ว่าด้วยเรื่องหน้ากากอนามัย


เพิ่มเพื่อน    

 

    การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ หรือระลอกที่สอง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ระบาดแล้วจริง ทำให้ความต้องการใช้หน้ากากอนามัยกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และสิ่งที่ตามมาเมื่อมีความต้องการเพิ่มขึ้นคือ การปรับราคาขายเพิ่มขึ้น การกักตุนสินค้า และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้บริโภค ทำให้ฝ่ายบริหารกระทรวงพาณิชย์ ทั้งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านปลัด ท่านอธิบดีกรมการค้าภายใน ต้องออกมาเรียกความเชื่อมั่น 

                โดยเฉพาะ บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันว่า "กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ค้าหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดการระบาดใหม่ๆ ในช่วงต้นปี และมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมทั้งสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดรายงานผลเข้ามาทุกวัน ยืนยันว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ของเรามีเพียงพอ ล่าสุดมีโรงงานผลิตเพิ่มเป็น 30 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 5 ล้านชิ้น จากในช่วงแรกๆ มี 9 แห่ง ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น โดยส่วนใหญ่ได้จัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงได้ใช้ก่อน ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือเป็นโรค ยังมีหน้ากากทางเลือก อย่างหน้ากากผ้า ที่จะใช้ได้”

                และยังย้ำว่า ตอนนี้ยังไม่พบการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย แต่ปริมาณการซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นมาก ทำให้บางร้านมีสินค้าไม่เพียงพอ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ ประชาชนซื้อน้อยลง ทำให้ร้านไม่ได้สต็อกสินค้าไว้จำนวนมาก แต่ได้สั่งสินค้าจากโรงงานผู้ผลิตแล้วและจะได้สินค้าภายใน 2-3 วัน ส่วนหน้ากากอนามัยที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจขายสูงเกินกว่าราคาควบคุม เพราะผู้นำเข้าต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการนำเข้าด้วย ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงอนุญาตให้ตั้งราคาขายโดยบวกค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้า นอกจากนี้ยังได้คาดโทษกลุ่มที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างชัดเจน 

                จากมาตรการและการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้บริโภคต่างก็มีความสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องวิ่งตระเวนหาซื้อหน้ากาก หรือควักกระเป๋าแทบฉีกเพื่อหาซื้อหน้ากากเหมือนเมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่มีการระบาดระลอกแรก ที่ถูกบรรดาพ่อค้าแม่ค้ากักตุนและโกงราคาขายชิ้น 20-30 บาท จนถึงขั้นว่ามีเงินก็ซื้อไม่ได้ จึงกลายเป็นที่มาที่ให้ เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการกลุ่มซีพี ประกาศทุ่มทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 แสนชิ้น หรือตกเดือนละกว่า 3 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน โดยโรงงานดังกล่าวเริ่มเปิดเดินเครื่องมาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2563 แล้ว ทำให้มีหน้ากากอนามัยใช้กันอย่างทั่วถึง

                แต่สุดท้ายกลับเกิดดรามาจากโลกโซเชียลพากันแชร์ข้อมูลหน้ากากอนามัยที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ มีราคาแพงกว่าราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ชิ้นละไม่เกิน 2.50 บาท งานนี้ทำเอาบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ร้อนตัวออกโรงชี้แจงทันทีว่า การจำหน่ายหน้ากากอนามัยนั้น หากเป็นการจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตภายในประเทศ ให้จำหน่ายในราคาขายปลีกไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท (รวม VAT) ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 10 พ.ศ.2563 และ ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 27 พ.ศ.2563

                และสินค้าดังกล่าวนั้น ซัพพลายเออร์รายหนึ่งเป็นผู้นำมาจำหน่ายในช่องทางการจำหน่ายของบริษัท ซึ่งบริษัทมีขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานก่อนมีการนำมาวางจำหน่าย โดยสินค้าดังกล่าวนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีหนังสือแจ้งว่า ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ โดยมีวัตถุประสงค์การใช้งานสำหรับป้องกันฝุ่นละออง หมอกควัน และเกสร จึงไม่ใช่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์แต่อย่างใด การจำหน่ายหน้ากากอนามัยดังกล่าวจึงไม่ใช่การจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ต้องจำหน่ายในราคาไม่เกิน 2.50 บาท (รวม VAT) แต่อย่างใด

                และถ้อยแถลงของฝ่ายบริหารซีพีออลล์ข้างต้น ได้ก่อให้เกิดข้อวิพากษ์ในวงกว้างว่า เหตุใด 7-11 จึงไปรับเอาหน้ากากอนามัยที่ไม่ใช่หน้ากากทางการแพทย์มาจำหน่าย ทั้งที่ในสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันนั้นประชาชนคนไทยต้องการซื้อหาหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างมาก อย่างนี้จะผิดไปจากเจตนารมณ์ของเจ้าสัวธนินทร์ ได้เคยรับปากที่จะให้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อแจกจ่ายให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเมื่อเรารวมมือกัน ไม่ว่าจะวิกฤติแค่ไหนก็สามารถผ่านมันไปได้เสมอ.   

บุญช่วย ค้ายาดี


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"