บิ๊ก3นิ้วเบิกเนตร ‘ประยุทธ์’อยู่ยาว ลอกฮ่องกงเหลว


เพิ่มเพื่อน    

 

โอละพ่อ! ปล่อยข่าวการ์ด 3 นิ้วถูกทำร้ายถึงโคม่า  สุดท้าย ตร.งัดหลักฐาน ขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม ไม่มีคู่กรณี "อดีตหัวหน้าการ์ด 3 นิ้ว" ตาสว่าง ฮ่องกงโมเดลไม่เวิร์กกับเมืองไทย ยิ่งแกงกันเองยิ่งพัง เพราะม็อบจากต่างจังหวัดรับไม่ได้ แถมคนกรุงอาจจะถอย ชักจะเชื่อ "บิ๊กตู่" อยู่ครบเทอม
       จากกรณีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ "การ์ดภาคีเพื่อประชาชน (@plamindyindy)" ทวีตข้อความระบุว่า "วันนี้เกิดเหตุการณ์น้องอาชีวะในภาคีมาช่วยงานเป็นการ์ดในม็อบ น้องขอตัวไปรับแฟน แต่น้องกลับโดนรุมทำร้ายฟันเข้าไปที่ศีรษะ เพราะน้องห้อยป้ายการ์ดภาคีไปด้วย น้องโดนทำร้ายที่รามคำแหง ตอนนี้รักษาตัวที่ รพ. อาการโคม่า ทำไมเหตุผลอะไรถึงไปทำเขา เลวจริงๆ #ม็อบ2ธันวา"
    จากนั้น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย ทวีตข้อความ ผ่านบัญชี "Tosaporn Sererak/นพ.ทศพร เสรีรักษ์ @TSererak" ระบุว่า กะโหลกศีรษะยุบ เลือดออกในสมอง ต้องผ่าตัด พร้อมวอนผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยแจ้งเบาะแสตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
         ต่อมาเมื่อวันที่  5 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล  (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. ได้นำหลักฐานคำให้การของพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่รับแจ้งเข้าช่วยเหลืออุบัติเหตุและภาพจากกล้องวงจรปิดมาชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย โดยยืนยันว่าผู้เสียหายเป็นนักเรียนอาชีวะขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) ล้มได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีคู่กรณี ย่านมีนบุรี ในเวลาประมาณ 22.00 น. และยังพบว่าหลังเกิดเหตุมีกลุ่มบุคคลแชร์ข้อมูลและภาพ พร้อมข้อความที่มีลักษณะทำให้เข้าใจผิดว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายจากเจ้าหน้าที่ หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง จึงเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
         รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ ที่อ้างว่าการ์ดอาชีวะถูกทำร้ายร่างกายหลังจากกลับจากชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว นอกจากนี้ยังสืบสวนหาข่าวและจัดเตรียมแผนรองรับ กรณีในวันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ อาจมีการนัดชุมนุมทางการเมืองเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อไป
         ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุด บัญชีทวิตเตอร์การ์ดภาคีเพื่อประชาชน (@plamindyindy) นั้นถูกปิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    นายปิยรัฐ จงเทพ อดีตหัวหน้าการ์ดกลุ่มราษฎร 63 We Volunteer หรือ WeVo ที่ปัจจุบันได้ประกาศแยกตัวออกมาจากการ์ดม็อบสามนิ้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีคลิปภาพและข่าวออกมาต่อเนื่องถึงการมีปัญหากันเองในกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมจนมีการทำร้ายร่างกายกันเอง