พบว่ามีทะเบียน แต่กำลังตรวจสอบเรื่องการครอบครองและลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงคราบเขม่าควัน
    ทั้งนี้ จากการสอบปากคำทราบว่าทั้งคู่เป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร แต่ทั้งคู่พ้นสภาพนักศึกษาอาชีวะทั้ง 2 สถาบัน โดยมีปัญหามาจากเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังยุติการชุมนุมแล้วมีฝ่ายหนึ่งเริ่มขว้างระเบิดปิงปองก่อนแล้วพากันวิ่งหลบหนี จนมีกลุ่มหนึ่งไล่ตาม และคว้าอาวุธปืนมายิง
    พล.ต.ต.จิรพัฒน์ยังกล่าวว่า มาตรการป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุมนั้น ตำรวจต้องขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมด้วยการแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนตำรวจเองก็จะเพิ่มความเข้มงวด แต่คงไม่สามารถตั้งด่านตรวจค้นได้อย่างทั่วถึง และคงหารือกับแกนนำผู้ชุมนุมได้หรือไม่ คงไม่มีโอกาส เพราะหลายคนมีคดีติดตัวกันอยู่แล้ว
    ด้าน พ.ต.ท.วิโรจน์ ผลบุญ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.พหลโยธิน กล่าวว่า เมื่อคืนกองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยนายวันชัยกำลังรักษาตัวที่ รพ.พระราม 9 ถูกยิงเข้าที่ท้อง ส่วนนายภาสพงศ์ถูกรุมทำร้ายร่างกายเนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เซนต์หลุยส์ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นของบุคคลใด เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ เพราะหนึ่งในผู้บาดเจ็บมีอาการสมองกระทบกระเทือน และยังไม่ได้อายัดตัว ต้องตรวจสอบคลิปปรากฏในสื่อโซเชียลว่าเห็นผู้ก่อเหตุด้วยว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่
    เมื่อเวลา 18.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร., พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ร่วมแถลงข่าวกรณีเกิดเหตุยิงกัน โดยมีการแสดงชาร์ตเหตุการณ์และเปิดคลิปวิดีโอหลักฐานให้สื่อมวลชนดูด้วย  
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืนและจากการถูกทำร้าย  2 คน ทั้งสองรายอยู่ในพื้นที่การชุมนุม และทำหน้าที่เป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว
    ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีสื่อมวลชนทำการแถลงข่าวบริเวณหน้าอเวนิว ตรงข้ามเอสซีบี ระหว่างนั้นมีผู้ก่อเหตุเดินผ่านกล้อง 3 คน โดยทั้ง 3 คนมีการทะเลาะชกต่อยกันกับอีกกลุ่มที่อยู่ใกล้กัน โดยคนที่สวมหมวกกันน็อกสีขาวได้ไปชกต่อยกับกลุ่มคนอีกกลุ่ม ทำให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ราว 10 คนได้กรูเข้ามาทำร้าย จากนั้นคนที่สวมหมวกกันน็อกได้ขว้างวัตถุชนิดหนึ่งออกไป ทำให้เกิดเสียงและมีกลุ่มควัน ก่อนทั้ง 3 คนจะวิ่งหลบหนีออกไปทางแยกรัชโยธิน
    ระหว่างนั้นกลุ่มที่ถูกชกต่อยก็วิ่งไล่ติดตามไป ห่างจากจุดปาวัตถุระเบิดประมาณ 50 เมตร มีผู้ชายสวมฮู้ดแขนยาวสีเข้ม นุ่งกางเกงสีอ่อนขาสั้น วิ่งนำข้างหน้าและใช้อาวุธปืนยิงออกมา 4 นัด โดยหันปืนมาทางกลุ่มที่วิ่งไล่ตาม คนที่ถูกยิงได้ล้มลง ส่วนคนที่ยิงได้วิ่งหลบหนี แต่ถูกประชาชนช่วยจับไว้ได้ ส่วนอาวุธปืนพกลูกโม่ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสันตกในที่เกิดเหตุ พบปลอกในรังเพลิง 4 นัด ยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด ตรงกับพยานในที่เกิดเหตุที่บอกว่าได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด
    "ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเป็นที่เพียงพอและขออนุมัติศาลออกหมายจับเรียบร้อย และตัวผู้ต้องหาอยู่ รพ. โดยนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ ผู้ใช้อาวุธปืนยิง ศาลอาญาออกหมายจับในความผิดพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเหตุยิงกันที่แยกเกียกกายแต่อย่างใด" พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าว
บิ๊กตู่สั่งตำรวจสอบ
