นี่ไง 'ตัวแทนประชาชน'?


เพิ่มเพื่อน    

          ในที่สุดของบัดซบผู้นำ....

            สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ทำหน้าที่ "แกนนำสังคมโลกประชาธิปไตย" ที่ต้องชื่นชม

            ๔๓๕ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เกือบครึ่งของเกณฑ์ขั้นต่ำ คือกว่า ๒๐๐ คน เห็นพ้องร่วมกัน

            ควรถอดทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยเหตุจลาจลที่รัฐสภาเมื่อ ๖ มกราที่ผ่านมา

            ไม่เกินอังคารที่ ๑๒ มกรา เขาจะเปิดสภาอภิปรายและลงมติในเรื่องนี้ตามขั้นตอน

            ขั้นแรก ให้ "ไมค์ เพนซ์" รองประธานาธิบดี และ ครม.ใช้อำนาจตามบทบัญญัติจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ  ครั้งที่ ๒๕

            "ยึดอำนาจบริหารทรัมป์"

            เพราะไม่อยู่ในสถานะที่จะสามารถบริหารประเทศได้อีกแล้ว!

            ไมค์ เพนซ์ ต้องตอบให้สภาทราบการตัดสินใจภายใน  ๒๔ ชั่วโมง ถ้าโอเค สภาก็จะเดินหน้าสู่ขั้นตอนถอดถอน ตามข้อหาที่ร่างไว้แล้ว คือ

             "ทรัมป์เป็นภัยต่อความมั่นคงกระบวนการประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญของชาติ"

            ก็ไม่ทราบว่า เป็นปาหี่สภาผู้แทนสหรัฐฯ หรือเปล่า  เพราะจะถอด-ไม่ถอด อีกไม่ถึง ๑๐ วัน คือวันที่ ๒๐ มกรา ทรัมป์ก็จะพ้นจากตำแหน่งอยู่แล้ว

            อีกอย่าง แม้ผ่านขั้นตอนสภาล่าง แต่ด้วยเวลา ไม่น่าเพียงพอในขั้นตอนสภาสูง

            "โจ ไบเดน" ที่จะเข้ามาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ บอกแล้วว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง

            ก็หมายความว่า ทันสภาสูงยุคทรัมป์ ก็ว่ากันไป ในยุคเขาจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ แม้เดโมแครตจะมีเสียงในสภาสูงมากกว่ารีพับลิกันก็ตาม

            แม้จะยี่เกอเมริกันกลายๆ แต่ก็ดีกว่าระบบสภา โดย ส.ส.ไม่ทำอะไรให้โลกหยามได้ว่า

            พวกยูมันก็แค่ไอ้ตรายาง "ประชาธิปไตยสินค้าเถื่อน"!

            อย่างน้อย ส.ส.ก็ได้สะท้อนว่า การเข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนในสภา เขายึดประโยชน์รวมคือ "ชาติ-ประชาชน" เป็นหลัก

            แยกผิด-แยกถูก, แยกดี-แยกเลวในการทำหน้าที่ได้ สมภาวะผู้แทน เป็นที่พึ่ง-ที่หวังของประชาชน ในยามเป็น-ยามตายได้พอสมควร

            ไม่ได้ยึดประโยชน์ "พวกเขา-พวกเรา" เป็นที่ตั้ง เข้าสภาได้ ก็ลากหางชอนไชกินไส้ประเทศตะพึด-ตะพือ

            เรียกว่า ประชาธิปไตยสหรัฐฯ แม้ทรัมป์ลอกเลียนแบบประชาธิปไตยทักษิณ ถ้าบอกว่าเลว

            ของเขาเลวครึ่งเดียว เฉพาะตัวคน ส่วนระบบ คือสภาผู้แทน ส.ส.ไม่ยกพรรค-ยกฝ่ายเลว

            ตรงข้ามกับประชาธิปไตยยุคทักษิณ ไปตั้งแต่หัวจรดหางเลย!     

            มีตัวอย่างเป็นภาพสะท้อน "ภาวะสำนึก" อยากจะยกมาให้พิจารณากัน

            คงจำกันได้ เรื่อง "เหมืองทองคำอัครา" คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย ได้รับสัมปทานในเขตรอยต่อ พิจิตร-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์

            ทำเหมืองนั้นทำได้....
            แต่การเอาแต่ได้ ปล่อยมลพิษภาวะ ทั้งทางเสียงจากการระเบิดเหมืองตลอดวัน-ตลอดคืนใกล้ชุมชน

            ทั้งปล่อยสารโลหะหนักและสารเคมีลงแหล่งน้ำ ชาวบ้านใช้น้ำไม่ได้ ทั้งป่วยเป็นโรคผิวหนัง จากสารแมงกานีส ไซยาไนด์

            เดือดร้อนกันมาก ทั้งชาวบ้านมาร้องเรียนเอง ทั้งพวกอ้างเพื่อสังคมเป็นอาชีพ พามาร้องเรียน

            ก็ไม่มีรัฐบาลไหนรับฟัง ก็จะฟังได้ไง ประธานเปิดเหมืองนี้ ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ผู้เป็นนายกฯ ขณะนั้น

            และแต่ละรัฐบาลต่อๆ มา เป็นรัฐบาลระบอบทักษิณส่วนใหญ่ แล้วใครจะสนความทุกข์ชาวบ้านล่ะ?

