ฝีแตก!ตร.จำเลยสังคม จี้‘บิ๊กตู่’ตัดสินใจปฏิรูป


เพิ่มเพื่อน    

  "คำนูณ" ตั้งกระทู้นอกสภาจี้นายกฯ ตัดสินใจใหม่เรื่องปฏิรูปตำรวจ หลังฝีแตกครั้งใหม่กรณีบ่อนและแรงงานนำเข้าผิดกฎหมาย แนะดันร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจฉบับ "มีชัย" เข้าสภาไม่ใช่ฉบับแปลงสาร เอา "ระบบคะแนนประจำตัว" คืนมาแก้ปัญหาการวิ่งเต้นซื้อเก้าอี้ "อำนวย" ตอกย้ำระบาดรอบสองจากแรงงานเถื่อน-บ่อนการพนัน ตำรวจตกเป็นจำเลยสังคม ประชด! ไม่เรียกร้องปฏิรูปตำรวจให้เปลืองน้ำลายอีก อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว

    เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง "เอา 'ระบบคะแนนประจำตัว' คืนมา!" เนื้อหาระบุว่า "ขึ้นสัปดาห์ที่ 2  ของปี 2564 ยังไม่มีการประชุมวุฒิสภาเพราะเหตุโควิด-19  ระบาดรอบใหม่ จึงขอตั้งกระทู้สดอภิปรายนอกสภาไปพลาง เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส ในการทำเรื่องที่ท่านรับปากกลางรัฐสภาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26  กรกฎาคม 2562 แล้ว แต่ยังทำได้ไม่ใกล้เคียงความสำเร็จอย่างการปฏิรูปตำรวจ!"
    นายคำนูณระบุว่า "คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับปรุงแก้ไขจากร่างฯ ฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ตามที่ผมเรียกว่า ‘ฉบับแปลงสาร’  เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 หลังจากเมื่อ 15 มิถุนายน  2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือคัดค้านร่าง  พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มา 8 หน้า  14 ประเด็น จนกระทั่งมีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ  30 มิถุนายน มีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเสนอขอแก้ไขมาภายใน 10 วัน โดยระบุว่าให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปปรับเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันลงไปในร่างฯ ซึ่งเป็นการกระทบสาระหลักของร่างฯ และไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญกำหนด
    โดยมาตรา 258 ง (4) กำหนดไว้ว่า...'ในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน...' คำว่า 'ประกอบกัน' หมายถึงว่าทุกคนที่จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องมีทั้งอาวุโสและความรู้ความสามารถ แต่จะออกแบบให้มีการชั่งน้ำหนักอย่างไรเป็นหน้าที่ของกฎหมายที่จะร่างขึ้นมา ซึ่งกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ออกแบบ  'ระบบคะแนนประจำตัว' ขึ้นมาในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ ก่อนถูกแปลงสารให้ข้าราชการตำรวจทุกคนมีคะแนนประจำตัว 3 ส่วน ดังนี้ - อาวุโส 45% - ความรู้ความสามารถ 25% - ความพึงพอใจของประชาชน 30%"
    นายคำนูณระบุต่อว่า "อาวุโสก็หมายถึงอยู่ในตำแหน่งนั้นๆ นานกว่าคนอื่น ถ้าอยู่นานสุดก็ได้คะแนนเต็มไป นานรองลงไปแต่ละปีก็ได้คะแนนลดหลั่นกันลงไปปีละ 5 หรือ 6  คะแนน ความรู้ความสามารถก็ขึ้นอยู่กับผลงานและอื่นๆ  ตามที่จะกำหนดไว้ในกฎหมายลำดับรอง ส่วนความพึงพอใจของประชาชนนั้นได้กำหนดให้หน่วยงานภายนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นผู้สำรวจการทำงานของตำรวจแต่ละหน่วยงานแต่ละพื้นที่ ได้คะแนนเท่าไรก็ถือเป็นคะแนนที่ตำรวจในหน่วยนั้นได้เท่ากัน คะแนนประจำตัวนี้ข้าราชการตำรวจทุกคนจะต้องรับรู้ และสามารถคัดค้านได้ โดยมีระบบการพิจารณาตัดสินกำหนดไว้ชัดเจนและให้จัดทำบัญชีเรียงลำดับไว้
