ให้ประกัน'วัฒนา' ตบทรัพย์เอื้ออาทร


เพิ่มเพื่อน    

 

    ได้ออกมาเกรียนต่อ ศาลฎีกาฯ ให้ประกันตัว "วัฒนา" ตีราคา 5 ล้านบาท ห้ามไปต่างประเทศ เจ้าตัวคุยฟุ้งไม่หนี แค่ไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรม ถามม้าตอบช้าง อ้างบ้านเอื้ออาทรขายเกลี้ยงไม่เหลือ แล้วเสียหายตรงไหน ขณะที่คำสั่งฟ้องอัยการระบุชัด ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบตบทรัพย์

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ที่ห้องประชุม 501 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางมารายงานตัวต่อคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ตามที่นัด เพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานพาตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เดินทางมาถึงเข้าพบคณะทำงาน ซึ่งอัยการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย มาพบเพื่อฟังคำสั่ง 

    ขณะที่นายวัฒนา หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า วันนี้มารายงานตัวกับอัยการตามที่นัดหมาย เมื่อพบแล้วจะพาไปที่ศาลฎีกาฯ เพื่อฟ้องคดี ตามขั้นตอนตนก็ต้องขอประกันตัว ส่วนจะต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไหร่ไม่ทราบล่วงหน้า แต่ที่เคยขอประกันตัวในคดีเก่าๆ เคยโดนเรียก 2 ล้านบาท ส่วนการสู้คดีคาดว่ากว่าจะเริ่มสืบพยานคงไม่เร็วไปกว่าช่วงสิ้นปี ตนพร้อมอยู่แล้ว ประเด็นง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน 

    เขาอ้างว่าคดีนี้เริ่มจากการรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ถูกขู่มาก่อนจะโดนข้อหาอื่นๆ ปี 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ก็ขู่ หลังจากนั้นก็ไปถูกชกที่สนามบอล ถูกอุ้มเข้าค่าย ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร ถูกตั้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ผิดปกติ 

    "ผมยินดีด้วยที่คดีมาถึง เพราะอยู่ที่ ป.ป.ช.นานเกินไปตั้ง 10 กว่าปี จะได้จบ ที่กวนๆ เพราะอยากบี้ให้มาซะที"

    เมื่อถามว่า ท่าทีทางการเมืองที่เห็นต่างกับผู้มีอำนาจมาตลอด กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการสู้คดี นายวัฒนากล่าวว่า แค่มีคดีเพิ่มขึ้นอีก 1 คดี ไม่ใช่แค่คดีเดียว เพิ่งได้รับการติดต่อจาก บก.ปอท.จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ว่างเมื่อไหร่ก็ต้องไปรับทราบข้อหา ตนไม่มีอะไรที่ต้องกังวล กังวลอย่างเดียวคือไม่ได้สู้ในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมชาติ เพราะอำนาจเผด็จการแทรกแซงไปทุกองค์กร เหลือกระบวนการสุดท้ายคือศาลที่เราต้องไปต่อสู้ ในชั้นต้นก่อนศาลถูกแทรกแซงหมด

    “กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นผมไม่เคยเชื่อตั้งนานแล้ว ตำรวจก็ถูกแทรกแซงได้ หรือคุณว่าแทรกแซงไม่ได้ล่ะ อัยการสูงสุดก็ถูกย้ายมาแล้ว ถูก ม.44 ย้ายเพราะไม่ตามใจ มันก็แทรกแซงไปหมดแล้ว ป.ป.ช.ก็ต่ออายุให้ทั้งที่มันขาดคุณสมบัติ แล้วจะให้ผมคิดอะไร” 
ยืนยันไม่หนี

    นายวัฒนายืนยันว่า หนีไม่ได้ ไม่ใช่คดีนี้คดีแรก โดนมาไม่รู้กี่คดีแล้ว ยกฟ้องมาหมด คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายสำหรับคดีอาญานักการเมือง คดีที่ศาลทหาร คดีอาญาอื่นโดนแจ้งข้อหาอีกตั้งหลายคดี ไม่รู้จะหนีไปไหน

