คุกฟันคอริบเรือน! ผู้ช่วยรมต.ยธ.ยุส่งแก้ม.112เพิ่มโทษ‘ท่านใหม่’อัดสามสัส


เพิ่มเพื่อน    

ผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรมเสนอหากอยากแก้ ม.112 ควรให้มีการเพิ่มโทษจากจำคุกเป็นฟันคอริบเรือนน่าจะดีกว่า   "ท่านใหม่" แนะจบได้แล้วพวกจำอวดสามช่าหน้าม่าน อีแอบสามสัส นักการเมืองสัมภเวสีไม่มีแผ่นดินอยู่ อาจารย์ล้มเจ้าทั้งหลาย หลอกใช้เด็ก "ผศ.ดร.อานนท์" เผย 13 เหตุผล ทำไมต้องบังคับใช้มาตรา 112 อย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม รอง ผบช.น.เผยม็อบ 3 นิ้วโดนไปแล้วกว่า 200 คดี
    เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” โดยระบุว่า ได้รับข้อมูลจากประชาชน กรณีเมื่อวานนี้ 11 ธ.ค. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง UN เพื่อยกเลิก ม.112 จึงต้องขอชี้แจงให้ทราบ เพราะมีการปลุกระดมให้ข้อมูลเท็จและหวังสร้างความแตกแยกในสังคม
    ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี" ซึ่งกฎหมายไทยสมัยใหม่ บรรจุความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ.2453) มีการเพิ่มให้การ "ดูหมิ่น" เป็นความผิด และเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 และมีการเพิ่มโทษครั้งล่าสุดในปี 2519
         นายสามารถระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และเห็นว่าม็อบ 3 นิ้วควรต้องเข้าใจหลักการให้ชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แล้ววันที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับแรก คือวันที่ 10 ธ.ค.2475 ได้มีกฎหมายข้อนี้ชัดเจนอยู่แล้ว แม้ตั้งแต่ ร.ศ.127 ก็มีระบุว่า ห้ามบุคคลใดดูหมิ่นต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพราะพระองค์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงประชาชนคนธรรมดาก็มีกฎหมายคุ้มครองในคดีหมิ่นประมาท เคยเห็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะแกนนำคณะก้าวหน้า ที่พยายามผลักดันให้เด็กเยาวชนเรียกร้องเรื่องนี้ ก็ได้ใช้กฎหมายหมิ่นประมาทตามฟ้องบุคคลอื่นๆ เช่นกัน
         เขาระบุว่า กฎหมายหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม.326 ระบุว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรื่องการละเมิด ม.423 “ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี” จะเห็นได้ว่าประชาชนทั่วไป ก็มีกฎหมายคุ้มครองทั้ง 2 ฉบับ แต่ทำไมสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยจะต้องไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
        “ผมคิดว่า ม.112 ไม่ได้กระทบต่อประชาชนคนไทยคนไหนเลยเพราะไม่มีใครคิดจะดึงฟ้าลงมาต่ำหรือดูหมิ่นสถาบัน แต่มีแค่คนบางกลุ่มที่หวังต้องการให้สถาบันอ่อนแอ คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ผมจึงอยากให้คนไทยเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง และอย่าหลงเชื่อแกนนำม็อบ 3 นิ้ว หรือเรียกตัวเองว่าคณะราษฎร โดยคนพวกนี้ไม่เคยคิดถึงบุคคลอื่น และจะเรียกร้องแต่กลุ่มตัวเองที่ได้ประโยชน์เท่านั้น ดังนั้น หากสังคมจะไปต่อได้ความเห็นแก่ตัวต้องลดน้อยลง มองผลประโยชน์ของคนส่วนรวมให้มากขึ้น จึงอยากเตือนสติกลุ่มม็อบให้คิดทบทวนเสียใหม่และปรับปรุงตัวเอง หรือหากอยากจะแก้ไขกฎหมาย ม.112 ควรให้มีการเพิ่มโทษจากจำคุกเป็นฟันคอริบเรือนน่าจะดีกว่า” นายสามารถกล่าว
พวกจำอวดสามช่าหน้าม่าน
    ด้านหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย รักษาพระองค์ สนองพระเดชพระคุณเป็นราชองครักษ์พิเศษใน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ  พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า สวัสดีปีใหม่ กันบนท้องถนน ในคุก หรือกับครอบครัว เพื่อนฝูงกันดี พวกอีแอบชักใยเบื้องหลังแกนนำม็อบเด็กปลดแอก กล้าๆ หน่อย