    มีรายงานแจ้งว่า หลังแจกคูปองเป็ดหรือธนบัตรคณะราษฎรเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุมนำไปใช้แลกซื้อสินค้าจากผู้ค้าภายในม็อบแล้ว ได้มีผู้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้แจกคูปองเป็ดในความผิดตาม พ.ร.บ.เงินตราจริง แต่กำลังพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรว่า เคยพูดหลายครั้งแล้วว่าหากเป็นการชุมนุมที่ถูกกฎหมายก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่ต้องการชุมนุมที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ต้องเคารพกฎหมาย อย่าทำผิดกฎหมาย ส่วนเหตุยิงกันนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร กำลังให้เจ้าหน้าที่สอบสวนติดตามอยู่ ไม่อย่างนั้นก็โยนกันไปโยนกันมา ว่าอีกพวกหนึ่งทำ ว่ารัฐบาลทำ ทั้งที่รัฐบาลมีแต่ทำหน้าที่ดูแลให้ทุกคนปลอดภัย
“อยากฝากคนทั้งประเทศให้กังวลด้วยแล้วกัน เพราะผมกังวลอยู่แล้ว ยิ่งชุมนุมนานไปก็ยิ่งเสียหายมากขึ้น ยิ่งนานไปเศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ยิ่งนานไปการจราจรก็ติดขัดมากขึ้น ขอถามหน่อยว่าได้ประโยชน์กับใคร เขาอาจได้ประโยชน์ของเขา แต่หาวิธีการอื่นไม่ได้หรือ ที่ดีกว่าที่มันสงบ ไม่ให้เกิดอันตรายหรือไปล่วงละเมิด ผมว่ามันควรตรงนั้นมากกว่า สื่อช่วยกันพูดหน่อย”
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่า ในที่ประชุมได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และให้กำลังใจตำรวจ และขอร้องให้สื่อให้กำลังใจตำรวจ เอาภาพการทำงานของตำรวจที่เขาทำดีๆ ออกไปบ้าง ไม่ใช่ออกภาพหรือออกแต่ข่าวว่าความรุนแรงของเจ้าหน้าที่
“เราเป็นประเทศที่มีอธิปไตยของเรามายาวนาน เป็นประเทศประชาธิปไตยของเรา ตั้งแต่ความคิดเห็นก็ยินดีรับฟัง แต่ต้องเสนอในทางที่เป็นไปได้ และเป็นไปตามกฎหมาย ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะยากอะไรเลย เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ตาม ขอให้คำนึงถึงกฎหมาย ถึงกฎระเบียบของบ้านเมืองเป็นหลัก" นายกฯ กล่าว
    เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูหรืออยู่ในเหตุการณ์ นายกฯ กล่าวว่า แล้วอยู่ในพื้นที่ของใคร เข้าไปได้หรือไม่ อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มไหน ที่ผ่านมาตำรวจเข้าไปยังไม่ได้เลย เป็นพื้นที่สงวนไว้เฉพาะ ถ้ามันมีเหตุการณ์จริงๆ ก็ไปเชิญตำรวจเขามา เรียกตำรวจเขามา ถ้าเข้าไปเองเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เหตุการณ์พอไม่ชัดขึ้นมาก็โยนให้เจ้าหน้าที่ทำอีก บทเรียนมีอยู่แล้วในหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้
ฝ่ายค้านอดโหนม็อบ
    ขณะที่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ภายหลังการหารือปัญหาทั่วไปก่อนเข้าสู่วาระ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาหารือหาทางออกให้กับประเทศ หลังเกิดเหตุปะทะและยิงกัน ซึ่งมี ส.ส.ฝ่ายค้านต่างสนับสนุน ในขณะที่ซีกรัฐบาลเสนอให้พิจารณาตามวาระต่อไป ทำให้นายศุภชัยสั่งนับองค์ประชุม และลงมติ ผลปรากฏว่าไม่เห็นด้วยให้ที่ประชุมเลื่อนญัตติที่เสนอด้วยวาจาเพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุความรุนแรงขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนน 217 ต่อ 124 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
         ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท. กล่าวว่า การเสนอญัตติมีเจตนาเพื่อหาทางออก แต่กลับเอาเสียงข้างมากมาปิดกั้น ดังนั้นจึงเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ เพราะไม่มั่นใจผลคะแนนที่ออกมาโดยการเสียบบัตร ซึ่งนายศุภชัยยืนยันว่าดำเนินการตามข้อบังคับการประชุม แต่ก็ถูกฝ่ายค้านโต้เถียงจนในที่สุดก็มีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ซึ่งปรากฏว่าองค์ประชุมครบ แม้ฝ่ายค้านจะวอล์กเอาต์
ทั้งนี้ ในการประชุม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้นำถุงใส่ตุ๊กตาเป็ดและกิ๊บเป็ด ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรมาแจก ส.ส.ฝ่ายค้าน สร้างสีสันในห้องประชุมด้วย และต่อมานางอมรัตน์ได้เผยแพร่รูป ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนที่กำลังถ่ายรูปคู่กับเป็ดเหลืองด้วย
ส่วนความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ยิงกันนั้น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวมีอาวุธ และไม่ใช่การชุมนุมโดยสันติ หรือถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อตำรวจไปดูแลความปลอดภัยทางผู้ชุมนุมก็ต่อว่ามาเฝ้าติดตาม แต่เมื่อไม่มีตำรวจก็หาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ชุมนุมอย่าเห็นแก่ตัวเกินไป อะไรก็โทษคนอื่นอย่างเดียว ควรโทษตัวเองบ้าง และการชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. เห็นชัดเจนว่ามีทั้งเหล้า เบียร์ อาวุธ ถามว่านี่คือการชุมนุมอย่างสันติหรือ