เพื่อจะมาเคลื่อนไหวทำกิจกรรมการเมืองในนามของกลุ่มวีโว่ ประเมินสถานการณ์การเมืองและการชุมนุมของม็อบต่อจากนี้ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องคดีบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ต่อไป การเมืองไทย จากนี้คงไม่ไปถึงจุดพีกหรือจุดต่ำกว่านี้ไปอีกแล้ว มันรักษาระดับแบบนี้ต่อไป ก็จะยื้อแบบนี้ไปจนกว่าจะมีเหตุปัจจัยอื่นที่มันมีผลต่อสถานการณ์มากกว่านี้ โดยสถานการณ์ของม็อบพูดไปถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก มากกว่าสถาบันทางการเมืองอื่นๆ คิดว่าปัจจัยที่จะทำให้สถานการณ์พีกขึ้นหรือต่ำลงอยู่ที่ประเด็นของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก
"บิ๊กตู่"อาจอยู่ครบ 4 ปี
    หัวหน้ากลุ่มวีโว่ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ทำกิจกรรมต่อต้าน คสช.มาตั้งแต่ปี 2557 กล่าวอีกว่า ตราบใดที่หากยังไม่มีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างรุนแรง และยังไม่มีการยกเลิกมาตรา 112 สถานการณ์ม็อบก็จะไม่ลงและจะไม่ขึ้น เว้นแต่จะมีการบังคับใช้มาตรา 112 อย่างรุุนแรง ก็จะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ยกระดับ นำไปสู่การตื่นตัวอีกครั้งหนึ่งของประชาชน
    เขาบอกว่า เป็นไปได้ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อาจจะอยู่ครบ 4 ปี แต่เป็นการอยู่ครบด้วยความทุลักทุเลและหายนะทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ โดยตลอดช่วงอายุของรัฐบาล ก็จะมีการประท้วงจะเกิดขึ้นเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ หรืออาจขยับเป็นรายเดือน แต่ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปในเชิงปริมาณ จะไม่ลดน้อยถอยลงในเชิงขบวนการ แต่จะแตกหน่อออกไปเป็นกลุ่มต่างๆ และที่สำคัญจะมีแนวทางที่หลากหลายมากขึ้น เพราะหลายคนอาจคิดว่าแนวทางที่คณะราษฎร 63 ต่อสู้อยู่ ณ ตอนนี้ไม่เวิร์กก็ได้ อาจจะมีคนตั้งกลุ่มต่างๆ ขึ้นมาเพื่อต่อสู้ในแนวทางที่เขาเชื่อมั่นว่าเป็นแนวทางไปสู่หนทางแห่งชัยชนะก็ได้
    อดีตหัวหน้ากลุ่มการ์ดม็อบคณะราษฎรกล่าวถึงฉากจบของสถานการณ์และการชุมนุมว่า ต้องอิงเวลาด้วย แต่หากในช่วง 1-2 ปีนี้ ก็คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็คงเป็นนายกฯ ต่อ ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองก็คงมีการจับกุมคุมขังแกนนำหลังจากนี้เมื่อสถานการณ์อ่อนล้า ถอยแรง หรือสะดุดขาตัวเองล้ม ก็เป็นไปได้ ถ้าเมื่อไหร่ม็อบแผ่ว ทำผิดพลาดบ่อยๆ ประชาชนไม่ซื้อแล้ว แนวทางไม่โอเค คนไม่เอากับม็อบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็อาจถือโอกาสนั้นเคลียร์คดีและจัดการกับแกนนำ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ต่อได้ จนถึงวินาทีสุดท้าย หรืออาจจะไปอีกทางหนึ่ง แต่ให้น้ำหนักน้อยกว่าข้อแรก คือการชุมนุมจากนี้ จากที่ชุมนุมกันทุกวัน ก็จะเปลี่ยนเป็นการชุมนุมทุกสัปดาห์ แล้วก็คงขยับเป็นเดือนละครั้ง แต่ทุกครั้งที่เปลี่ยนไป