    จบกันได้แล้วครับ พวกจำอวดสามช่าหน้าม่าน ทุกอย่างเป็นจำอวด เนื้อหาไม่มีแก่นสารอะไร นอกจากล้มสถาบัน ด่าสถาบันเท่านั้น และนี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว เป็นเวลาที่ประชาชนจะได้พักผ่อน มีความสุขอยู่กับครอบครัว และคนที่รัก
    ตอนนี้ ประชาชนเอือมระอากับพวกคุณ เด็กก็เบื่อหน่ายไม่ไปม็อบเป็นเครื่องมือให้ถูกหลอกใช้แล้ว ไปแล้วไม่ได้อะไรเลย ยิ่งออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วงมากเท่าไหร่ คุกและโทษทัณฑ์ก็รอมากเท่านั้น แทนที่จะติดคุกแค่ปีเดียว ยิ่งจัดม็อบออกมามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นดินพอกหางหมู จากปีเดียว ก็เป็นสิบ ยี่สิบปี ต่อไปนี้จะได้ฉลองปีใหม่กันในคุกเป็นยี่สิบปี
    จบได้แล้ว อย่าหลอกผลักเดินออกมาเคลื่อนไหวข้างหน้า ตัวเองชักใยอยู่เบื้องหลัง สุดอำมหิต พวกแกนนำตัวจริงอีแอบ พวกสามสัส พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยที่อยู่เบื้องหลังคอยยุยงปลุกปั่นเด็กออกมาเคลื่อนไหว แต่ตัวเองสุขสบายดี ที่บอกว่าจะลาออกก็ไม่เห็นจะลาออก แค่สัจจะยังไม่มี
    มาอีกแล้ว พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยอีแอบล้มเจ้ากลุ่มหนึ่งแถวสามย่านก็ออกมาถวายฎีกา ขอยกเลิกการบังคับใช้มาตรา 112 ทำตัวเหมือนที่อาจารย์อีแอบแถวท่าพระจันทร์เคยทำมา (นึกว่าจบไปแล้ว) จะถวายฎีกาเพื่ออะไร คนธรรมดาหากถูกหมิ่นประมาท และถูกขู่ฆ่าก็ยังฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาเพื่อลงโทษเอาผิดคนที่ทำผิดได้ พระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงอยู่ในฐานะที่จะทรงฟ้องร้องได้เอง ก็เลยต้องมีกฎหมายคุ้มครองให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินคดีแทนได้
    พวกอาจารย์อีแอบ นักการเมืองอีแอบล้มเจ้าทั้งหลาย ถ้าไม่ได้ทำชั่ว ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนกินปูนร้อนท้องมาถวายฎีกาไปเพื่อเหตุใด
    อีแอบหลังม่านทั้งหลาย ทั้งที่ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เชียงใหม่ ออกมาขึ้นเวทีกล้าชน กล้าสู้ อย่าหลอกใช้เด็ก บาปกรรม อำมหิต เป็นถึงครูบาอาจารย์แต่หลอกใช้เด็กเพื่อทำลายอนาคตเด็ก ถ้าแน่จริง เก่งกล้าจริง อย่างนิธิ หรือ ศ.....ก็ออกหน้า อย่าเป็นอีแอบ ประกาศออกมาเปิดหน้าสู้ให้ชัดเจนไปเลย ว่าจะขอเปลี่ยนแปลงประเทศ จะล้มสถาบันให้หมดไปจากประเทศไทย
สัมภเวสีไม่มีแผ่นดินอยู่
    อาจารย์อีแอบอำมหิตเหล่านี้มีขุมกำลังมากมาย มีความรู้ มีนักการเมืองหนุนหลัง ถ้ายังมีความละอายและยังมีความกล้าหาญทางจริยธรรมอยู่บ้าง ก็รวมตัวกันออกมากันซิครับ จัดกันให้เต็มที่กันเลย แบบ กปปส. แล้วออกมาขับไล่พระมหากษัตริย์และสถาบันกันเลย แล้วให้ประชาชนเลือกว่าจะอยู่กันอย่างไรในพระราชอาณาจักรนี้ จะเป็นสาธารณรัฐ จะเป็นคอมมิวนิสต์ จะเป็นประชาธิปไตยขี้ข้าตะวันตก ขายชาติบ้านเมือง ก็ออกหน้าสู้ให้เต็มที่
    ผมว่า พวกอีแอบทั้งหลาย ทั้งสามสัส (มีโอกาสอยู่คุก หรือเนรเทศตัวเองหาประเทศใหม่อยู่กันสูง) นักการเมือง ทั้งสัมภเวสีไม่มีแผ่นดินอยู่ ทั้งพวกอาจารย์มหาวิทยาลัยอำมหิต ที่ล้วนแล้วแต่หลอกใช้เด็ก หากถือว่าเสียงประชาชนทั่วประเทศเป็นเสียงสวรรค์ ก็ตั้งเวทีหลังโควิดเลิกระบาด แบบ กปปส. พธ. คสช. กันเลยยังมีเวลาครับ เที่ยวปีใหม่ ทำบุญทำทาน กันก่อน
    ขณะที่ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้โพสต์ข้อความเรื่อง "ทำไมต้องบังคับใช้มาตรา 112 อย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม" ลงในเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
         หนึ่ง มาตรา 112 มีสองมูลความผิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และอาฆาตมาดร้าย ซึ่งสำหรับคนปกติคือคดีหมิ่นประมาทและคดีขู่ฆ่าเอาชีวิต ในเมื่อคนธรรมดาสามัญ กฎหมายก็ยังต้องคุ้มครองหากมีมูลฐานความผิดเดียวกัน แล้วทำไมองค์พระประมุข ผู้ทรงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ สำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ กฎหมายจะไม่คุ้มครอง