    “ที่บึ้มๆ เมื่อคืนเห็นชัดเลยว่าบึ้มเพราะอะไร เพราะเสียงปืน เสียงระเบิด ครั้งต่อไปถ้าบึ้มใหญ่กว่านี้จะระเบิดอีกกี่ลูก ผมก็ห่วงลูกหลาน ขอให้ผู้ปกครองเตือนด้วย” นายสิระกล่าว
    น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กว่า บิ๊กเซอร์ไพรส์คือยิงกันเองอีกแล้ว หากมีคนตาย นายธนาธรจะรับผิดชอบไหม ใครช่วยถามที และขอประณามอีแอบที่สร้างสถานการณ์ ขอให้หยุดสร้างความวุ่นวาย ก่อนจะมีคนตายจริงไปหมด
พท.ซัดตร.อย่าเพิ่งสรุป
      น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ทันข้ามคืน แต่เท่าที่ฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ เหมือนสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วว่าเป็นเพราะความขัดแย้งกันเองของการ์ดในพื้นที่ชุมนุม ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะสรุปสิ่งที่เกิดขึ้น ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงสืบหาพยานหลักฐานให้รอบด้านเสียก่อน อย่าทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดคำถามต่อประชาชนอีกเลย
     น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด รองโฆษกพรรค พท. ในฐานะคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ในคณะกรรมาธิการการปกครอง (กมธ.) กล่าวว่า ในระยะหลังที่การชุมนุมเข้มข้นขึ้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลการชุมนุมกลับปล่อยให้ผู้ชุมนุมสองฝั่งปะทะกัน โดยที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ ขณะที่การสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า แตกต่างจากการชุมนุมในอดีตที่เกิดความรุนแรง ส่วนใหญ่มาจากการกระทำของรัฐบาลที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการสลายการชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมในปัจจุบันได้เรียนรู้ ไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะและใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเท่าเทียม ไม่ควรปล่อยให้มีผู้ไม่หวังดีสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง แม้จะมีผู้ไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม แต่รัฐบาลในฐานะผู้กุมอำนาจ และเป็นผู้สั่งการนโยบายไปยังระดับปฏิบัติการ ต้องทำให้ประชาชนทุกคนได้รับความปลอดภัยจากการแสดงออกทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ โดยหวังว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมอีก
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า เคยอธิบายว่าหลังจากเลือดไหลก็จะไหลไม่หยุดจนกว่าจะนองท้องช้าง ตอนแรกคิดว่าจะคาดการณ์ผิด ท้ายที่สุดก็เป็นเหมือนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เชื่อว่าจากนี้ไปก็คงมีเรื่องตามลำดับ ซึ่งไม่ต้องการให้การต่อสู้ครั้งนี้ลงเอยด้วยการบาดเจ็บล้มตาย ที่สำคัญยังวาดหวังว่าแนวทางสันติวิธีจะเป็นแนวทางที่งดงามมากขึ้น
    “ที่การตรวจตราทุกฝ่ายต้องพิสูจน์กัน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องผ่านการตรวจ ถ้าเข้าที่ชุมนุมก็ต้องไม่พกอาวุธเข้าไป เพราะว่าการชุมนุมเปิดกว้างกันอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ยิ่งยุคที่ต้องปิดหน้าปิดตาปิดปากปิดจมูก สวมหมวกเป็นไอ้โม่งที่ไหนก็ได้ นี่ก็เป็นจุดเปราะบางกันอยู่แล้ว ผมว่าวิธีการที่ลดความสูญเสีย คนที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของผู้ชุมนุมกับตำรวจต้องร่วมมือกัน เพราะว่าจะลดโรคแทรกได้ในระดับหนึ่ง ไม่ได้ลดได้ทั้งหมด แต่ว่าในระดับหนึ่งอย่างน้อยที่สุดก็ชะลอความตายกันไว้ก่อน”นายจตุพรกล่าว
    วันเดียวกัน กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ได้แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะของกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เพื่อทำการฝึกเดินทางไกล และพักแรมของทหารใหม่ ผลัดที่ 2/63 ในวันที่ 27-29 พ.ย. 63 โดยมีรายละเอียดยิบตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 27 พ.ย. เวลา 22.00 น. ในวันที่ 29 พ.ย..

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"