ตั้งกก.สมานฉันท์ไร้ฝ่ายค้าน


เพิ่มเพื่อน    

 

"ชวน" เซ็นตั้งกรรมการสมานฉันท์ 11 คน ไร้เงาฝ่ายค้านร่วมวง นายกฯ สั่งตรวจสอบข่าวเท็จ-ข้อความจาบจ้วงสถาบัน กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบังคับใช้กฎหมายดำเนินการ ขณะที่เยาวชนกลุ่มราษฎรธนบุรีถูกแจ้งข้อหา 112 หลังร่วมปราศรัยหมิ่นสถาบัน ศาลเยาวชนฯ ให้ประกันตัวแล้ว

    เมื่อวันจันทร์ มีรายงานข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ลงนามในประกาศรัฐสภา  เรื่องแต่งตั้งกรรมการสมานฉันท์ โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า "ตามที่มีประกาศรัฐสภาเรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ลงวันที่ 8 ธ.ค.2563 กำหนดรูปแบบและองค์ประกอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยกำหนดให้มีกรรมการ จำนวน 21 คน และบัดนี้ รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล  ส.ว. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้เสนอชื่อผู้แทนของตนเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์แล้ว  
    อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 วรรคสี่  ประธานรัฐสภาจึงออกประกาศแต่งตั้งบุคคลต่อไปนี้ เป็นกรรมการสมานฉันท์ 1.พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล 2.นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ 3.นายนิโรธ สุนทรเลขา 4.นายสรอรรถ กลิ่นประทุม 5.นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ 6.นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร 7.นายสุริชัย หวันแก้ว 8.นายวันชัย  วัฒนศัพท์ 9.นายสมศักดิ์ รุ่งเรือง 10.นายนิรุต ถึงนาค 11.นายวิโรจน์ ลิ้มไขแสง และให้ข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสมานฉันท์ ดังนี้ นายคุณวุฒิ ตันตระกูล เลขานุการ นายณัฐพัฒน์ พัดทอง ผู้ช่วยเลขานุการ นายศตพล วรปัญญาตระกูล ผู้ช่วยเลขานุการ"     
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 มีกระบวนการปล่อยข่าวที่ไม่มีข้อเท็จจริง  อ้างอิงไม่ได้ รวมทั้งการโพสต์ข้อความจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ตามช่องทางสื่อต่างๆ  เช่นสื่อออนไลน์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย จึงได้มอบหมายให้นายบรรสาน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และตน เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงการต่างประเทศ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมระดมความคิดเห็น บูรณาการการทำงานร่วมกัน
    รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า การเผยแพร่ข้อความเท็จหรือบิดเบือน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และที่ผ่านมามีการดำเนินการสืบสวน สอบสวน และดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีหากพบความผิด มีหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมทั้งย้ำกับประชาชนอย่ากดไลก์หรือแชร์ หรือบิดเบือนข่าว สร้างข่าวเท็จ เพราะจะสร้างความเสียหายต่อส่วนรวม รวมทั้งมีความผิดตามกฎหมาย ที่จะต้องดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิด
    ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม ตรวจสอบการเผยแพร่ข้อความที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดียตลอดเวลา ดังนั้น อย่าประมาทว่าเป็นการกระทำที่พิสูจน์ตัวตนไม่ได้
    วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.บุปผารามได้ควบคุมตัวเยาวชนชาย อายุ 17 ปีเศษ ผู้ต้องหาคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอควบคุมตัวตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553  ภายหลังที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบถามข้อมูลจากเยาวชน และแจ้งข้อหาตามขั้นตอนมาตรา 70 วรรคหนึ่ง วรรคสองแล้ว
    สำหรับพฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 16.00-21.40 น. ผู้ต้องหากับพวกเข้าร่วมชุมนุมของกลุ่มราษฎรฝั่งธนฯ และฟันเฟืองธนบุรี บริเวณวงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี และ ถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน กทม.  แล้วได้ขึ้นปราศรัยมีข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่นฯ พระมหากษัตริย์ ตาม ป.อ.มาตรา 112 โดยผู้ต้องหาได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย
    โดยบิดาของเยาวชน ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นนี้ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเยาวชน ผู้ต้องหาคดีนี้ไปตลอดตั้งแต่ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา  โดยตีราคาหลักทรัพย์ 5,000 บาท.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"