‘ทรัพย์ส่วนพระองค์’ ช่วยซับน้ำตาชาวใต้


เพิ่มเพื่อน    

 

ในหลวงโปรดเกล้าฯ ให้นำเงินที่พสกนิกรทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล วันที่ 3 ธ.ค. ช่วยเหลือราษฎรประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ "บิ๊กตู่" บินไปนครศรีฯ พบปะประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ปภ.รายงาน 11 จังหวัด 98 อำเภอ 529 ตำบล 3,633 หมู่บ้าน ประชาชน 383,669 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ
    ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพิธีสวดเจริญมหามงคลรวมศาสนา 3 ธันวาคม 2563 สืบสานพระราชปณิธาน “ธรรมราชินี” รวมใจภักดิ์ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ “พ่อแห่งแผ่นดิน” ณ พระลานพระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้มีประชาชนมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จเป็นจำนวนมาก พร้อมทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลนั้น
    ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเงินที่ประชาชนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย จำนวนรวม 41,500 บาท ร่วมกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ไปจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเบื้องต้น บรรจุในถุงพระราชทานสำหรับนำไปพระราชทานแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อพระราชทานอาหารแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ด้วยทรงห่วงใย และทรงใส่พระราชหฤทัย กับทรงติดตามความเดือดร้อนของราษฎรจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ในขณะนี้ ซึ่งส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นจำนวนมาก  
    ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองพระองค์ได้พระราชทานพระมหากรุณาในการพระราชทานถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระราชทานอาหารแก่ราษฎรและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นำเงินที่ประชาชนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลในโอกาสต่างๆ ไปพระราชทานแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุภัยธรรมชาติในทุกภูมิภาคของประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
    การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้
    ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการเดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์มอบนโยบายและตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ โดยมีคณะร่วมเดินทาง อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น
    โดยเวลา  07.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ตำบลปากพูน อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะจะนั่งรถทรานซ์ฟอร์เมอร์ตรวจติดตามสถานการณ์ โดยเวลา 09.00 น. จะพบปะประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ณ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ และในเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีจะพบปะประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหูล่อง ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 13.00 น.
ปภ.รายงานจมแล้ว 11 จว.
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัยในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด 98 อำเภอ 529 ตำบล 3,633 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 383,669 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 13 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา ระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมและสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
     กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน-ปัจจุบัน (5 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 98 อำเภอ 529 ตำบล 3,633 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 383,669 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 13 ราย ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
    ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมใน 6 จังหวัด 66 อำเภอ 382 ตำบล 2,680 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 321,057 ครัวเรือน ดังนี้
    สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนสัก อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอวิภาวดี อำเภอท่าฉาง อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเคียนซา อำเภอชัยบุรี อำเภอพุนพิน อำเภอเวียงสระ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอพนม อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอพระแสง รวม 109 ตำบล 850 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,128 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
    กระบี่ น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเขาพนม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
    นครศรีธรรมราช น้ำท่วมขังในพื้นที่ 23 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอลานสกา อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชะอวด อำเภอปากพนัง อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอหัวไทร อำเภอสิชล อำเภอนบพิตำ อำเภอท่าศาลา อำเภอขนอม อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอบางขัน อำเภอพิปูน อำเภอฉวาง อำเภอพรหมคีรี อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอช้างกลาง และอำเภอพระพรหม รวม 145 ตำบล 1,049 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 184,750 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
    ตรัง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง อำเภอห้วยยอด อำเภอรัษฎา อำเภอวังวิเศษ และอำเภอกันตัง รวม 23 ตำบล 99 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,968 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
นครศรีฯ เสียชีวิตแล้ว 20 ศพ
    พัทลุง น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าพะยอม อำเภอป่าบอน อำเภอควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว รวม 33 ตำบล 244 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 46,284 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
    สงขลา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสงขลา อำเภอจะนะ อำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ อำเภอควนเนียง อำเภอสิงหนคร อำเภอนาหม่อม อำเภอรัตภูมิ อำเภอบางกล่ำ อำเภอสทิงพระ อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ และอำเภอคลองหอยโข่ง รวม 70 ตำบล 435 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 56,873 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีการพบศพจมน้ำเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหลังจากระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ ได้ลดลงแล้ว พบศพจมน้ำโผล่ขึ้นมาทีเดียว 5 ศพ รายแรกที่ อ.ขนอม พบศพนายอดิศักดิ์ นวลปาน อายุ 33 ปี ลูกเรือประมง อ.สิชล ซึ่งเกิดพลัดตกจากเรือประมงตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณบ้านฝายท่า อ.สิชล ขณะกำลังเก็บอุปกรณ์ประประมงแล้วพลัดตกทะเลจมหาย สูญหายไปนาน 3 วัน จนมาพบศพนายอดิศักดิ์เช้าวันที่ 5 ธ.ค. ที่ริมทะเลหาดขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
    รายที่ 2 ที่ อ.ชะอวด พบศพนายไพศาล สารทเวช อายุประมาณ 50 ปี ลอยจมน้ำเสียชีวิตในคลองชะอวด บริเวณหัวสะพานท่าเสม็ด หมู่ 1 ต.ท่าเสม็ด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช,   รายที่ 3 ชื่อนายบุญยงค์ สมบัติเทพสุทธิ์ อายุ 81 ปี จมน้ำในบ้านพักชั้นเดียวซึ่งถูกน้ำท่วมครึ่งบ้าน นอนเสียชีวิตบนที่นอน สวมใส่เสื้อคอปกสีดำ เปลือยท่อนล่าง สภาพศพไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่คาดจมน้ำเสียชีวิต
    รายที่ 4 พบศพลอยน้ำในพื้นที่ อ.ฉวาง  จ.นครศรีธรรมราช ชื่อนายติยะพงศ์ หรือดิว วิชัย อายุ 18 ปี เมื่อค่ำวันที่ 2 ธ.ค. เดินเท้าลุยน้ำท่วมถนนไปจะไปกดเอทีเอ็มในตลาดฉวาง เดินพลาดตกไหล่ทางถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดร่างจมหายไป เพิ่งพบศพบริเวณเชิงสะพานบ้านทุ่งลาด หมู่ 1 ต.ไสหร้า อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เช้าวันที่ 5 ธ.ค.
    และรายที่ 5 พบศพชายนิรนามไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน ลอยน้ำเสียชีวิตในคลองราเมศวร์ เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ต.ท่าวัง อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช พบมีบาดแผลแตกที่หน้าผาก 1 แผล ทางตำรวจยังไม่สามารถระบุสาเหตุชัดเจนว่าเกิดจากจมน้ำเสียชีวิตเองหรือถูกทำร้ายร่างกาย นำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมจ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. จำนวน 20 รายแล้ว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"