ตั้งฉายา‘รัฐบาลVERYกู้’ ‘ตู่ไม่รู้ล้ม’ย้อนสนุกกันไป


เพิ่มเพื่อน    

 

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาล? "VERY กู้"  เปรียบการทำงานที่ต้องกู้วิกฤติโควิดและต้องกู้เงินสูงที่สุด  ส่วนนายกฯ ?ฉายา "ตู่ไม่รู้ล้ม" ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  "ประยุทธ์" สวนหมัดรอฟังฉายาที่ ปชช.ตั้งให้สื่อ "ชวน"  ของขึ้นติงฉายาวุฒิสภาแรงไป บอกไม่ควรเปรียบปรสิตกับสภาสูง

    เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ได้มีการเผยแพร่การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2563 ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา สะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานรัฐบาลโดยปราศจากอคติ โดยมีมติตั้งฉายารัฐบาล  รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2563
    โดยฉายารัฐบาลประจำปีนี้คือ "VERY กู้" โดยมีการให้เหตุผลเปรียบเปรยการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องกอบกู้วิกฤติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กู้ชีวิตคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย แม้จะยังไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ก็ยังดีกว่าหลายประเทศ แม้จะไม่ถึงขั้น Very  Good ก็ตาม ขณะเดียวกันผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจ และ ปัญหาปากท้องคนไทยที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินและภาวะตกงาน บางคนต้องจากโลกนี้ไปด้วยไม่อาจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้เงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มาบรรเทาปัญหา
    ขณะที่ฉายาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม คือ "ตู่ไม่รู้ล้ม" โดยให้เหตุผลว่า เป็นการล้อคำ "โด่ไม่รู้ล้ม" ชื่อยาดองชนิดหนึ่ง เมื่อดื่มแล้วมีสรรพคุณทำให้คึกคัก กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สะท้อนถึงการทำงานของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ว่าจะประสบปัญหาอุปสรรคทางการเมือง หรือการชุมนุมขับไล่ถาโถม ก็ยังสามารถยืนหยัดฝ่าฟันอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป
    ส่วนแกนนำรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ป้อมไม่รู้โรย" โดยล้อจากคำว่าบานไม่รู้โรย ด้วยภาพลักษณ์ของพี่ใหญ่ 3 ป.ในวัย 75  ปี แต่ยังคงทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีเคียงข้างน้องๆ ได้   แถมยังแผ่บารมีควบเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล เหมือนกับดอกไม้ แม้จะบานนานมากแล้วแต่ก็ยังไม่รู้โรย ประกอบกับวลีติดปากที่มักจะตอบคำถามสื่อมวลชนแทบทุกครั้งว่า "ไม่รู้ๆ" อยู่เสมอ
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา  "ไฮเตอร์ เซอร์วิส" โดยให้เหตุผลว่า เป็นการยกคุณสมบัติเด่นของนายวิษณุ ที่สามารถหาทางออก ปัญหาหนักอกของคนในรัฐบาล โดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายได้อย่างเชี่ยวชาญ เปรียบได้กับผลิตภัณฑ์ซักฟอกขาวยี่ห้อดัง ที่สามารถซักล้างคราบสกปรกให้ขาวสะอาดหมดจดได้
    ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ฉายา "ทินเนอร์" ด้วยชื่ออนุทินซึ่งพ้องกับชื่อสารระเหยที่มีทั้งคุณและโทษ ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หากสูดดมเข้าไปมากอาจทำลายระบบประสาท  กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกนึกคิด คล้ายพฤติกรรมการใช้คำพูดที่ขาดความยั้งคิด ส่งผลลบต่อตัวเองและรัฐบาล โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ จนเป็นประเด็นลดความน่าเชื่อถือของตนเอง เช่น โควิดกระจอก, ไล่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับประเทศ หรือตอบโต้กับบุคลากรทางการแพทย์ จนเกิดกระแสต่อต้านหลายครั้ง
    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้ฉายา "เช้าสายบ่ายเคลม" โดยสื่อให้เหตุผลว่า สะท้อนการทำงานที่เห็นได้บ่อยครั้งว่ามักไม่ตรงต่อเวลา เข้าร่วมประชุมสายสม่ำเสมอ ส่วนในแง่การทำงานมักนิ่งเงียบเมื่อมีประเด็นที่ส่งผลลบต่อตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากเป็นเรื่องที่เป็นผลดีต่อคะแนนนิยมก็จะรีบเคลมผลงานดังกล่าวทันที
    ถัดมานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ได้ฉายา "ค้างคลัง" โดยมีที่มาที่ไปคือการยังคงไปไม่ถึงดวงดาว  โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เปลี่ยนตัว รมว.ไปถึง 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นคนนอกสายตา ถูกรั้งให้อยู่แค่ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น ทั้งที่ทุ่มเทให้พรรคอย่างมาก อีกทั้งยังออกตัวแรงแสดงออกชัดเจนว่า "พร้อมมาก" ที่จะทำหน้าที่นี้อีกด้วย
    ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ฉายา "ศักดิ์สบายสายเขียว" โดยมีที่มาคือ มีข่าวลือลั่นมากกับปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว และอีกหลายโครงการที่ขัดแย้งกับหลายหน่วยงาน แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนเกื้อกูลอย่างดีจากนายกรัฐมนตรี
    ถัดมาคือนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ฉายา "พัง PORN" โดยให้เหตุผลว่า สะท้อนการทำงานที่ล้มเหลว ในฐานะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับงานด้านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ถูกนำมาใช้โจมตีรัฐบาลอย่างหนัก แม้จะเปิดศูนย์  Anti-Fake News แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และล่าสุดเกิดดรามาหลังสั่งปิดการเข้าถึงเว็บไซต์ปลุกใจเสือป่าชื่อดัง จนเกิดกระแสต่อต้านลุกลามบานปลาย
    ขณะที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้ฉายา "หวีดดับ" โดยมีที่มาที่ไปคือ ภาพลักษณ์แกนนำ  กปปส.ยังคงเป็นภาพจำที่หลายคนไม่อาจลบเลือนได้ เช่นเดียวกับนกหวีดที่ถูกยกมาใช้เป็นสัญลักษณ์เปรียบเปรย  ได้กำกับดูแลงานกระทรวงเกรดเอ แต่กลับไม่มีผลงานโดดเด่นปรากฏให้เห็น มีเพียงข่าวกระแสต่อต้านรายวัน หนักหน่วงที่สุดคือถูกกลุ่มนักเรียนนักศึกษารวมตัวขับไล่
    ถัดมานางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ได้ฉายา "แชมป์ไตรกีฬา" โดยมีที่มาคือ ไตรกีฬาประกอบด้วยกีฬา 3 ชนิด คือ วิ่ง วายน้ำ และปั่นจักรยาน สะท้อนภาพลักษณ์ได้ครบถ้วนชัดเจน ในบุคลิกที่สื่อมวลชนประจักษ์ ทั้งในตำแหน่งรัฐมนตรีและเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ที่มีทั้งการวิ่งเต้น การเข้าหาผู้ใหญ่ และการปลุกปั่นกระแส แม้จะถูกกล่าวหาว่าลืมบุญคุณผู้ชักนำเข้าสู่การเมือง แต่ก็ไม่สนใจเสียงวิจารณ์ เดินหน้าจนสามารถคว้าตำแหน่งที่ต้องการได้สำเร็จ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและ ส.ส.สมัยแรกเท่านั้น
    ขณะที่วาทะแห่งปีคือ "ไม่ออก...แล้วผมทำผิดอะไรหรือ" เป็นคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตอบข้อซักถามสื่อมวลชน พร้อมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีที่ยืนเรียงหน้าประกาศความเหนียวแน่นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
    ทั้งนี้ มีความคิดเห็นจากบุคคลที่ได้รับฉายาทางการเมืองจากสื่อมวลชน เช่น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสื่อมวลชนทำเนียบฯ ตั้งฉายาประจำปี "ตู่ไม่รู้ล้ม" ว่า  ขอขอบคุณสื่อต่างๆ ในฉายาที่ตั้งมา ท่านก็สนุกสนานกันไป และทราบว่าประชาชนก็กำลังจะตั้งฉายาสื่อกันอยู่ ก็รอฟังแล้วกัน อยากรู้เหมือนกันว่าประชาชนเขาจะตั้งว่าอย่างไรกัน อันนี้คือการรับฟังสองทาง ไม่ว่าใครอยู่แล้ว  
    ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงฉายาทางการเมืองที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งให้  ประธานสภาผู้แทนฯ ว่า "ครูใหญ่ไม้เรียวหัก" และฉายาสภาผู้แทนราษฎรคือ "ปลวกจมปลัก" ว่า ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์อะไร แต่ครูสมัยนี้เขาไม่ได้ถือไม้เรียวแล้ว เดี๋ยวจะถูกผู้ปกครองเล่นงาน
    ประธานรัฐสภากล่าวด้วยว่า สำหรับฉายาวุฒิสภาคิดว่าแรงไป ไม่เหมาะที่ใช้คำว่าปรสิตกับสถาบันแบบนี้ จะเหมาทั้งหมดไม่ได้ ส.ว.ก็เป็นคนทำงาน ต้องยอมรับเพราะเขามาตามระบบอย่างนี้ จะไปเหมาคนเหล่านั้นทั้งหมดไม่ได้ ต้องเห็นใจ อกเขาอกเรา ฉายาประธานวุฒิสภา (หัวตอ รอออเดอร์) ด้วย ไม่ได้ปกป้อง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับประธานวุฒิสภา เพราะทำงานได้ตามขอบเขต ถ้าทำเกินไปกว่านั้นก็ไม่สามารถทำได้ แต่วุฒิสภาสมัยนี้แตกต่างจากสมัยก่อน บางคนอภิปรายมากกว่า ส.ส. เพราะฉะนั้นการที่เราจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร การที่เราไปตั้งสรรพนามเป็นลบมากๆ คนที่มีมารยาทอาจจะไม่โต้เถียงหรือยอมรับ  แต่ความจริงอกเขาอกเราก็ต้องเห็นใจ เราวิจารณ์การทำงานได้ แต่อย่าไปตั้งสรรพนามที่เป็นลบมากเกินไปเพราะเขาก็เป็นสถาบันหนึ่ง  
    นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ติดใจและไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาแก้ตัว ถือเป็นกระจกที่สะท้อนการทำงาน และไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"