         มีนักการเมืองที่มีความคิดล้มเจ้า เข้าไปร่วมการชุมนุมและให้เงินแก่แกนนำปลดแอก ตัวเองก็ยังฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทได้ แล้วเหตุไฉนจะยกเลิกมาตรา 112 จะให้พระเจ้าแผ่นดินได้รับความคุ้มครองน้อยกว่าตนเอง จะได้รังแกพระเจ้าแผ่นดินได้ตามอำเภอใจเช่นนั้นหรือ
        สอง สากลและนานาประเทศ ล้วนแล้วแต่มีการคุ้มครองประมุขและองค์พระประมุขของประเทศตนเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะการปกครองในระบอบไหน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาปกครองกันไม่ได้เลย
         สาม เวลาประมุขของประเทศอื่นเสด็จหรือเดินทางมาเยือน ประเทศไทย ก็ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายแบบเดียวกันกับมาตรา 112 คือใช้มาตรา 113 แล้วทำไมไม่คุ้มครององค์พระประมุขของประเทศตัวเอง คงเป็นเรื่องลักลั่นกันมากที่สุด
        สี่ องค์พระประมุขไม่ทรงอยู่ในฐานะที่จะฟ้องร้องคดีต่อผู้ละเมิดพระองค์ได้ ไม่เหมือนกับบุคคลธรรมดา จำเป็นต้องมีกฎหมายมาตรา 112 เพื่อให้เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ดำเนินการฟ้องร้องและจับกุมดำเนินคดีได้แทนองค์พระมหากษัตริย์
         ห้า มาตรา 112 เป็นการคุ้มครององค์พระประมุขของประเทศ อันสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ ดังรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 6 ได้บัญญัติไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
        ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้
การอาฆาตมาดร้าย
         หก การไม่มีการลงโทษผู้กล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้อย่างเสรี จะทำให้เกิดความเหยียดหยามได้ เพราะทำจนเคยชิน ดังภาษิตที่ว่า ความคุ้นเคยบ่มเพาะให้เกิดความเหยียดหยาม หากเป็นเช่นนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์จะสั่นคลอนและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
        เจ็ด เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการอาฆาตมาดร้าย เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่โปรดให้ใช้มาตรา 112 ทั้งที่ในความจริงอาจจะไม่โปรดให้ใช้เพราะจะเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง หรือใช้อย่างไม่เป็นธรรม
         อย่างไรก็ตาม การกระทำผิดโดยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและอาฆาตมาดร้ายนั้นเพิ่มขึ้นมาก เพราะไม่ต้องเกรงกลัวความผิดอีกต่อไป ทำให้สังคมขาดหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ขาดการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อไร้แป
         แปด ทั้งนี้การไม่บังคับใช้มาตรา 112 ทำให้คนหลายคนคะนอง เหิมเกริม จ้วงจาบหยาบช้ามากยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะทำผิดกฎหมายมาตรา 112 มากเพียงใดก็จะปลอดภัยไม่ได้รับการลงโทษ ทั้งยังได้รับแรงเสริมทางบวกจากหลายๆ คน เพราะจะได้กลายเป็นจ่าฝูง เป็นแกนนำ ในการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ในหมู่มวลชนปฏิกษัตริย์นิยม ยิ่งทำให้เกิดการกระทำผิดมากยิ่งขึ้น
         เก้า กฎหมายทุกมาตรามีสภาพเป็นบทลงโทษและความรุนแรง เพื่อใช้ระงับและข่มขู่คาดโทษไม่ให้เกิดความรุนแรงที่ไม่พึงปรารถนาแก่สังคม การลงโทษและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดหลักนิติรัฐ ซึ่งนำไปสู่รัฐในอุดมคติหรืออุตมรัฐ สังคมใดก็ตามที่การบังคับใช้กฎหมายย่อหย่อนมาก จะมีปัญหาอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายอย่างมากมาย เพราะคนในสังคมจะไม่เกรงกลัวต่อการกระทำความผิด เนื่องจากจะไม่ได้รับโทษ ลอยนวล
        สิบ ที่ผ่านมา การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมักเกิดจากการใช้ข้อความอันเป็นเท็จ โกหก ใส่ร้ายป้ายสีแทบทั้งสิ้น ไม่ได้นำความจริงมาพูดอย่างตรงไปตรงมา การแอบอ้างว่าให้ยกเลิกมาตรา 112 แล้วจึงจะพูดหรือวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นจริง ในเมื่อก็สามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมา หากเป็นข้อเท็จจริงและมีหลักฐานรองรับอย่างถูกต้อง