    ทั้งหมดนี้ผู้ร่างกฎหมายเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาในการแต่งตั้งโยกย้ายน้อยลง การวิ่งเต้นน้อยลง เพราะกฎเกณฑ์เหล่านี้เขียนไว้ในกฎหมายหลักระดับพระราชบัญญัติ และตำรวจทุกคนรับรู้คะแนนประจำตัวและลำดับของตนเอง  การวิ่งเต้นหรือเสนออามิสเพื่อไม่ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้จะทำได้ยาก การประมูลรับสัมปทานตำแหน่งอย่างเป็นระบบที่มีเสียงกล่าวหาอยู่ขณะนี้ยิ่งจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ได้เป็นการตัดอำนาจดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาเสียทีเดียว คะแนนความรู้ความสามารถ 25% นั่นแหละที่ยังเปิดช่องไว้ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจในส่วนนี้ได้ นี่เป็นนวัตกรรมที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์"
    นายคำนูณระบุว่า "น่าเสียดายที่นวัตกรรมนี้จะไม่มีโอกาสมาถึงรัฐสภาเพราะ ครม.อนุมัติตามร่างฯ ฉบับแปลงสารไปเสียแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายตามร่างฯ แปลงสารออกมา ย้ำอีกครั้งว่าคำในรัฐธรรมนูญว่า '...โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน' หมายถึงการแต่งตั้งโยกย้ายเข้าไปในทุกตำแหน่งที่ว่าง และกฎหมายลำดับรองลงมาจะต้องกำหนดกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน  ไม่ใช่แบ่งแยกเป็นกองๆ กัน เป็นกองอาวุโสล้วนๆ ร้อยละ  50 หรือ 33 ที่เหลือจึงเป็นกองอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน ไอ้ตรง 'ความรู้ความสามารถ' หรือ  'ความเหมาะสม' นี่แหละที่เป็นปัญหามาโดยตลอด เปิดช่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโดยไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน  เปิดช่องให้มีการวิ่งเต้นมาโดยตลอด
    ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายและเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องการซื้อขายตำแหน่งที่พัฒนามาจนเป็นการประมูลอย่างเป็นระบบ จึงจะยังไม่ได้รับการแก้ไขโดยพื้นฐาน รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจสูงสุด ถึงขนาดแยกบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญเลย และกำหนดให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด  โดยมีบทเร่งรัดกึ่งลงโทษกำกับไว้ด้วย แต่รัฐบาลก็ยังอุตส่าห์ทำไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แล้วจะตั้งกรรมการขึ้นมายกร่างกฎหมายตั้ง 2 ชุด 3 ชุดทำไม ใช้เวลารวมเกือบ 4 ปีไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายต้องกลับมาถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วก็ยกให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขในสาระสำคัญ แม้กระทั่งล่าสุดคณะกรรมการอิสระชุดท่านอาจารย์วิชา มหาคุณ ก็เห็นควรให้ท่านนายกรัฐมนตรีเสนอร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ไม่ใช่ฉบับแปลงสาร
    ขึ้นศักราชใหม่ สถานการณ์ฝีแตกครั้งใหม่กรณีบ่อนและแรงงานนำเข้าผิดกฎหมายปรากฏให้เห็น ถึงเวลาคิดใหม่ตัดสินใจใหม่ได้แล้วครับท่านนายกรัฐมนตรี" นายคำนูณระบุ
