ห้ามใช้'บ้านพักศาล'-ปลูกป่า


เพิ่มเพื่อน    

    "สุวพันธุ์" หัวโต๊ะเจรจาสางปมบ้านพักศาล ได้ข้อสรุปตามดำรินายกฯ "ห้ามทุกหน่วยงานอยู่-เร่งฟื้นฟูป่า" พร้อมตั้ง กก.จัดการพื้นที่ ภาคประชาชนพอใจรัฐให้คำมั่น คืนดอยสุเทพที่สมบูรณ์ดังเดิม 7 พ.ค. เริ่มเดินหน้าตามโรดแมป
    ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมประชุมหารือกับกลุ่มเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กรณีโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่กำลังเป็นปัญหาถูกต่อต้านการใช้พื้นที่เชิงดอยสุเทพในเวลานี้ 
    โดยก่อนการประชุมร่วมกับเครือข่ายกว่า 50 องค์กร นายสุวพันธุ์ได้หารือกับกลุ่มแกนนำ เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการหารือตามวัตถุประสงค์และดำริของนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี เป็นเวทีของการช่วยกันหาทางออก ซึ่งมีตัวแทนของเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาติดตามสถานการณ์อย่างมาก รวมถึงสื่อมวลชนทุกแขนง ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งประชุมครั้งนี้มีการระบุชื่อของผู้เข้าร่วมประชุมจากเครือข่ายต่างๆ ตามที่ได้มีการประสานงานเอาไว้ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีรายชื่อเข้าร่วม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และป้องกันมือที่สามมาสร้างความสับสนในเวที
    อย่างไรก็ตาม ก่อนหารือทีมโฆษกของเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้สรุปยืนยันเรื่องสำคัญที่จะหารือกับนายสุวพันธุ์ โดยยึดตามที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณออกมาล่าสุดว่า จะให้มีการเร่งฟื้นฟูสภาพพื้นที่ในทันที และจะไม่ให้ใครเข้าไปใช้งานสถานที่ดังกล่าวอีก ดังนั้นรัฐบาลต้องเตรียมจัดการหาที่ก่อสร้างบ้านพักใหม่ ทางเครือข่ายยืนยันชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มว่า ต้องการพื้นที่ป่าคืน ไม่เอาป่าแหว่ง ดังนั้นการจะได้ป่าแบบเดิมคืนมา ต้องไม่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างเหลืออยู่ 
    ทั้งนี้ ประเมินว่าการหารือครั้งนี้คงไม่สามารถยุติได้ทั้งหมด อาจจะต้องยืดเยื้ออีกระยะ เพราะนายกรัฐมนตรียังไม่ได้พูดคำว่ารื้อหรือรื้อย้ายใดๆ ออกมา แต่การเจรจากับรัฐมนตรีสุวพันธุ์ครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดควรจะได้ความชัดเจน และความมั่นใจจากรัฐบาลว่าจะไม่ยื้อ หรือซื้อเวลาผ่านการตั้งคณะกรรมการแบบที่เคยเป็นมาหลายๆ กรณี ดังนั้นจะต้องมีสัญญาและลำดับขั้นตอนดำเนินการเป็นโรดแมปที่จะนำไปสู่การคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ โดยต้องเป็นป่าผืนเดียวกันจากอ่างเก็บน้ำแม่จอกไปถึงห้วยตึงเฒ่า และจะเสนอให้ผนวกประกาศเป็นพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ให้หมด ประชาชนจะไม่ต้องคอยมาระวังเรื้องของป่าแหว่ง 2 ป่าแหว่ง 3 ในอนาคต และมั่นใจได้ว่าเป็นเขตป่าอนุรักษ์ที่ยั่งยืนต่อไป รวมทั้งมีกลไกให้ประชาชนเข้าไปร่วมจัดการดูแล ซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินใจให้ชัด เพราะประชาชนประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนแล้วว่า ขอให้เอาป่าดอยสุเทพกลับคืนมา มิฉะนั้นเรื่องราวทั้งหลายจะยังไม่จบ ทุกคนจะยืนหยัดเรียกร้องต่อไป
    จากนั้น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าหารือกับเครือข่ายทั้งหมด เพื่อแจ้งเจตนารมณ์และแนวทางที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลกำลังหาแนวทางแก้ไข ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบที่รัฐบาลจะเข้ามาหาข้อยุติครั้งนี้ พร้อมแจ้งผลการหารือร่วมกับแกนนำ โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง 
    ภายหลังการประชุม นายสุวพันธุ์เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้ข้อสรุปร่วมกัน 3 แนวทาง คือ 1.พื้นที่ดังกล่าวจะไม่ให้มีหน่วยงานใดเข้าไปอยู่อาศัย 2.แนวทางการฟื้นฟูจะดำเนินการปลูกป่าโดยให้ธนารักษ์พื้นที่ดำเนินการสำรวจและรังวัดแนวเขตให้ชัดเจน ส่วนเขตพื้นที่ที่ใช้การได้ด้านล่าง ก็ทำแนวเขตให้ชัดด้วย และ 3.เป็นข้อสรุปร่วมกับเครือข่าย คือจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ซึ่งมาจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ร่วมกันพิจารณาเรื่องของการจัดการในพื้นที่ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ การใช้ประโยชน์ในพื้นที่โดยรอบ การจัดการสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่จะได้มีการประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ตามข้อเจรจาในวันที่ 7 พ.ค. ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญให้กับทุกหน่วยงาน
