‘ชวน’ไปก่อนไม่รอฝ่ายค้าน เดินหน้าสมานฉันท์เท่าที่มี


เพิ่มเพื่อน    

 

"ชวน" ไม่รอฝ่ายค้าน กรรมการสมานฉันท์เท่าไหร่ก็เท่านั้น เดินหน้าต่อ ด้าน "พรเพชร" เผยสัดส่วน ส.ว. 2 ที่นั่งถอนตัวไป 1 คนต้องเลือกใหม่ ยันสิ้นปีได้ชื่อส่งประธานรัฐสภาแน่แม้ตั้งสเปกสูงก็ตาม สมน้ำสมเนื้อ อดีตรองโฆษก พปชร.ตอกโฆษกเพื่อไทยพูดเหมือนเด็กเพิ่งเกิด โตมาไม่ทันยุคเผด็จการรัฐสภา จี้หยุดสร้างวาทกรรม
     เมื่้อวันที่ 10 ธันวาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นำ ส.ส., ส.ว., ผู้แทนพรรคการเมือง, ข้าราชการ และผู้แทนสถาบันพระปกเกล้า วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมพระรูปต้นแบบพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 10 ธันวาคม
    ภายหลังเสร็จพิธี นายชวนกล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า สัปดาห์หน้าจะได้รายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดก่อนสิ้นปี ส่วนที่ฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่เข้าร่วมนั้น ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ซึ่งเดิมฝ่ายค้านแสดงความจำนงที่จะไม่เข้าร่วมตั้งแต่แรกแล้ว โดยตนเคยไปเจรจาอยากให้เข้าร่วม ขณะนั้นมีแนวโน้มจะตอบรับ แต่ยังขอดูท่าทีก่อน ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านระบุว่าโครงสร้างสัดส่วนแต่ละฝ่ายไม่สมดุล และได้ชี้แจงแล้วว่าเรื่องสัดส่วนไม่ได้นำมาลงมติ แต่เป็นการระดมความคิดความร่วมมือของแต่ละฝ่าย จึงไม่ใช่ว่าฝ่ายใดจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ทั้งนี้ จะเสนอแนวคิดนี้เข้าไปในโครงสร้างด้วย
    "ไม่ว่าคณะกรรมการฯ จะมีเท่าไรก็จะเดินหน้าต่อ และเมื่อได้รายชื่อคณะกรรมการแล้วก็จะนัดประชุม ซึ่งผมจะเข้าร่วมประชุมในนัดแรกเพื่อรับฟังความคิดเห็นด้วย"
    นายชวนกล่าวว่า การนัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ยังไม่มีการนัดประชุม โดยบรรจุอยู่ในระเบียบวาระแล้ว แต่ต้องรอว่ามีวาระอื่นที่สำคัญก่อนหรือไม่ ซึ่งในเดือนธันวาคมจะมีการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้ายของปี ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีญัตติที่ค้างอยู่กว่า 200 ญัตติ
    ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นไปตามการดำเนินการของคณะกรรมาธิการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทราบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็น ส่วนกระบวนการคงเป็นไปตามการพิจารณากฎหมายปกติ เร่งรัดมากไม่ได้ เพราะบทบัญญัติบางบทบัญญัติไม่สามารถลอกของเก่าได้ เนื่องจากอาจเกิดการขัดกันของกฎหมาย จึงต้องพิจารณาให้มาตราต่างๆ สอดคล้องกัน
    ส่วนข้อเรียกร้องของฝ่ายต่างๆ ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้น ประธานวุติสภาชี้แจงว่า ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้ง แต่ควรรับฟังความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเมือง รัฐธรรมนูญ และการปกครองด้วย รวมไปถึงควรให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบว่าเสียงผู้ทรงคุณวุฒิเพียงไม่กี่คนจะมีบทบาททำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงขออย่ามองในแง่ร้าย เพราะผลสรุปสุดท้ายต้องเป็นไปตามเสียงข้างมาก
    นายพรเพชรยังกล่าวถึงการส่งตัวแทนร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ในสัดส่วนของวุฒิสภา 2 คนว่า มีการทาบทามบุคคลที่เหมาะสมแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อนํารายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมวิปวุฒิสภา มีคนถอนตัวไป จึงเหลือเพียงคนเดียว โดยจะดำเนินการคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อส่งรายชื่อให้กับนายชวน และคงต้องพูดคุยกันให้หนักแน่นมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการถอนตัวอีก ซึ่งที่ผ่านมาก็ตั้งสเปกผู้ที่จะมาเป็นกรรมการสมานฉันท์ค่อนข้างสูง ไม่เอาคนที่เคยร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว
    ส่วนที่ผู้เห็นต่าง ยืนยันไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการสมานฉันท์นั้น นายพรเพชรมองว่า เดี๋ยวก็คงได้ แต่เบื้องต้นไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเทียบเชิญ แต่มองว่าต้องทำความเข้าใจกันมากขึ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพยายามทำให้ครบองค์ประกอบ และคาดว่านายชวนจะพูดคุยกับฝ่ายค้านอีกรอบ
มกราคมจบทุกเรื่อง
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหากรรมาธิการในซีกวุฒิสภาและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลใช้เสียงข้างมากในการลงมติเพื่อปิดกั้นฝ่ายค้านว่า กรรมาธิการได้พิจารณาตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการมาแล้ว และเห็นชอบให้ใช้ร่างแก้ไขฉบับรัฐบาลเป็นหลักในการพิจารณา ซึ่งการปรับแก้รายละเอียดต่างๆ กรรมาธิการจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ความเห็นที่ไม่ตรงกันก็จะต้องมีการพูดคุยกัน หรือลงมติชี้ขาด ซึ่งอยู่ที่กรรมาธิการแต่ละคนจะพิจารณาด้วยเหตุและผลโดยไม่เลือกปฏิบัติ แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุปในบางเรื่อง และน่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดในเดือนมกราคม
    ประธานวิปรัฐบาลยังกล่าวถึงการเสนอรายชื่อบุคคลเข้าร่วมคณะกรรมสมานฉันท์ว่า ขณะนี้แต่ละฝ่ายส่งชื่อมาแล้ว ขณะที่สัดส่วนของคณะรัฐมนตรีได้มีการเตรียมการไว้แล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบรายชื่อ สำหรับสัดส่วนของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่เสนอชื่อไว้ 3 คน ได้แก่ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แต่สัดส่วนกำหนดไว้แค่ 2 คนนั้น อาจจะส่งไปเป็นสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 1 คน ซึ่งก็จะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีจะต้องหารายชื่อมาอีก 1 คน
    ด้านนายสรอรรถ กล่าวกรณีที่พรรคฝ่ายค้านไม่ร่วมนั้น ว่าแม้ไม่มีปัญหาต่อการทำงาน แต่ส่วนตัวอยากให้เข้าร่วมเพื่อให้การเดินหน้าปรองดองสมานฉันท์นั้นมีตัวแทนทุกฝ่ายพูดคุยหาทางออก
        วันเดียวกันนี้ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.ว่า รัฐธรรมนูญหลายฉบับเริ่มต้นด้วยปากกระบอกปืน พรากการมีส่วนร่วมของประชาชน ขณะที่รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีจุดเริ่มต้นมาจากคนไม่กี่คน ไม่ได้คำนึงถึงประชาชนอันเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ในวันรัฐธรรมนูญปีนี้ หวังว่าการตั้ง ส.ส.ร.ในครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง และจะต้องไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้ เราจะสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออนาคตของลูกหลาน และพาไปสู่ทางออกประเทศอย่างสันติและยั่งยืนต่อไป เพื่อรัฐธรรมนูญในฝันที่เป็นประชาธิปไตยอย่างจริง
พูดเหมือนเด็กเพิ่งเกิด
    แต่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แย้งว่า การแสดงความเห็นของโฆษกพรรคเพื่อไทย สะท้อนว่าพูดเหมือนเด็กเพิ่งเกิด โตมาไม่ทันยุคเผด็จการรัฐสภาและกระบวนการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 จึงไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรม ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการลงประชามติ และได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนกว่า 16.8 ล้านคน คิดเป็นส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 61.35% ของประชาชนผู้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ ส.ส. ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีก็มาจากรัฐธรรมนูณฉบับนี้ ไม่มีฝ่ายไหนเป็นประชาธิปไตยมากกว่าอีกฝ่ายเหมือนที่ฝ่ายค้านพยายามปลุกระดมด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม
       "ขอเน้นย้ำให้หยุดสร้างวาทกรรม และยอมรับความจริงว่ารัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง มาจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติยอมรับจากประชาชนกว่า 16.8 ล้านเสียง แม้ว่าจะมีกระบวนการเคลื่อนไหวอย่างบิดเบือนเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่มีพรรคการเมืองบางพรรคอยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญรากเหง้าปัญหาที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเกิดวิกฤติเผด็จการรัฐสภา มีรัฐบาลที่เคยรวบอำนาจ รัฐบาลที่เหมือนบริษัทเอกชน และรัฐบาลที่บริหารงานผิดพลาดจนรัฐและประชาชนต้องเสียหายกว่า 800,000 ล้าน ซึ่งรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์กำลังแก้ไขความล้มเหลวจากรัฐบาลชุดนั้น และดำเนินการมอบอนาคตที่ดีให้ลูกหลาน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่กำลังพัฒนา ไม่ล้าหลัง ให้ทันสมัย จะเอาผลงานนำความเจริญไปทุกภูมิภาค ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรมในทุกๆ พื้นที่" น.ส.ทิพานันกล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ออกมาเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระวังซ้ำรอยพฤษภาทมิฬว่า นายสุลักษณ์มีโทสาคติกับ พล.อ.ประยุทธ์เกินไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง ไม่ได้เข้ามาแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ และก็มาตามกลไกตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเหมือนรัฐบาลในอดีต อยากจะให้นายสุลักษณ์มองพล.อ.ประยุทธ์ด้วยใจที่เป็นธรรม อย่ามองแบบมีเจตนาพิเศษ
    นายธนกรกล่าวอีกว่า เหตุการณ์พฤษภาทมิฬไม่มีทางเกิดขึ้นในยุค พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนดี ตั้งใจทำงานให้กับบ้านเมือง รักชาติ รักประชาชน ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้การสนับสนุน ทั้งนี้ อยากถามนายสุลักษณ์ว่า คณะราษฎรคิดล้มล้างการปกครอง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ นายสุลักษณ์ยังจะให้การสนับสนุนอีกหรือ นายสุลักษณ์มั่นใจหรือว่าคณะราษฎรจะปลุกม็อบให้เหมือนพฤษภาทมิฬ แต่คนไทยทั่วประเทศคงไม่ยอม
    "อยากเตือนความจำนายสุลักษณ์ว่า ใครเป็นคนออกมาหยุดความขัดแย้งหรือสถานการณ์ที่คนไทยเข่นฆ่ากันเองในช่วงพฤษภาทมิฬ ไม่ใช่ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือ นายสุลักษณ์ควรไปเตือนคณะราษฎรให้เลิกพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จะดีกว่า ไม่ใช่ออกมาพูดเหมือนให้ท้ายแบบนี้" นายธนกรกล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"