3 นิ้วโดนแล้วกว่า 200 คดี
        ยกตัวอย่างเช่น พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดการทรงงานแบบเงียบ ไม่โปรดให้ประชาสัมพันธ์ ไม่โปรดให้เป็นข่าว เรื่องนี้เป็นพระนิสัยส่วนพระองค์ แต่การที่ทรงทำเช่นนี้เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะคนที่จ้องจะใส่ร้ายสถาบัน โพนทะนา โฆษณา ทำสงครามไซเบอร์ล้มเจ้าไม่หยุดหย่อน การนิ่งเฉยจะกลายเป็นการยอมรับ หากพระองค์ท่านจะเลือกทรงงานแบบเดิม ไม่โปรดให้ประชาสัมพันธ์เลยจะเป็นเรื่องแย่ ต้องปรับพระองค์ ยอมให้ประชาสัมพันธ์ ลดความเป็นส่วนพระองค์ลงบ้าง เพื่อไม่ให้ทรงถูกใส่ร้ายป้ายสีมากจนทำให้บ้านเมืองและสถาบันสั่นคลอน ผมมีความเห็นและวิเคราะห์ว่าทรงปรับพระองค์เองในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และกำลังทรงพยายามอยู่ ขอกราบบังคมทูล ถวายกำลังพระทัย
        สิบเอ็ด สถาบันพระมหากษัตริย์มีการปรับตัวเองมาตลอดเวลา ในทุกยุคทุกสมัย แต่ขบวนการล้มเจ้าในประเทศไทยก็มีมาต่อเนื่องนับแต่รัชกาลที่ 6 ปฏิวัติ 2475 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และนักการเมืองล้มเจ้า
         สิบสอง พวกที่เรียกร้องเรื่องให้ยกเลิกมาตรา 112 นี้ล้วนแต่ปากว่าตาขยิบ มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะตนเองกระทำผิดมาตรา 112 หรือสนับสนุนผู้คิดล้มเจ้า แต่กลับมาเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 คนมีผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นนี้ น้ำหนักคำพูดไม่มีเลย ทำเพื่อให้ตัวเองรอด หรือทำเพื่อให้พวกตัวเองรอด ไม่ได้กระทำโดยบริสุทธิ์ใจ อย่าให้น้ำหนักให้มากนัก
        สิบสาม หากมิได้หมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องเดือดร้อน กินปูนร้อนท้องไปทำไมเล่า การบังคับใช้มาตรา 112 ส่งผลดีต่อสังคมมากกว่าผลเสีย ในปัจจุบันที่เห็นชัดเจนก็พบว่ามีการกระทำความผิดชัดแจ้ง ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมายแต่อย่างใดเลย
        "ข้าพเจ้า ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ขอสนับสนุนการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และต่อต้านการยกเลิกใช้กฎหมายดังกล่าว" ผศ.ดร.อานนท์ระบุ
     พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรว่า ตำรวจมีคณะทำงานช่วยกันพิจารณาความผิดต่างๆ มีการถอดเทปคำปราศรัย ซึ่งส่วนใดมีความผิดชัดเจนก็ร้องทุกข์กล่าวโทษ และทยอยออกหมายเรียกให้ผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา
    โดยขณะนี้มีคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาลกว่า 200 คดี เป็นความผิดข้อหาต่างๆ ตามพฤติการณ์ เช่น มาตรา 215 วรรค 1, มาตรา 215 วรรค 2, มาตรา 116, มาตรา 112, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.จราจรทางบก และข้อหาอื่นๆ
    "จำนวนของผู้กระทำผิดไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะพฤติกรรมของผู้กระทำผิด ทำผิดอย่างไรต้องได้รับผลอย่างนั้น อย่างที่เคยเตือนแต่แรกเรื่องการชุมนุม อย่าคิดว่าจะไม่โดนดำเนินคดี เพราะขณะนี้ความผิดต่างๆ มีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนจนดิ้นไม่หลุด และการกระทำใดเข้าองค์ประกอบความผิดมาตราใด เราก็จะแจ้งข้อหาตามความผิดมาตรานั้น"  รอง ผบช.น.กล่าว
    มีรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 จากการชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 34 คน มีทั้งการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งผู้กระทำผิดเป็นแกนนำที่ขึ้นปราศรัยเวทีต่างๆ และผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ที่ร่วมปราศรัยมีเนื้อหาที่เข้าข่ายกระทำความผิด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"