12 ธ.ค.2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุดรธานี พร้อมเยี่ยมชมการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้าน บ้านท่าสี อ.หนองแสง ว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังเกิดการฟื้นตัวที่ดี เชื่อว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะสามารถฟื้นตัวจนกลับเข้าสู่รูปแบบเดิมหรือกลับเป็นปกติเหมือนกับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 12-18 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากหากมองไปที่ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาต่างก็ระบุชัดเจนว่าดีขึ้นทุกภาคส่วน โดยพบว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นการที่จะฟื้นตัวเข้าสู่ระบบปกติจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยากเท่าใดนัก  

“การพัฒนาวัคซีนจากทั่วโลกหรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็ถือว่ามีความคืบหน้าไปได้มาก  โดยเมื่อวัคซีนได้ผลเป็นที่น่าพอใจและสามารถช่วยป้องกันโควิด-19 ได้  การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก็จะยิ่งเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว  จากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเศรษฐกิจก็จะกลับมาคึกคักมากขึ้น”นายสุพัฒนพงษ์  กล่าว 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อในระยะต่อไปซึ่งเป็นความต้องการของคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ก็คือหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยจะต้องมีสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงและเข้มแข็งมากกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงแต่ต้องการให้กลับไปสู่สภาพเศรษฐกิจก่อนโควิด-19 โดยเร็วเท่านั้น  ซึ่งในปี 2564 นั้นจะต้องมีการเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ โดยตั้งเป้าเป็นประเทศชั้นนำในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทีมงานด้านเศรษฐกิจทุกคนต้องกลับไปหาแนวทาง  หรือทบทวนพิจารณาหามาตรการที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในนระยะข้างหน้า 

นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายพลังงานว่า ตอนนี้กำลังเร่งทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องอดใจรอก่อน นโยบายทั้งหมดจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกเป็นประธานก่อน ซึ่งแน่นอนว่าจะเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจฐานรากเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกร รวมถึงการเดินหน้าเรื่องพลังงานทดแทนที่เป็นเป้าหมายของหลายประเทศในโลก