มาตามนัด! 'วัฒนา'พบอัยการ ลั่นไม่หนีพร้อมสู้คดีโกงบ้านเอื้ออาทร


เพิ่มเพื่อน    

9 พ.ค. 61 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 9.00 น. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางมารายงานตัวต่อคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ตามที่นัดเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานพาตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เดินทางมาถึงเข้าพบคณะทำงาน ทั้งนี้อัยการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย มาพบเพื่อฟังคำสั่ง ขณะที่มีผู้ถูกกล่าวหา 9 ราย แจ้งจะเดินทางมาในวันนี้ โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ถูกกล่าวหาทยอยเดินทางเข้ามา แต่จนถึงเวลา 10.20 น. ยังเดินทางมาไม่ครบทั้ง 9 ราย

ด้านนายวัฒนา เปิดเผยว่า วันนี้มารายงานตัวกับอัยการตามที่นัดหมาย เมื่อพบแล้วจะพาไปที่ศาลฎีกาฯ เพื่อฟ้องคดี ตามขั้นตอนต้องขอประกันตัว ส่วนจะต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไรไม่ทราบล่วงหน้า แต่ได้เตรียมไว้ 2 ล้านบาท โดยเทียบจากจำนวนเงินที่เคยขอประกันตัวในคดีเก่าๆ ทั้งนี้การสู้คดีคาดว่ากว่าจะเริ่มสืบพยานคงไม่เร็วไปกว่าช่วงสิ้นปี ตนพร้อมอยู่แล้ว ประเด็นง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน คดีนี้เริ่มจากการรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ถูกขู่มาก่อนจะโดนข้อหาอื่นๆ ปี 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ขู่ หลังจากนั้นไปถูกชกที่สนามบอล ถูกอุ้มเข้าค่าย ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร ถูกตั้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ผิดปกติ ตนยินดีด้วยที่คดีมาถึง เพราะอยู่ที่ ป.ป.ช.นานเกินไปตั้ง 10 กว่าปี จะได้จบ ที่กวนๆ เพราะอยากบี้ให้มาซะที

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าท่าทีทางการเมืองที่เห็นต่างกับผู้มีอำนาจมาตลอด จะเป็นปัญหาในการต่อสู้คดี นายวัฒนา กล่าวว่า แค่มีคดีเพิ่มขึ้นอีก 1 คดี ไม่ใช่แค่คดีเดียว เพิ่งได้รับการติดต่อจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ว่างเมื่อไหร่ต้องไปรับทราบข้อหา ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล กังวลอย่างเดียวคือไม่ได้สู้ในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมชาติ เพราะอำนาจเผด็จการแทรกแซงไปทุกองค์กร เหลือกระบวนการสุดท้ายคือศาลที่เราต้องไปต่อสู้ในชั้นต้นก่อนศาลถูกแทรกแซงหมด

“กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นผมไม่เคยเชื่อตั้งนานแล้ว ตำรวจก็ถูกแทรกแซงได้ หรือคุณว่าแทรกแซงไม่ได้ล่ะ อัยการสูงสุดก็ถูกย้ายมาแล้ว ถูก ม.44 ย้ายเพราะไม่ตามใจ มันก็แทรกแซงไปหมดแล้ว ป.ป.ช.ก็ต่ออายุให้ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ แล้วจะให้ผมคิดอะไร แต่ยังเชื่อว่ายังมีที่พึ่งได้อยู่ ไม่มีตัวเลือก ก็ต้องไปสู้กันที่ศาล ยืนยันว่าหนีไม่ได้ ไม่ใช่คดีนี้คดีแรก โดนมาไม่รู้กี่คดีแล้ว ยกฟ้องมาหมด คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายสำหรับคดีอาญานักการเมือง คดีที่ศาลทหาร คดีอาญาอื่นโดนแจ้งข้อหาอีกตั้งหลายคดี ไม่รู้จะหนีไปไหน" นายวัฒนา ระบุ

 อดีต รมว. พม. ชี้แจงถึงแนวทางต่อสู้คดีว่า ที่กล่าวหาว่าออกทีโออาร์เอื้อประโยชน์หรือไม่ เขาบอกว่าบอร์ดกับผู้ว่าฯ ไม่ผิด ทำทุกอย่างถูกต้องก็ชัดในตัว ถ้าเอื้อประโยชน์แล้วคนทำไม่ผิดได้อย่างไร โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการที่ขายหมด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ บ้านที่ประชาชนได้ไปหลังละกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 7-8 แสนบาทแล้ว ประชาชนมีความต้องการ แต่เป็นเรื่องการเมืองที่ต้องทำลาย เพื่อรับรองการยึดอำนาจ หากมีความเสียหายก็ต้องออกคำสั่งทางปกครองให้ตนชดใช้ แต่ไม่มี แสดงเจตนาจะฟ้องให้ได้ การเรียกรับผลประโยชน์อ้างว่าตนเรียกรับเงินต่อหน้าที่ประชุมผู้ประกอบการ ประชุมเป็นทางการใครจะบ้าไปเรียกอย่างนั้น คุณเชื่อหรือ คดีนี้เริ่มจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 คือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ ระหว่างการไต่สวนมีการจูงใจข่มขู่พยานตลอด เพื่อซัดทอดเอาเราให้ได้ พยานไหนร่วมมือก็กันเป็นพยาน พยานไหนไม่ร่วมมือก็เอาเป็นผู้ต้องหา การดำเนินคดีอย่างนี้มีความบริสุทธิ์หรือ

“ในชั้นศาลคงจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของการดำเนินคดีตั้งแต่ในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็มีการจูงใจข่มขู่พยาน มันเป็นความไม่ปกติ อย่างที่สองก็คือกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาอย่างกระบวนการที่พยายามจะเอาเรา อ้างว่าทำสิ่งนี้ผิด อ้างว่าผมสั่งให้ออกทีโออาร์ที่ผิด แล้วคนที่ทำมันไม่ผิด แล้วผมจะไปผิดได้ยังไง ถ้าสิ่งที่ผมทำผิด คนที่รับไปปฏิบัติก็ต้องผิดด้วยถูกไหม แล้วทำไมทั้งหมดเหลือผมอยู่คนเดียว ปล่อยทุกคนหมด ถ้ามันไม่เป็นเรื่องทางการเมืองแล้วเป็นเรื่องของอะไร ก็แค่นั้นเอง ส่วนการสู้คดีในศาลก็ว่ากันที่พยานหลักฐาน คดีนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ง่ายๆ มีการเรียกตังค์ไหมเรียกยังไง เรียกต่อหน้าที่ประชุมคุณเชื่อหรือ ก็คนอยู่ในห้องที่ประชุมตั้งเยอะไม่มีใครได้ยิน มีพูดขึ้นมาคนเดียวคุณเชื่อหรือ แล้วคนที่พูดมาเพราะอะไร มันมีความชัดเจนในนั้นไม่ยาก ถึงเวลาสืบพยานกันคงสนุก” นายวัฒนา กล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"