ชงสภาเลิก‘ม.112’ ปิยบุตรเผยตัวตน-ก้าวไกลรับลูกรื้อ3พรบ.อุ้มม็อบ


เพิ่มเพื่อน    

 

"ปิยบุตร" เผยตัวตนอย่างเป็นทางการ เลิกกลืนเลือด  ชงสภาเลิก ม.122 โดยเร็ว อ้างจะปล่อยให้อนาคตของชาติถูกตั้งข้อหาไม่ได้ ก้าวไกลรับลูก เปิดหน้ารบ สภาเปิดเมื่อไหร่เสนอแก้กม.อาญาฐานความผิดหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึงมาตรา 112 รื้อ พ.ร.บ.คอมพ์ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ คุ้มครองม็อบ 3 นิ้ว

    เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ระบุว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาในทุกมิติ ทั้งในแง่ของตัวบทกฎหมาย ในแง่ความไม่ได้สัดส่วนของอัตราโทษ ในแง่การนำมาใช้และตีความ ในแง่ของอุดมการณ์ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง ดังที่ผมเคยแสดงความเห็นไว้ในหลายโอกาส
    ปัจจุบัน สถานการณ์การนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีทีท่าจะแรงต่อเนื่องไปอีก ผมจึงมีความเห็นว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยเร็วที่สุด
    ในการณ์นี้ อาจใช้โอกาสยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ทั้งระบบไปในคราวเดียวกัน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประมุขรัฐต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ศาล เจ้าพนักงาน ไปจนถึงบุคคลธรรมดา ให้ไปว่ากล่าวกันทางแพ่ง และควรแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาททางแพ่ง ให้มีเหตุยกเว้นความผิดในกรณีวิจารณ์โดยสุจริต เป็นประโยชน์สาธารณะด้วย
    การยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากลและนานาอารยประเทศในศตวรรษที่ 21 ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก
    เราปล่อยให้ “อนาคตของชาติ” โดนตั้งข้อหา ดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้ พวกเขาเสียสละเสรีภาพ และอาจรวมถึงร่างกาย ชีวิตด้วย เพื่อการต่อสู้ เทียบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สิ่งที่เสียไปน้อยกว่าพวกเขามาก ต้องไม่ลืมว่า เงินเดือน ตำแหน่ง คะแนนเสียงจำนวนมากของ ส.ส.หลายคนก็มาจากพวกเขา ดังนั้น การแสดงความกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อพวกเขา เพื่ออนาคตของชาติ เพื่อประเทศไทย ด้วยการผลักดันแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างยิ่ง
    กลางเดือนมีนาคม 2561 สมัยผมเริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมยอม “กลืนเลือด” ตัดสินใจขัดแย้งกับมโนธรรมสำนึกของผมอย่างสิ้นเชิงมาแล้ว ด้วยการประกาศว่า ไม่มีนโยบายแก้ 112 ทั้งนี้ ก็เพื่อขจัดอุปสรรคขัดขวาง ให้พรรคก่อตั้งได้ ให้พรรคได้ไปต่อ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้ เพื่อฝ่าแรงเสียดทานจนไปสู่การลงเลือกตั้งได้ และด้วยหวังว่าเขาจะปรานีให้พรรคอนาคตใหม่ได้ต่อสู้ทางการเมือง
    นั่นกลายเป็น “ตราบาป” ที่ฝังในจิตใจของผม และเป็น “แผลเป็น” ในชีวิตทางการเมืองของผม จนวันนี้ก็ยังคงก่อกวนอยู่ในความคิดจิตใจของผมเสมอ
    มาถึงวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เสียงสนับสนุนให้ยกเลิก 112 มีมากกว่าเดิมเยอะ ประชาชนจำนวนมากพร้อมสนับสนุน และ “อนาคตของชาติ” พร้อมเป็น “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” ให้กับ ส.ส.
    ผมทราบดีว่า แม้ ส.ส.จะร่วมกันเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก 112 แล้ว ก็อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจเจอกลยุทธ์เตะถ่วงไม่ใช่ “วาระด่วน” ต้องต่อแถวญัตติอื่นๆ จนสภาหมดอายุก็ยังไม่ได้พิจารณา แต่อย่างน้อย การเสนอร่างเข้าไปก่อน ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับการรณรงค์ กดดันต่อเนื่องต่อไป
    “รัฐบุรุษกับนักการเมือง ต่างกันตรงที่นักการเมืองคิดถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่รัฐบุรุษคิดถึงอนาคตของชาติ คิดถึงคนรุ่นถัดไป เมื่อท่านพูด คนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำ คนจะเชื่อ" นายปิยบุตรระบุ
    ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อสภาเปิดประชุมอีกครั้ง พรรคก้าวไกลจะยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึงมาตรา 112, ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 และร่างแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เพื่อคุ้มครองและประกันเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตามหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี แสดงความเห็นว่า นายปิยบุตรกำลังปลุกเร้าเพื่อเร่ง ส.ส.ให้เสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งเสนอการยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น โดยอ้างว่าเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากล ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก  
    สิ่งที่นายปิยบุตรนำเสนอ เป็นหลักคิดของพวกทุนสามานย์ ที่ใช้วาทกรรมให้คนเคลิ้มตาม ดูแล้วเท่ ที่บอกว่า "ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก"
    เนื่องจากพวกนายทุนสามานย์สามารถจัดสมุน ลิ่วล้อใช้วาทกรรมไปทำร้ายคนอื่น ใช้คีย์บอร์ดมุ่งโจมตี ใช้ปลายปากกาเป็นอาวุธในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม เมื่อถูกดำเนินคดีก็พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับ เพราะมีทุนสะสมอยู่มาก ส่วนคนจนก็ต้องจำคุกแทนค่าปรับ
    แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ครับ ว่าเจตนาของนายปิยบุตร ต่อสถาบันพระมหากษัตรย์นั้น มีความจริงใจ บริสุทธิ์ใจแค่ไหน พวกเรายืนยันว่า มาตรา 112 คือความมั่นคงของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะมาตรา 112 คือปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติการของพวกเขา
    "หยุดเถิดคุณปิยบุตร ที่จะมาสร้างวาทกรรมบิดเบือนให้คนเข้าใจผิดเรื่องมาตรา 112 วันนี้สังคมไทยเขาตื่นรู้ และรู้ไปถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของพวกคุณทั้งประเทศแล้ว ถ้าแน่จริงพวกคุณน่าจะออกมาเล่นเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่หลบอยู่ข้างหลัง และปล่อยให้เด็กๆ ต้องไปเผชิญชะตาตามยถากรรม" นพ.วรงค์ระบุ
    ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ถึงแม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้แทนของราษฎรบางคนอยากผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ให้จงได้ แต่ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ส.ส.เหล่านั้นมีผู้ใดบ้าง ที่กล้าท้าทายแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะอาจเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยคือประเทศไทย ไม่ใช่ทาสรับใช้พวกตะวันตก การบัญญัติและการคงอยู่ของกฎหมายดังกล่าว ย่อมสอดรับกับค่านิยมวัฒนธรรม ประเพณีทางกฎหมายของไทย ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งต่อการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแต่อย่างใด หากการใช้สิทธินั้นไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
    "เราไม่อาจปล่อยให้อนาคตของชาติถูกล้างสมองจนต้องโดนข้อหาจนต้องเข้าคุกเข้าตะราง โดยที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยังลอยนวลอยู่อีกต่อไปได้ สังคมไทยต้องช่วยกันลากไส้ เอาบุคคลเหล่านี้มาลงโทษตามครรลองของกฎหมายโดยเร็ว หากปล่อยให้ยืนผยองอยู่ในสังคม ก็รังแต่จะสร้างความแตกแยก สร้างปัญหาให้กับชาติ ให้กับแผ่นดินต่อไป โดยเอาเด็กและเยาวชนของชาติมาเป็นเครื่องมือในการทดลองทางอุดมการณ์ของตนนั่นเอง"
    ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ได้นำตัวนายสิริชัย นาถึง หรือนิว อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล โดยมีการแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ทำให้เสียทรัพย์ และข้อหาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องห้าม หรือเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร”
    ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาเป็นนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยมีอาจารย์ในสถาบันที่ผู้ต้องหาศึกษาอยู่เป็นผู้ประกัน หากปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน โดยห้ามผู้ต้องหากระทำการใดในทำนองเดียวกันซ้ำอีก.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"