หวดตร.เร่งคดี‘น้องธนาธร’ติดสินบน


เพิ่มเพื่อน    

 

ผบก.ป.เผยยังสอบอยู่ ปม "สกุลธร-น้องชายธนาธร"  พัวพันคดี จนท.สำนักงานทรัพย์สินฯ รับสินบน 20 ล้าน บอกดูหมดทั้ง "ผู้ให้-ผู้เรียกรับเงิน" พร้อมเอาหลักฐานคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ มาประกอบเพิ่มด้วย แต่ยังไม่มีเรียกใครแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ขณะที่ประธาน กมธ.กฎหมายฯ จ่อเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ด้าน "ส.ว.สมชาย" หวดตำรวจ-อัยการ เร่งทำความจริงให้ปรากฏ

    จากกระแสข่าวว่า กองปราบปราม (บก.ป.) เตรียมดำเนินคดีกับนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานความผิดเกี่ยวกับผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิด กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุกอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) และผู้ประสานงาน คดีทุจริตอ้างเอกสารปลอมของสำนักงานทรัพย์สินฯ และรับเงินสินบน
    ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าว ว่า กรณีนี้ บก.ป.แยกการดำเนินคดีออกเป็น 2 สำนวนตั้งแต่ต้น   โดยแยกระหว่างผู้ให้สินบนกับตัวกลางเรียกรับสินบน เพื่อให้คดีมีน้ำหนักและพยานหลักฐานที่ชัดเจน โดย บก.ป.ส่งสำนวนที่มีความเห็นควรสั่งฟ้องกับผู้ต้องหา 2 ราย คืออดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ และผู้ประสานงานเรียกรับสินบนไปก่อน เพื่อจะได้นำข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นที่ยุติในชั้นการพิจารณาของศาลมาเป็นพยานหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง ที่ผ่านมา บก.ป.ทำการสืบสวนคดีให้สินบนมาโดยตลอด ไม่ได้หยุดสอบสวน เนื่องจากต้องการให้คดีมีรายละเอียดรอบคอบมากที่สุด
    “สิ่งสำคัญและใช้เวลาคือการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำผิดและคนใกล้ชิดว่าจะเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่บ้างหรือไม่ ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ขอทำงานอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด จึงระบุได้ว่ามีการกระทำผิดอย่างไร ใครร่วมกระทำผิดบ้าง โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากพบว่ามีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นกัน” พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าว
    เมื่อถามว่า จะมีการเรียกนายสกุลธรมาแจ้งข้อกล่าวหาในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์บอกว่า "ขณะนี้ยังไม่มีการเรียกผู้ใดมาสอบสวนหรือแจ้งข้อกล่าวหา"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้เมื่อเดือน พ.ย.2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาสั่งลงโทษจำคุกนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช ผู้ประสานงาน เป็นจำเลยที่ 1-2 คดีปลอมเอกสารสำนักงานทรัพย์สินฯ ไปอ้างแก่นายสกุลธร ว่ามีสิทธิเช่าที่ดินองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) โดยจำเลยทั้ง 2 รายอ้างว่าสามารถดำเนินการให้บริษัท เรียลแอสเสทฯ ได้ประโยชน์ในการเช่าที่ดิน โดยนายสกุลธรมีการจ่ายเงินค่าตอบแทน 500 ล้านบาท โดยเบื้องต้นมีการจ่ายเงินไปแล้ว 3 งวด รวม 20 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัท เรียลแอสเสทฯ
    ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้มีความผิดสำเร็จแล้ว หากพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือน้องชายนายธนาธรจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพราะอยากได้ที่ดินโดยที่ไม่ต้องไปประมูลหรือดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะมีความผิดอย่างเช่นคนที่รับเงินไปมีอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากมีอำนาจหน้าที่ก็ถือเป็นการให้สินบนราชการ ซึ่งคิดว่าต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้นายธนาธรพูดเสมอว่าต้องการให้บ้านเมืองไม่มีคอร์รัปชัน แต่น้องชายทำเสียเอง
    นายสิระกล่าวต่อว่า ในการประชุม กมธ. วันที่ 9 ธ.ค. จะมีการหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคดีนี้มีคนกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว แต่เหตุใดถึงหลุดคดี เพราะคนที่ติดสินบนเป็นคนรวยใช่หรือไม่ เป็นเพราะคุกมีไว้ขังคนจนหรือไม่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส กระทิงแดง ดังนั้น ตำรวจ พนักงานสอบสวน หรือหัวหน้าพนักงานสอบสวน ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
    ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุติสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า ตามคำพิพากษาในคดีนี้เมื่อปี 2562 ระบุชัดว่ามีการจ่ายสินบนจำนวน 3 ครั้งให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2 คนในขณะนั้น แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จัดประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การโทรศัพท์เดิมซึ่งอยู่ในย่านชิดลม เป็นที่ดินแปลงใหญ่จากสี่แยกราชประสงค์จนถึงห้างชิดลม ขนาด 12 ไร่เศษ โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตกลงกับบริษัทที่นายสกุลธรเป็นเจ้าของโดยมีการตกลงให้สินบนมูลค่า 500 ล้านบาท แต่มีการจ่ายแล้วเบื้องต้น 20 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องผ่านการประมูล ทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียประโยชน์ เพราะเป็นที่ดินขนาดใหญ่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท
    นายสมชายกล่าวต่อว่า ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 คน โดยให้จำคุกคนละ 6 ปี และจำเลยรับสารภาพแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการในทางกฎหมายกับนายสกุลธร ในฐานะที่ถูกโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับจ่ายสินบน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับฟ้องเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 2 คน จึงเป็นคดีที่เกิดคำถามตามมา
    "ส่วนตัวจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรมีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ทั้งเช็ค 3 งวด ที่มีการจ่ายสินบน เอกสารปลอม และการเข้าร่วมประชุมกันที่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทาง กมธ.ได้มีการหารือเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางอัยการแล้ว เบื้องต้นได้ให้อัยการทำหนังสือชี้แจงการพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยว่าเหตุใดไม่สั่งฟ้องน้องชายนายธนาธร" นายสมชายระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"