ยกฟ้อง'ผู้กองหยอง-อดีตเมียเสี่ยร้านทอง'จ้างวานฆ่าผัว จำคุก4จำเลยก๊วนรุมตี


เพิ่มเพื่อน    

21 ธ.ค. 63 - ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีจ้างวานฆ่าเสี่ยร้านทอง หมายเลขดำ อ.1869/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.ภาคภูมิ หรือผู้กองหยอง ทองแจ้ง อดีต รอง สวป.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, น.ส.เพชรรัตน์ หรือเจ๊บิ๊ก ตั้งสิริเมธาพร อดีตภรรยานายอนุพันธ์ ทวีสิทธิศักดิ์, นายสุนทร หรือแต่ สุทธิบุตร, นายผจุน หรือวุ่น มีนิลดี, นายธวัชชัย หรือต๋อง เทียนสว่าง และนายวุฒิชัย หรือกอล์ฟ น้อยหรุ่น  ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานจ้างวานให้พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้บาดเจ็บสาหัส และความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490

โดยอัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2562 ว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย. 2562 - วันที่ 21 เม.ย.2562 ร.ต.อ.ภาคภูมิ และ น.ส.เพชรรัตน์ อดีตภรรยาของนายอนุพันธ์ ทวีสิทธิศักดิ์ เจ้าของร้านทองแสงเจริญ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้จ้างวานให้จำเลยอีก 3 คน ใช้อาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม.พร้อมกระสุนยิงนายอนุพันธ์ โดยมีเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนด้าน จำเลยจึงใช้ท่อนเหล็กแป๊บพันผ้าเทปสีดำ 3 ท่อน รุมตีที่ศีรษะและลำตัวนายอนุพันธ์ และนายชัชวาล ทราจารวัตร คนใกล้ชิด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนหลบหนี เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถ ห้างเทสโก้ โลตัส อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ 1-6 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ศาลวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยที่ 3-6 กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุคนร้ายจำนวน 4 คน ได้ดักทำร้ายนายอนุพันธ์ ผู้เสียหายที่บริเวณลานจอดรถห้างเทสโก้โลตัส ซึ่งนายสุนทร จำเลยที่ 3 ได้ใช้อาวุธปืนบังคับไม่ให้ลูกน้องของนายอนุพันธ์เข้าช่วยเหลือได้ จากนั้นจำเลยที่ 4-6 ได้นำท่อเหล็กรุมทำร้ายตีบริเวณลำตัวหลายครั้ง นานประมาณ10 นาที ทำให้นายอนุพันธ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีสติครบถ้วนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากผลการตรวจของแพทย์พบว่าบาดแผลผู้เสียหายบริเวณลำตัวและศีรษะไม่ถึงขั้นจะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ ขณะที่ผู้เสียหายก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลาไม่ถึง 20 วัน 

ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 4-6 ไม่ได้เจตนาจะทำร้ายให้นายอนุพันธ์เสียชีวิต เพราะตอนใช้ท่อนเหล็กตีตามลำตัวร่างกายไม่ได้มุ่งตีที่บริเวณศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญ จึงเชื่อว่าคนร้ายต้องการจะใช้ท่อนเหล็กตีสั่งสอนเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ 3 ใช้อาวุธปืนจี้ลูกน้องของนายอนุพันธ์ เพื่อไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือนั้น ก็ไม่ได้เจตนาจะยิงหรือฆ่าผู้อื่นทั้งที่มีโอกาสที่จะทำได้ พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าฯ  แต่การกระทำของจำเลยที่ 3-6 ยังคงเป็นความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้บาดเจ็บสาหัสโดยมีอาวุธปืน  

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยอีกว่า จำเลยที่ 4-6 ร่วมกับจำเลยที่ 3 ข่มขืนใจผู้อื่นฯ หรือไม่ พยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยทั้งหมดได้ไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อจะมาก่อเหตุทำร้ายผู้เสียหาย และขณะนั่งรถมาด้วยกัน จำเลยที่ 4-6 รู้เห็นว่าจำเลยที่ 3 พกพาอาวุธปืนมาในกระเป๋าเสื้อ จึงถือว่าร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นและร่วมกันพาอาวุธปืน

ปัญหาต้องวินิจฉัยประเด็นต่อไปว่า ร.ต.อ.ภาคภูมิ จำเลยที่ 1 และ น.ส.เพชรรัตน์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างวานหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 4-6 ให้การว่าได้รับคำสั่งจากนายทองแดง โดยการสนทนาผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ ไม่รู้ชื่อ-นามสกุลจริง รู้เพียงผู้จ้างวานเป็นตำรวจ พยานหลักฐานไม่อาจเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของนายทองแดงว่าเป็นจำเลยที่ 1 ได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นไม่มีพยานหลักฐานใดบ่งชี้ข้อเท็จจริงได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานและการทำร้ายร่างกาย เป็นเพียงการคาดการณ์ของโจทก์เองเท่านั้น จึงให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-2

พิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้บาดเจ็บสาหัสโดยมีอาวุธปืน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยจำเลยที่ 3-6 ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 2 ปี 18 เดือน, จำเลยที่ 4 และ 6 จำคุกคนละ 3 ปี 18 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 4 ปี 20 เดือน นอกจากนี้ ให้จำเลยที่ 3-6 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย จำนวน 1.2 ล้านบาทเศษ ริบของกลาง ยกฟ้องจำเลยที่ 1-2 แต่ให้ขังจำเลยที่ 1 ไว้ระหว่างอุทธรณ์.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"