            จนเมื่อพลเอกประยุทธ์เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศนั่นแหละ

            รัฐบาลเผด็จการกลับเอาใจใส่ความเดือดร้อนชาวบ้าน ให้ตรวจสอบตามข้อร้องเรียน สั่งระงับการทำเหมืองในที่สุด

            บริษัทคิงส์เกตฯ ก็ฟ้องรัฐบาลไทยเรียกค่าเสียหายหลายหมื่นล้าน เรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ

            รัฐบาลทำเพื่อประชาชน เมื่อถูกต่างชาติฟ้อง แทนที่คนไทยจะเป็นกำลังใจให้รัฐบาล แต่คนพวกหนึ่ง คงไม่ต้องบอกพวกไหน กลับสะใจ

            ทั้งในถนน ในพรรค ในสภา ในโซเชียล รุมโขยกโขกสับ ยกเป็นความผิดของนายกฯ ที่ใช้ ม.๔๔ ไปปิดเหมือง

            ถึงขั้นว่า ถ้าแพ้ นายกฯ ต้องรับผิดชอบ!

            ทั้งชาวบ้านที่ร้องเรียน ทั้งนักต่อสู้เพื่อชาวบ้านคือพวกเอ็นจีโอ ที่เคยแต้นแร้ง-เต้นกา

            "หายหัวเงียบ"

            ซักคำว่า "เห็นใจนายกฯ" ก็ไม่มี!

            "ฝ่ายค้าน" ในสำนึกของ ส.ส.แทนที่จะแยกแยะได้ในเรื่องนี้ กลับถือเป็นโอกาส ตั้งญัตติกระชากลากไส้นายกฯ ในสภา ซึ่งเป็นเรื่องน่าอดสูในสำนึก

            ที่อารัมภบทมานี่ ก็เพื่อบอกว่า เมื่อวาน (๑๑ ม.ค.๖๔) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยรัฐมนตรีสุริยะ ได้รายงานความคืบหน้าคดีต่อ ครม.ประมาณ ว่า

            เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ผลการเจรจากับ บริษัท คิงส์เกตฯ  ค่อนข้างมีความชัดเจนว่า

            "จะจบลงด้วยดี" มีแนวโน้มถอนฟ้องรัฐบาลไทย!

            และคิงส์เกตฯ จะกลับมาลงทุนในไทยอีกครั้ง ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ.๒๕๖๐ และ พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ พ.ศ.๒๕๖๐     โดยคิงส์เกตฯ อาจจับมือกับนักลงทุนไทย เพื่อลงทุนครั้งใหม่นี้ด้วย

            นับเป็นข่าวดีประเทศ เกลียดนายกฯ จะหันไปชมท่านรัฐมนตรีสุริยะ ว่าเจรจารักษาผลประโยชน์ประเทศชาติได้ดี ก็ไม่เกินเลยตรงไหน

            แต่ตรงกันข้าม ข่าวดีของประเทศ กลับเป็นข่าวทำให้ ส.ส.พรรคหนึ่ง กินไม่ได้-นอนไม่หลับ

            มันไร้ค่า-ไร้ราคา ที่ผมจะพูดเอง ขออนุญาตยกบางตอนจากข่าวมาให้ท่านอ่านเองละกัน

            "นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  ประธานกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

                ตามที่ทราบข่าวจากรายงานที่บอกว่า แนวโน้มการเจรจาเป็นไปด้วยดีและจะไม่มีการจ่ายค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น ทุกกรณี ให้รู้สึกแปลกใจ ว่าจบกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ......

                ......การที่เรื่องจะจบง่ายๆ โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากเหลือเกิน จนนำมาซึ่งคำถามว่า

                รัฐบาลไทยเอาเรื่องอะไรไปเจรจาต่อรอง มีเรื่องใดแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยหรือไม่.......

                ........ผมคิดว่าประชาชนคงเกิดคำถามว่า ทำไมเรื่องนี้มันจบง่ายจัง เพราะเท่าที่ติดตามข่าวมา บริษัท คิงส์เกตฯ  เรียกค่าเสียหายไว้ประมาณ ๓ หมื่นล้าน.....ฯลฯ"

                สรุป คือ....

            ความฉิบหายของชาติบ้านเมือง คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการ

            พวกมึงเป็น ส.ส.เพื่ออะไรกันแน่ หือ?
           

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"