    ด้าน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์ข้อความเรื่อง "โควิด-19 กับการคิดบวก +++++" เนื้อหาระบุว่า "ประชาชนคนไทยและมวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความเครียด ความหวาดระแวง หวาดกลัว ขวัญผวาจนถึงขั้นวิตกจริตไปตามๆ กัน จากด้วยเหตุเดียวกัน คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มันเป็นเชื้อไวรัสที่มาเพื่อสั่งสอนชาวโลก มาให้บทเรียนแก่ชาวโลก มาสร้างบททดสอบต่อมวลมนุษยชาติ ว่าตั้งอยู่ในความประมาทหรือไม่? มีระเบียบวินัยเพียงใด? มีความสามัคคีในหมู่คณะมากน้อยแค่ไหน? ประเทศไหนที่ประชาชนไม่มีความประมาท มีระเบียบวินัย มีความสมัครสมานสามัคคีกัน สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือบ่อยๆ พยายามเก็บตัวเพื่อหยุดเชื้อเพื่อชาติก็จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี เช่นประเทศไทยของเราจึงได้รับคำสรรเสริญเยินยอไปทั่วโลก
    มาอีกทีการแพร่ระบาดในระลอกสอง หรือระลอกใหม่แล้วแต่จะเรียก ปัจจัยการแพร่ระบาดมันไปปักหมุดลงที่แรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวนอกระบบหลบหนีเข้าเมือง บ่อนการพนัน คลับบาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวนอกระบบและบ่อนการพนัน ซึ่งผิดกฎหมายอยูในตัวจึงเป็นการยากที่จะสอบสวนโรคและหาทางป้องกันได้ ในที่สุดตำรวจก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ว่าจมปลักอยู่กับอบายมุขธุรกิจสีเทา-ดำ และคำนินทา ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ คนติดเชื้อบอกว่าเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนการพนัน แต่พอตำรวจไปตรวจกลายเป็นห้องจัดเลี้ยง โกดังสินค้า คนป่วยเขาติดเชื้อโควิดนะครับไม่ใช่เป็นโรคประสาท กระผมดูหน้านักข่าวที่ไปทำข่าวก็พอดูออกว่าเขาคิดอย่างไร? ไม่ต้องไปถามประชาชนหรอกว่ามีใครเชื่อบ้าง ผู้บังคับบัญชากระทืบเท้าโครมๆๆ เอาจริงลากตัวผู้เกี่ยวข้องกับบ่อน กับแรงงานเถื่อนมาลงโทษโดยเด็ดขาด  ถามอีกทีมีใครเชื่อบ้าง บ่อนพระราม 3 ฆ่ากันตาย 3-4 ศพไปหลบอยู่ตรงไหน"
    พล.ต.ท.อำนวยระบุว่า "เรื่องแบบนี้จะมีเกิดและดับไปในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อตำรวจก็จะเกิดขึ้นพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ กระผมจะไม่เรียกร้องอีกแล้วครับว่าให้ปฏิรูปตำรวจ แม้ว่าในร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ..(ฉบับอาจารย์มีชัยฯ) ที่ยกร่างเสร็จมาร่วมสองปีแล้ว ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ตำรวจสอบกันเองแล้วเงียบไป คณะกรรมการคณะดังกล่าวชื่อว่า 'คณะกรรมการรับเรื่องราวร้องเรียนข้าราชตำรวจ' หรือ ก.ร.ตร. เป็นบุคคลภายนอกผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากการสรรหา สืบสวนสอบสวนเอง บ่อนจะกลายเป็นสถานที่จัดเลี้ยง กลายเป็นโกดังได้ก็ให้มันรู้ไป และมีอะไรอีกมากมายที่จะทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้นเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนอยู่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวซึ่งแรกๆ กระผมคิดว่าถูกเอาไปดองไว้ แต่ตอนนี้ชัดว่าถูกเอาไปใส่หม้อถ่วงน้ำ หรือไม่ก็ฝังดิน (ลืมที่ฝัง) ไปแล้ว  
    กระผมจะไม่ขอเรียกร้องให้นำกลับมา ไม่ขอเรียกร้องให้ทำการปฏิรูปตำรวจให้เปลืองน้ำลายอีกต่อไป อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิได้...อาเมน" พล.ต.ท.อำนวยระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"