    “ผมได้รับนโยบายจากนายกฯ มา 2 ข้อคือ พื้นที่ดังกล่าวจะต้องไม่มีคนอยู่อาศัย ซึ่งแนวทางคือทางศาลจะส่งมอบพื้นที่คืนให้กรมธนารักษ์ และกรมธนารักษ์ส่งมอบพื้นที่ให้เป็นที่อุทยานแห่งชาติ ส่วนข้อสองคือ เร่งฟื้นฟูป่าทันที ซึ่งจะมีการคิกออฟในการปลูกป่าตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.นี้ ส่วนข้ออื่นๆ ที่ทางเครือข่ายเรียกร้อง เช่น การรื้อถอนอาคารบ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง จะมีการตั้งคณะกรรมการมาร่วมเพื่อดำเนินการต่อไปตามแต่ละประเด็นๆ ไป เพื่อให้เป็นป่าสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ต่อไป เบื้องต้นให้ผู้รับเหมาก่อสร้างส่งมอบงานให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ตามกำหนดก่อน” นายสุวพันธุ์ระบุ
    โดยจากนี้ให้ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่เข้าไปรังวัดพื้นที่ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งยึดแนวที่ภาคประชาชนเสนอ เพื่อให้ทราบว่าพื้นที่ใดคือแนวที่จะฟื้นฟู พื้นที่ใดคือส่วนที่ศาลยังคงใช้ประโยชน์ได้ เช่น ส่วนของสำนักงาน แนวด้านล่าง จากนั้นส่วนของพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยรัฐบาลจะรับภาระในการหาพื้นที่ใหม่ และงบประมาณจัดสร้างใหม่ให้ศาล ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนไป ส่วนด้านการฟื้นฟู นายกฯ ต้องการให้ทำทันที โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำแผนการฟื้นฟู การปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ซึ่งให้ประชาชนร่วมหารือและดูแลร่วมได้ โดยให้มีกรรมการระดับจังหวัดเข้ามาดูแล ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 33 เตรียมการแล้ว จะเริ่มต้นกันในวันที่ 27 พ.ค.นี้ 
    สำหรับเรื่องอื่นๆ ที่เป็นข้อเสนอจากเครือข่ายที่ต้องการให้มีแผนในการดูแลพื้นที่ป่าดอยสุเทพที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงเป็นผืนเดียวกัน จะรับเอาเรื่องนี้เข้ามาพิจารณา เช่น การทำให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเป็นป่าสมบูรณ์ หรือทำอะไรกับสิ่งปลูกสร้างที่มี ให้ตั้งกรรมการมาดำเนินการ ตามแต่ละประเด็นๆ ไป
    เมื่อถามถึงการสูญเสียงบประมาณในการก่อสร้าง นายสุวพันธุ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะปัญหานี้มีเรื่องทับซ้อนอะไรกันอยู่ จึงคิดว่าเราแก้ไปทีละเปลาะ หากยังหางบประมาณไม่ได้ ต้องว่ากันไปตามวิธีการของการหางบประมาณ ส่วนการรื้อนั้นยังไม่ได้คุยกันลงไปลึกถึงเหตุผล โดยเรื่องที่มีการติดใจอยู่ ให้คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นพิจารณาว่าควรจะเป็นอย่างไรจึงจะเหมาะสม วันนี้สิ่งที่ได้รับความประทับใจมากที่สุด คือความร่วมมือของตัวแทนและภาคีเครือข่ายภาคประชาชนทั้งกว่า 50 องค์กร ที่มาทำงานและพูดคุยกันได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มีงานที่ต้องทำอีกเยอะมาก
    ด้านนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ แถลงท่าทีของเครือข่ายว่า จากการหารือกับรัฐมนตรี เราได้คำมั่นสัญญาว่าจะได้ผืนป่าดอยสุเทพ หรือบ้านป่าแหว่งแห่งนี้ จะกลับเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม ส่วนวิธีการที่จะทำต่อไปคือ จะมีการฟื้นฟูพื้นที่ที่ล้ำแนวป่าขึ้นไป คือ อาคารชุด 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง จะได้รับการรังวัดโดยด่วนโดยธนารักษ์ และจะมีการทำทางเข้าด้านข้างศาลหรือบริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อเข้าไปดำเนินการด้านอื่นๆ เมื่อรังวัดเสร็จแล้ว ที่แปลงนี้ทางศาลจะทำการโอนคืนแก่ธนารักษ์ หลังจากนั้นธนารักษ์จะโอนไปให้ป่าไม้หรืออุทยานฯ เพื่อประกาศเป็นเขตอุทยานฯ ในที่สุด    
    "รู้สึกพอใจผลการเจรจาในวันนี้ และเครือข่ายจะให้เวลาระยะหนึ่งในการทำงานของคณะกรรมการฯ เราจะจับตาอย่างใกล้ชิด วันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี ถือว่าเป็นดอยสุเทพโมเดล ในการทำงานร่วมกันของ 52 องค์กร และฝากไปถึงบุคคลอื่นๆ ว่า ห้ามมาโหนกระแสทำกิจกรรมอื่นใด เพราะต่อไปนี้คือการฟื้นฟู และเพื่อเป็นการฉลองใหญ่ เป็นชัยชนะของเรา ด้วยการจัดกิจกรรม ‘ฮ้องขวัญดอยสุเทพ’ หลังจากแกนนำได้หารือกันในเร็วๆ นี้ เราจะมีกิจกรรมต่อเนื่อง แต่เน้นการฟื้นฟูเชิงสร้างสรรค์และพูดคุยแต่เรื่องดีๆ ไม่มีการรับบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น" นายธีระศักดิ์กล่าว และยืนยันว่า ทางกลุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น โดยวันที่ 7 พ.ค. จะเริ่มประชุมกับทางจังหวัดเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปตามแนวทางที่กำหนด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"