ทักษิณ-ธนาธร


เพิ่มเพื่อน    

    จำตอน ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่การเมืองใหม่ๆ ได้หรือเปล่า?
    ตาดูดาวเท้าติดดิน....ก้าวสู่เวทีการเมือง ด้วยภาพลักษณ์ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
 พร้อมคำประกาศได้ยินกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า
    "ผมเข้ามาเล่นการเมืองเพราะอยากทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ผมรวยแล้วผมไม่โกง"
    แล้วเป็นไง
    ผลประโยชน์ทับซ้อน
    ทุจริตเชิงนโยบาย
    ระหว่างที่ ทักษิณ บริหารประเทศ เครือข่ายธุรกิจของ ทักษิณ และบริวาร ได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้า 
    สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ บิ๊กเบิ้มไทยซัมมิท อาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 
    ตำแหน่งทางการเมือง กับธุรกิจครอบครัว ทับซ้อน และส่อให้เห็นถึงการเอื้อประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ "ทักษิณ-สุริยะ" สะกดคำว่าสปิริตไม่ออก
    ขณะที่ สุริยะ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๘ ไทยซัมมิท มีบริษัทลูกนับร้อยบริษัท 
    และหลายบริษัทได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลในขณะนั้น
    แน่นอน ไม่เฉพาะไทยซัมมิทที่ได้ประโยชน์ บริษัทอื่นก็ได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นนโยบายช่วยเหลือภาคธุรกิจไม่ได้เจาะจงว่าเป็นของใคร
    แต่ที่ต้องเท้าความถึง เพราะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปพูดหลายที่ และหลายครั้งพูดเรื่องเดียวกันแต่ดันไม่เหมือนกัน 
    จึงอาจสะท้อนแนวคิดที่เข้ามาเล่นการเมืองว่า อาจซ้ำรอย ทักษิณ หรือไม่ 
    รวยแล้วไม่โกง!
    ไม่มีใครรู้อนาคตว่า อนาคตใหม่ ภายใต้การนำของ "ธนาธร" จะได้เข้ามาบริหารประเทศหรือไม่  "ธนาธร" จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามที่เขาประกาศไว้หรือไม่
    แต่ทักษิณประกาศและได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ ซึ่งจบด้วยการโกง
    มีทัศนะที่น่าสนใจของ "ธนาธร" ให้สัมภาษณ์ themomentum.co เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กับคำถามที่ว่า การที่คุณมีโปรไฟล์เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้า คนก็อาจตั้งแง่ว่า นี่ไง นักธุรกิจลงมาเล่นการเมืองอีกแล้ว
    ...(ยักไหล่)... คุณจะให้ผมทำยังไง ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ถ้านิยามตัวผมว่าผมคือใคร ผมคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ไม่เกรงกลัวโลกาภิวัตน์ ผมคือนักผจญภัยที่กล้าเสี่ยง ผมคือคนที่มีใจรักความยุติธรรม แล้วลงมาทำด้วยตัวเอง ถ้าผมไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ การยอมรับจากสังคมก็คงไม่มีมากขนาดนี้  ดังนั้น ถามว่ามันเป็นข้อดีหรือข้อเสียในการเป็นนักธุรกิจมาก่อน ผมว่าเป็นข้อดี
    แน่นอน คนอาจเคลือบแคลงต่อธุรกิจของผม แต่ผมบอกเลยว่าธุรกิจของผมเป็นธุรกิจที่เปิดเสรี ผมแทบจะนึกอะไรไม่ออกเลย ที่อำนาจรัฐจะทำให้ผมมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น มันเป็นธุรกิจที่เสรี ใครอยากจะตั้งโรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ก็สามารถตั้งได้เลย กำแพงที่จะกีดกันผู้เล่นรายใหม่มันน้อยมาก ทุกวันนี้คู่แข่งของเราแทบจะไม่ใช่คู่แข่งในประเทศอยู่แล้ว แล้วในเวทีที่บริษัทเราไปตั้งในต่างประเทศ คู่แข่งของเราคืออินเดีย เวียดนาม จีน อเมริกา ญี่ปุ่น เป็นคู่แข่งระดับโลก กฎกติกาเป็นสากล ในธุรกิจนี้ไม่มี local content (ข้อบังคับว่าอุตสาหกรรมหนึ่งๆ ต้องใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ห้ามนำเข้า) ไม่สามารถปกป้องธุรกิจท้องถิ่นได้ ต่อให้พวกเราได้เป็นรัฐบาล แล้วรัฐบาลยก local content ขึ้นมาก็ผิดกฎองค์การการค้าโลก (WTO)
    ฉะนั้น ผมนึกอะไรไม่ออกเลยว่า ถ้าพรรคของผมเป็นรัฐบาลแล้ว จะเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มให้กับตัวเองได้อย่างไร ธุรกิจที่เปิดการแข่งขันเสรีอย่างที่ไทยซัมมิททำอยู่ คนที่จะพึ่งพาคือตัวเราเอง ในวันที่ผมทำงานอยู่ ผมไม่เคยคาดหวังหรือขออะไรจากภาครัฐ นอกจากสิทธิที่อุตสาหกรรมทั่วไปได้อยู่แล้ว ก็คือ BOI แต่สิทธิตัวอื่นที่เฉพาะเจาะจงนั้นไม่มี ที่ผ่านมาเรายืนบนขาตัวเองตลอด ทำอย่างไรจะผลิตสินค้ามีคุณภาพ ทำอย่างไรให้บริการเราฉับไวตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่ ทำอย่างไรจะเพิ่มนวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพในองค์กรได้ ทุกวันเราหายใจเข้าหายใจออกเป็นเรื่องเหล่านี้ มันเป็นข้อดีที่ทำให้ผมเป็นแบบผมได้ ถ้าเป็นธุรกิจที่ต้องขอสัมปทาน ต้องพึ่งพาหรือสัมพันธ์กับรัฐมาก ผมอาจไม่สามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองแบบนี้ได้
    ถัดมาช่วงหลังสงกรานต์ "ธนาธร" บรรยายพิเศษบนเวที "Who talk" ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
    ....ต้องยกเลิกสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน เพราะสิทธิพิเศษนี้กำหนดให้บริษัทที่มีเงินลงทุนจำนวนมหาศาลไม่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐ ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องจ่ายภาษีจึงไม่เป็นธรรม รวมถึงต้องเก็บภาษีหุ้นนิติบุคคล จากที่เคยมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษี คือไม่ต้องจ่ายภาษีจากการลงทุนและการซื้อหุ้นขายหุ้น  ซึ่งผมเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับคนในสังคมส่วนใหญ่....  
    มันหมายถึงอะไร?
    วันหนึ่งบอกว่า ไม่เคยคาดหวังหรือขออะไรจากภาครัฐ นอกจากสิทธิที่อุตสาหกรรมทั่วไปได้อยู่แล้ว ก็คือ BOI 
    มาอีกวันบอกว่า "ต้องยกเลิกสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน" ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และใช่ว่าบริษัทเล็กจะไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
    เพราะก้าวสู่การเมืองหรือเปล่าที่ต้องพูดให้ตัวเองดูดี
    แต่ที่ผ่านมา บริษัทในเครือไทยซัมมิทน้อยใหญ่ ได้สิทธิประโยชน์ไปเท่าไหร่แล้ว 
    ถ้ามีความคิดเช่นนี้แต่แรกทำไมถึงขอรับสิทธิประโยชน์
    ก็ดูไว้...ทักษิณเข้ามาใหม่ๆ ใช้การตลาดสร้างภาพจนประชาชนตายใจ 
    สุดท้ายวันนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"