    เขากล่าวถึงการต่อสู้คดีนี้ว่า ที่กล่าวหาว่าออกทีโออาร์เอื้อประโยชน์หรือไม่ เขาบอกว่าบอร์ดกับผู้ว่าฯ ไม่ผิด ทำทุกอย่างถูกต้องมันก็ชัดในตัว ถ้ามันเอื้อประโยชน์แล้วคนทำไม่ผิดได้อย่างไร โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการที่ขายหมด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ บ้านที่ประชาชนได้ไปหลังละกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 7-8 แสนบาทแล้ว ประชาชนมีความต้องการ แต่มันเป็นเรื่องการเมืองที่ต้องทำลาย เพื่อรับรองการยึดอำนาจ ถ้ามีความเสียหาย ก็ต้องออกคำสั่งทางปกครองให้ตนชดใช้ แต่ไม่มี แสดงเจตนาจะฟ้องให้ได้ 

    นายวัฒนากล่าวว่า การเรียกรับผลประโยชน์อ้างว่าตนเรียกรับเงินต่อหน้าที่ประชุมผู้ประกอบการ ประชุมเป็นทางการใครจะบ้าไปเรียกอย่างนั้น คุณเชื่อหรือ คดีนี้เริ่มจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 คือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ ระหว่างการไต่สวน มีการจูงใจข่มขู่พยานตลอด เพื่อซัดทอดเอาเราให้ได้ พยานไหนร่วมมือก็กันเป็นพยาน พยานไหนไม่ร่วมมือก็เอาเป็นผู้ต้องหา การดำเนินคดีอย่างนี้มีความบริสุทธิ์หรือ

    “ในชั้นศาลคงจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของการดำเนินคดี ตั้งแต่ในชั้น คตส.ก็มีการจูงใจข่มขู่พยาน มันเป็นความไม่ปกติ อย่างที่สองก็คือกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาอย่างกระบวนการที่พยายามจะเอาเรา อ้างว่าทำสิ่งนี้ผิด อ้างว่าผมสั่งให้ออกทีโออาร์ที่ผิด แล้วคนที่ทำมันไม่ผิด แล้วผมจะไปผิดได้ยังไง ถ้าสิ่งที่ผมทำผิด คนที่รับไปปฏิบัติก็ต้องผิดด้วย ถูกไหม แล้วทำไมทั้งหมดเหลือผมอยู่คนเดียว ปล่อยทุกคนหมด ถ้ามันไม่เป็นเรื่องทางการเมืองแล้วเป็นเรื่องของอะไร"

    เมื่อถามถึงการยื่นประกันตัวในวันนี้ นายวัฒนา ระบุว่า ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ตนเสนอหลักประกันที่ 2 ล้านบาท ถ้าถูกเรียกวงเงินสูงมาก เตรียมไม่ทันก็คงไม่ได้ออก แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา วันนี้คงจะได้ไปเตะบอลที่สนามทีโอทีตามนัด

    ขณะที่นายนรินทร์พงศ์ ที่ปรึกษากฎหมายนายวัฒนา กล่าวถึงเรื่องหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวนายวัฒนาว่า ในวันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ทั้งหมด 5 ล้านบาท เบื้องต้นหากยื่นฟ้อง เราจะยื่นหลักทรัพย์เสนอศาลก่อน 2 ล้านบาท คดีวันนี้ เท่าที่ทราบ นายวัฒนาถูกกล่าวหา 2 ข้อหา ตามมาตรา 148 ที่อัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และมาตรา 157 ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบว่าศาลจะกำหนดมาตรฐานวงเงินประกันไว้ที่เท่าใด 
จำเลยมาไม่ครบ

    สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่อัยการนัดมายื่นฟ้องเป็นจำเลย จำนวน 9 ราย คือ นายวัฒนา เมืองสุข, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง, น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา, บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนล คอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ 1-9 

   แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่มาพบอัยการวันนี้มี 4 คน คือ นายวัฒนา, นายพรพรหม, บจก.เพรซิเดนท์ฯ โดยนายปกรณ์ และ บจก.ซิลเวอร์ โดยนางพิมพ์วรา ส่วนนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง และ น.ส.รัตนา ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ปัจจุบันถูกจำคุกในคดีร่วมทุจริตระบายข้าวจีทูจี ขณะที่นายมานะ, น.ส.กรองทอง และ น.ส.รุ่งเรือง ยังไม่มาพบอัยการ ดังนั้นคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริตจึงได้นำคำฟ้องที่ลงนามโดยนายเข็มชัย อัยการสูงสุด พร้อมสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. และเอกสารหลักฐานจำนวน 6 ลังใหญ่ ใส่รถเข็นไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 14.30 น. ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวพร้อมหลักทรัพย์ของนายวัฒนา จำเลยที่ 1 และนายพรพรหม จำเลยที่ 3 แล้ว อนุญาตให้ทั้งสองประกันตัวไปโดยตีราคาประกันนายวัฒนา 5 ล้านบาท และนายพรพรหม 3 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ส่วน บจก.เพรซิเดนท์ อะกริเทรดดิ้ง จำเลยที่ 8 และ บจก.ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำเลยที่ 9 นั้น เป็นการยื่นฟ้องนิติบุคคลที่เป็นบริษัท ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกัน

     ทั้งนี้ ศาลฎีกาฯ รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อม.42/2561 โดยนัดฟังคำสั่งในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เป็นการนัดให้อัยการโจทก์ฟังผลการประทับฟ้อง โดยที่ในวันดังกล่าวตัวจำเลยยังไม่ต้องเดินทางมาศาล ซึ่งหากวันดังกล่าวศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ประทับฟ้องของอัยการไว้พิจารณาพิพากษาแล้ว ก็จะกำหนดวันนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยต่อไป 
ใช้อำนาจตบทรัพย์

    โดยในวันนั้นจำเลยที่ถูกฟ้องจะต้องมาปรากฏตัวต่อศาลเป็นครั้งแรก และหลังจากที่ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องเป็นทางการแล้ว ประธานศาลฎีกาก็จะกำหนดวันนัดประชุมใหญ่ศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ขณะนี้มีทั้งหมด 176 คน เพื่อลงคะแนนลับเลือกผู้พิพากษาและผู้พิพากษาอาวุโสระดับชั้นตั้งแต่ศาลฎีกาขึ้นไป 9 คน เป็นองค์คณะรับผิดชอบคดีนี้ต่อไป

     นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย ที่ไม่มาพบอัยการในวันนี้ (นายมานะ จำเลยที่ 2, น.ส.กรองทอง จำเลยที่ 6 และ น.ส.รุ่งเรือง จำเลยที่ 7) อัยการมองว่ามีการประวิงเวลา เราจะดำเนินการตามขั้นตอน คือเมื่อฟ้องแล้วศาลฎีกาฯ ก็จะแจ้งหมายให้จำเลยทราบ แต่หากจำเลยยังไม่มาก็จะมีกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งอาจถึงขั้นออกหมายจับ 

    อย่างไรก็ดี ตามที่ศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ก็ต้องรอดูผลว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 10 รายที่ยังไม่ได้ประสานนัดตัวมาฟ้องในวันนี้ ยังติดปัญหาเรื่องการส่งหมาย และผู้ถูกกล่าวหาบางรายได้เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนกว่า จะได้ตัวผู้ถูกกล่าวหามาฟ้องอีก 1 ชุด เมื่อถึงตอนนั้นจะได้ขอรวมการพิจารณา

    ขณะที่นายวัฒนาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังได้รับการประกันตัวว่า เป็นที่น่าพอใจ ส่วนวันที่ตนจะต้องขึ้นศาลครั้งแรกอีกเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ ต้องรอติดตามจากอัยการ ตนพร้อมที่จะนำหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดในคำฟ้องว่ามีประเด็นอะไรบ้าง จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำบัญชีพยานขึ้นเบิกความกี่ปาก เชื่อว่าคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อนุมัติสั่งจ่ายเงินให้ผู้เสียชีวิตในการชุมนุมเมื่อปี 2553 จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดให้ฟ้องคดีแน่นอน ขณะที่คดีของฝ่ายตรงข้ามตน หลักฐานมักจะสูญหาย โดนน้ำท่วม ทำให้คดีไม่คืบ อย่างเช่นคดีนาฬิกาหรู 25 เรือน ไม่ทราบว่าไปถึงไหนแล้ว

     ทั้งนี้ คำฟ้องของอัยการระบุข้อหาจำเลยทั้ง 9 ว่า นายวัฒนา จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157, 83, 91.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"