    "จะต้องเป็นการชุมนุมที่ใหญ่ขึ้น ประเด็นต้องแหลมคมขึ้นก็เป็นไปได้ จนถึง พล.อ.ประยุทธ์ลาออก หรือไม่ก็อยู่ครบเทอม ก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ให้น้ำหนักข้อแรกก่อน คือนายกฯ จะเอากฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด แล้วก็มีการจับกุมคุมขังแกนนำอย่างแน่นอน"
ม็อบ ตจว.ไม่เอาแกงกันเอง
    เมื่อถามว่า หมายถึงแกนนำและผู้ชุมนุมก็ต้องทบทวนการเคลื่อนไหว มองจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองเพื่อไม่ให้สะดุดล้ม นายปิยรัฐตอบว่า ใช่ มันก็ต้องแบบนั้น เหมือนกับที่ตนทำอยู่ตอนนี้ พอเราทบทวนแล้วว่ารูปแบบนี้มันไม่ใช่ หรือยังมีปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง ลดปัญหา ลดการกระทบกระทั่ง มีคนคอยสำรองทางให้เดิน ตนจะถากทางไว้รอ อันนี้ก็คือการปรับปรุงทบทวนรูปแบบการทำงาน
    ซักว่าสุดท้ายแล้วการชุมนุมจะเหมือนกับฮ่องกงหรือไม่ ที่สุดท้ายที่ฮ่องกงการชุมนุมก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ อดีตหัวหน้าการ์ดม็อบสามนิ้วตอบว่า ฮ่องกงเขาเหมือนกับต่อสู้ way เดียวเลย ชุมนุม-จบ ชุมนุมยืดเยื้อ-จบ อย่างนี้หลายรอบตั้งแต่ปี 2557
    "ผมก็เคยเดินทางไปฮ่องกงเพื่อศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งมันไม่เวิร์กกับเมืองไทย ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งของไทยเองและของเขา มันไม่เวิร์ก มิหนำซ้ำมวลชนจะล้าและเสียแนวร่วมไปเรื่อยๆ เพราะอย่าลืมว่าการชุมนุมแบบวันต่อวันที่ทำอยู่ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากคนกรุงเทพฯ ไม่สามารถอาศัยคนต่างจังหวัดได้ เพราะการนัดชุมนุมแบบวันเว้นวัน แล้วยิ่งมีการแกงกันอีกด้วย คนต่างจังหวัดไม่สามารถรับกับการแกงได้ เพราะเขาต้องเตรียมข้าวปลาอาหาร เตรียมค่าน้ำมัน เตรียมลางาน ก่อนจะเดินทางได้แต่ละครั้ง จึงต้องอาศัยคนกรุงเทพฯ เป็นกำลังหลักในการเคลื่อนย้ายคน แต่เมื่อไหร่ที่สร้างปัญหา สร้างให้คนกรุงเทพฯ ไม่ซื้อกับวิธีการของคุณแล้วเป็นปัญหาเสียเอง เขาถอยขึ้นมาจะทำยังไง"
    ถามว่าเป็นปัญหาแบบไหน นายปิยรัฐบอกว่า ปัญหาหลายเรื่องก็เช่น การจราจร การกระทบกระทั่งของคนในพื้นที่ การนำเสนอเนื้อหาที่ซ้ำๆ ซากๆ ไม่นำไปสู่ชัยชนะที่แท้จริง มองว่าเป็นการยื้อเวลา การถ่วงรั้ง คือคนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง เมื่อฟีเวอร์เขาก็ฟีเวอร์ แต่เมื่อไม่เอาก็คือไม่เอา ไม่อินก็คือไม่อิน ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดการสวิงโหวตของการเลือกตั้งแต่ละครั้ง เดี๋ยวก็พรรคเพื่อไทย เดี๋ยวก็ประชาธิปัตย์ มันสวิง เพราะคนเขามีความคิดบางอย่างที่ไม่ได้ยึดติดกับอะไรเลย
    ซักว่าตอนนี้มันก็กำลังเป็นอย่างนั้นแล้ว เขาบอกว่า ค่อนข้างมั่นใจว่ามันมีโอกาส เพราะเสียงสะท้อนกลับมาที่ตน มันไปในทิศทางเดียวกัน เขาก็เตือนมา เช่น ปิดถนนกันทุกวัน ประชาชนอาจไม่พอใจได้ หรือระวัง คุณทะเลาะกันทุกวัน ประชาชนอาจเอือมระอาก็ได้ หรือระวัง แนวทางคุณไม่ชัด เดี๋ยวคนโน้นลด คนนี้เพิ่ม ประชาชนอาจถือว่าคุณไม่มีหลักการ ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน มันก็เป็นไปได้ทั้งหมด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"